จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 20 ทำไม เจ้ายังอยากจะแต่งงานกับผู้อื่นรึ
“ได้” จวินหย่วนโยวเรียกคนรับใช้ให้เข้ามา และสั่งให้เขาไปยกอาหารจากห้องครัวมา
ไม่นานอาหารเลิศรสมากมายถูกยกเข้ามา วางเต็มโต๊ะ ทำเอาหยุนถิงน้ำลายจะไหลมิไหลแหล่ พุ่งตรงไปที่โต๊ะอาหาร นั่งลงกินสวาปามคำโต
“ซื่อจื่อ อาหารจวนท่านอร่อยจริงๆ อร่อยมากเลย” หยุนถิงชื่นชม สวาปามต่อ
จวินหย่วนโยวมองท่าทางการกินอย่างรวดเร็วเร่งร้อนของนาง อดขมวดคิ้วถามไม่ได้ว่า “จวนซื่อจื่อไม่ได้ให้เจ้ากินข้าวรึ?”
“ให้แล้ว แต่ก่อนหน้านี้ดูแลท่านไม่มีเวลากิน” หยุนถิงตอบอุบอิบไม่ชัดเจน
จวินหย่วนโยวคิดถึงที่นางดูแลเขาทั้งคืนเมื่อคืน ลุกขึ้นเดินเข้นมาหา และนั่งลงตรงข้ามหยุนถิง คีบอาหารให้นางด้วยตัวเอง “กินช้าหน่อย เมื่อคืนลำบากเจ้าแล้ว”
“ไม่ลำบาก ขอเพียงซื่อจื่อท่านสบายดีก็พอแล้ว ท่านดี ข้าถึงจะดีด้วย” หยุนถิงก็ไม่เลือกมาก กินอาหารที่จวินหย่วนโยวคีบให้จนหมด
คำพูดโจ่งแจ้งเช่นนี้ทำให้จวินหย่วนโยวมีสีหน้ากระอักกระอ่วน แต่พอเห็นหยุนถิงไม่สนใจท่าทางการกินของตัวเอง จวินหย่วนโยวก็มีรอยยิ้มละไม
ปกติท่าทางการกินของเหล่าสตรีมักจะเรียบร้อยสง่างาม หรือไม่ก็กินน้อยมากก็อิ่มแล้ว มักจะระมัดระวังท่าทางการกินของตนเองมาก แต่สตรีตรงหน้านี้น่ากลัวจะเป็นผีอดอยากมาเกิดกระมัง ท่าทางสวาปามกินหมดทุกจานเช่นนี้ทำเอาเขามองตะลึงเลย
แต่ยากนักที่จะเห็นผู้หนึ่งมีท่าทางจริงใจ ไม่เสแสร้งเช่นนี้ จวินหย่วนโยวยิ่งชื่นชมหยุนถิงมากยิ่งขึ้น
เหล่เห็นน้ำแกงที่เลอะมุมปากของหยุนถิงอยู่ จวินหย่วนโยวยื่นมือออกมา
หยุนถิงตะลึง “ซื่อจื่อทำไมรึ?”
“ปากเจ้าเลอะน้ำแกง ข้าช่วยเจ้าเช็ดออก” จวินหย่วนโยวตอบ นิ้วมือช่วยเธอเช็ดมุมปาก ไม่ทันระวังโดนริมฝีปากบางของเธอ
อ่อนนุ่ม เรียบลื่น มันวาวเล็กน้อย ยิ่งทำให้กระจ่างใสชุ่มชื้น ทำเอาสายตาจวินหย่วนโยวทุ้มลึกมากขึ้น
หยุนถิงไม่ได้ปฏิเสธ เพราะว่าไม่ทันสนใจ ปล่อยให้จวินหย่วนโยวเช็ดให้
สุดท้ายพบว่า นิ้วมือของซื่อจื่อเหมือนจะปาดโดนปากเธอ หยุนถิงพูดไม่ออกทันที
ซื่อจื่อขี้โรคคนนี้แต๊ะอั๋งเธอเกินไปหน่อยไหม แบบนี้ก็ได้หรอ
“แค่กแค่ก หน้าซื่อจื่อท่านก็มีอะไรอยู่ ข้าช่วยนะ” หยุนถิงบอก สองมือยกขึ้นมา บีบหน้าจวินหย่วนโยวทันที แกล้งบีบเค้นไปมาจนรูปหน้าเปลี่ยน
จวินหย่วนโยวสีหน้าตะลึง รับรู้ได้ถึงความเจ็บปวดที่เกิดจากการที่หยุนถิงบีบเล่น มองดูแววสดใสและรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ในดวงตาสตรีตรงหน้า ก็รู้ว่านางจงใจ
เขาที่มีรักสะอาดอย่างมากไม่เคยให้สตรีใดเข้าใกล้มาก่อน วินาทีนี้กลับมิได้รังเกียจหยุนถิงเลย จวินหย่วนโยวตนเองยังพูดไม่ออกเลยว่าเพราะเหตุใด
“ซื่อจื่อ เจ็บหรือไม่?” หยุนถิงแสร้งถาม
“ไม่เจ็บ” จวินหย่วนโยวตอบ
“งั้นข้าลงแรงมากหน่อย สบายมากใช่หรือไม่?”
“ได้สิ”
“ไอ้โหย ซื่อจื่อ ความอดทนของท่านแกร่งมากอยู่นี่นา ข้าจะลงแรงละนะ ท่านต้องทนให้ไหวนะ” หยุนถิงบอก แกล้งลงแรงที่มือ
จวินหย่วนโยวสีหน้าเรียบเฉย ไม่ขมวดคิ้วแม้แต่น้อย “แรงนี้กำลังดี ข้าถือว่าเจ้าบีบนวดให้ข้าแล้วกัน”
หยุนถิงพูดไม่ออก พลันรู้สึกว่าตัวเองปัญญาอ่อนเกินไป ถึงปล่อยเขาออก ก้มหน้ากินข้าวต่อไป
จวินหย่วนโยวดึงนิ้วมือกลับเช่นกัน ไม่ได้ใช้ผ้าเช็ด แต่กลับวางนิ้วใส่ปาก และดูดซับแผ่วเบา “รสชาติไม่เลวจริงๆ”
หยุนถิงหน้าแดงฉับพลัน หมอนี่ต้องจงใจแน่ๆ ถลึงตาใส่เขาอย่างขัดเคือง ก่อนก้มหน้ากินต่อไป
จวินหย่วนโยวเห็นใบหน้าที่แดงเรื่อของนาง พลันเลิกคิ้ว ยิ้มมุมปากน้อยๆ
คิดไม่ถึงว่า แค่ไม่กี่คำก็ทำให้หยุนถิงที่เมื่อครู่เย้าหยอกกลับเขินอายขึ้นมาได้ น่าสนใจนัก
ด้านนอกประตู พ่อบ้านที่แนบหูฟังข้างกำแพงใบหน้าแดงก่ำ ไม่กล้าฟังต่อไป รีบถอยออกโดยไว
“พ่อบ้านท่านจะเดินเร็วเยี่ยงนั้นทำไมกัน ข้ายังไม่ได้ยินเลย ซื่อจื่อกับคุณหนูหยุนเป็นอย่างไรบ้าง ทั้งคู่ได้?” รั่วจิ่งถามอย่างยินดี
เมื่อครู่เขามัวแต่ดูแลแขกเหรื่อ ตอนนี้ถึงได้พักมา สุดท้ายเห็นพ่อบ้านลากเขาออกไปทั้งๆหน้าแดง
“ยังเรียกคุณหนูหยุนอยู่อีก ต่อไปต้องเรียกฮูหยินแล้ว” พ่อบ้านตอบ
“อ๊า ซื่อจื่อกับนาง ข้าล่ะนับถือความกล้าหาญของซื่อจื่อจริงๆ ถึงคุณหนูหยุนจะมีวิชาแพทย์ไม่เลว นิสัยก็ดี แต่ใบหน้านั้นยังน่าเกลียดอยู่สักหน่อย” รั่วจิ่งเบ้ปากบอก
“ซื่อจื่อชอบก็พอแล้ว ของเจ้าไม่สำคัญ เอาล่ะ รีบไปดูแลแขกเหรื่อเถอะ คืนนี้ห้ามให้ใครหน้าไหนมารบกวนซื่อจื่อเด็ดขาด” พ่อบ้านกำชับ
“ขอรับ” รั่วจิ่งรีบยืนหน้าประตูเรือน ประหนึ่งเทพพิทักษ์ประตูก็ไม่ปาน อย่าว่าแต่คนเลย ต่อให้เป็นยุงสักตัวก็จะไม่ปล่อยเข้าไปแน่
หลายปีมานี้ ข้างกายซื่อจื่อไม่เคยมีสตรีใดมาก่อน เหล่าคุณหนูตระกูลสูงในเมืองหลวงพวกนั้นเองก็แห่กันมาตามเกาะแกะซื่อจื่อมากมาย แต่ซื่อจื่อกลับไม่เคยมองพวกนางเต็มตาเลย หายากนักที่จะเจอสักคนที่ซื่อจื่อชอบ รั่วจิ่งย่อมดีใจอยู่แล้ว
แขกเหรื่อด้านนอกเห็นจวินซื่อจื่อไม่ออกมาดื่มเหล้าด้วยเลย ทุกคนพากันถอนหายใจโล่งอก เพราะจวินซื่อจื่อรังสีรุนแรงเกินไป เขาไม่มาทุกคนก็รู้สึกสบายใจขึ้น
โต๊ะจีนที่ราวกับงานเลี้ยงในพระราชวังทำให้ทุกคนพอใจมาก ชมไม่ขาดปากกับความใจกว้างร่ำรวยของจวินซื่อจื่อ ทุกคนพากันดื่มกินอย่างไม่เกรงใจ
ในห้อง อาหารบนโต๊ะกวาดเรียบทุกจานในเวลาไม่นาน หยุนถิงถึงลูบท้องตนเองและเรอออกมาอย่างพึงพอใจ “ในที่สุดก็อิ่มสักที อาหารของจวนซื่อจื่ออร่อยนัก”
“ต่อไปที่นี่เป็นบ้านของเจ้า เจ้าอยากกินอะไรก็สั่งคนรับใช้ไปทำ ถ้าชอบก็กินทุกวันได้” จวินหย่วนโยวบอก
“ได้เลย” หยุนถิงยิ้มมุมปากอย่างพอใจ พอกินอิ่มเธอก็ง่วงขึ้นมา ลุกขึ้นเดินไปทางเตียง
จวินหย่วนโยวให้คนรับใช้เก็บกวาดถาดจานพวกนั้นออกไป ในห้องสะอาดสะอ้าน ถึงเดินเข้ามา
เตียงที่เดิมไม่กว้างขวางเท่าไหร่ พลันกลับมีสองคนมานั่งข้างกัน ดูจะเบียดเสียดไปหน่อย หยุนถิงเองก็เริ่มตื่นเต้น
คืนนี้เป็นคืนสมรสของเธอกับจวินหย่วนโยว ถึงทั้งสองคนจะแค่ร่วมมือกัน ต่างต้องการคนละอย่าง แต่ตอนนี้เป็นกลางดึก ทั้งสองคนนั่งใกล้กันขนาดนี้ หยุนถิงเริ่มรู้สึกหายใจติดขัดด้วยความตื่นเต้น
จวินหย่วนโยวที่อยู่ข้างๆก็เช่นกัน ทั้งที่รู้ว่าเขากับหยุนถิงเป็นเพียงผัวเมียในนาม คืนนี้เขาจะไปนอนที่ห้องอื่นก็ได้ ตัวจวินหย่วนโยวเองก็ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดถึงไม่อยากออกไป
ทั้งสองคนไม่มีใครพูดอะไร บรรยากาศดูวาบหวาน และอึดอัดอยู่บ้าง
“ท่านเจ้า….” หยุนถิงกับจวินหย่วนโยวเปิดปากพร้อมกัน ทั้งสองคนมองหน้ากันและกัน ยิ่งตื่นเต้นเข้าไปใหญ่
“คือ…” ทั้งสองคนพูดพร้อมกันอีก คราวนี้หน้าแดงขึ้นทั้งคู่
“ซื่อจื่อท่านพูดก่อนเถอะ” หยุนถิงรีบบอก
“ได้ ข้ามีของอย่างหนึ่งอยากให้เจ้าดู” จวินหย่วนโยวลุกขึ้นไปดึงลิ้นชักของโต๊ะข้างๆ หยิบกล่องที่ทำจากไม้หนานด้ายทองกล่องหนึ่งออกมา
“นี่คืออะไรรึ?” หยุนถิงถาม หรือว่าหมอนี่จะให้ของขวัญเธอ?
“เจ้าเปิดออกดูสิ”
หยุนถิงยื่นมือรับมาเปิดออกดู เห็นว่ด้านในเป็นหนังสือเล่มหนึ่ง ปกหนังเป็นสีดำ มีตัวหนังสือปรากฏขึ้นต่อหน้าเธอว่า ผังตระกูลจวิน
“ซื่อจื่อ ทำไมท่านให้ข้าดูสิ่งนี้ล่ะ หรือว่าอนุอย่างข้าก็จะเข้าผังตระกูลตระกูลท่านด้วย?” หยุนถิงถาม
“ใช่ บัดนี้เจ้าตบแต่งให้ข้าแล้ว ก็เป็นคนตระกูลจวิน แน่นอนว่าต้องเข้าผังตระกูลจวินสิ”
“ไม่จำเป็นกระมัง พวกเราแค่ร่วมมือกัน ไม่แน่ว่าวันไหนยกเลิกสัญญาแล้วก็ต่างคนต่างไปคนละทางแล้ว” หยุนถิงแค่นเสียงบอก
จวินหย่วนโยวได้ยินคำนี้ สีหน้าเย็นชาลงทันที “ทำไม เจ้ายังคิดจะตบแต่งกับผู้อื่นรึ?”