จอมนางข้ามพิภพ บทที่21 พวกเราจะนอนกันยังไง
“ไม่ใช่อยู่แล้ว ข้าไม่อยากหนีเสือแล้วมาปะจระเข้หรอกนะ” หยุนถิงตอบ
จวินหย่วนโยวสีหน้าเย็นชาลงมาทันที: “เจ้าว่า ข้าเป็นจระเข้เหรอ?”
“ไม่ใช่อย่างนั้น ซื่อจื่ออย่าโกรธสิ ข้าพูดผิดเอง ความหมายของข้าคือ ข้าเพิ่งหนีออกมาจากหลีอ๋องเสือตัวนั้น มาเจอกับซื่อจื่ออย่างท่านที่หล่อเหลาขนาดนี้ ได้กินได้อาศัยโดยไม่เสียเงิน แถมยังไม่ต้องทำงานอีก ชีวิตดี๊ดีแบบนี้ ข้าไม่อยากแต่งกับคนอื่นหรอกนะ
ถ้าวันไหนการร่วมงานของเราจบลง ข้าจะซื้อบ้านตัวเอง จากนั้นก็เลี้ยงพวกผู้ชาย ที่ได้ทั้งดนตรีร้องเพลงซักผ้านวด ใช้ชีวิตครึ่งสุดท้ายสบายๆ” หยุนถิงอธิบาย
ประโยคหน้ายังดีอยู่ แต่พอได้ยินประโยคหลัง จวินหย่วนโยวถึงกับสีหน้าแดงแปร๊ด นัยน์ตาดำนั้นแผ่ซ่านไปด้วยความเย็นชา: “ชาตินี้เจ้าอย่าคิดที่จะได้ใช้ชีวิตแบบนั้นเลย”
เขาเปิดหนังสือลำดับวงศ์ตระกูล จากนั้นก็ชี้ไปที่หนึ่งในหน้านั้น
หยุนถิงขยับเข้าไปดู ทันใดนั้นก็รู้สึกเหมือนมีฟ้าผ่ากลางหัว: “ซื่อจื่อ ข้าตาลายไปหรือเปล่า?”
“ไม่อยู่แล้ว ก็เหมือนที่เจ้าเห็นนั่นแหละ”
“งั้นท่านไม่ทันระวังเขียนผิดเหรอ?” หยุนถิงสงสัย
“ไม่ได้เขียนผิด” จวินหย่วนโยวตอบ
ครึ่งนี้หยุนถิงเฉยไม่ได้แล้ว นางคว้าแขนของจวินหย่วนโยวไว้: “ซื่อจื่อ ท่านกำลังจะคิดสั้นหรือเปล่า เขียนชื่อตำแหน่งซื่อจื่อเฟยเป็นข้าได้ยังไงกัน ถ้าคนอื่นมารู้ว่าท่านแต่งงานกับซื่อจื่อเฟยหญิงที่ขี้เหร่ที่สุด ท่านจะถูกคนอื่นหัวเราะเยาะจนฟันหักเอาได้นะ”
“แล้วอนุภรรยาไม่โดนคนอื่นหัวเราะเยาะเหรอ?” จวินหย่วนโยวเลิกคิ้วถาม
เขาอยากให้นางดีใจ แต่ทำไมตอนนี้ถึงรู้สึกนางตกใจกันนะ
“ก็ต้องหัวเราะอยู่แล้วสิ แต่ถ้าเป็นอนุภรรยาน่ะเหรอ คนอื่นพูดแล้วเดี๋ยวก็ลืมกันไปเอง ใครจะจำอนุภรรยาได้ล่ะ แต่ซื่อจื่อเฟยแตกต่างออกไป นั่นเป็นตัวแทนของตระกูลจวินเลยนะ ไหนว่าคู่ชีวิตจะต้องคู่ควรกัน หรือไม่ก็มีสกุลฐานะเท่าเทียมกัน แล้วถูกจับคลุมถุงชนไม่ใช่เหรอ?” หยุนถิงถามกลับ
ถ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่นได้เป็นซื่อจื่อเฟย จะต้องดีใจจนกระโดดโลดเต้นแน่ แต่หยุนถิงกลับไม่มีเลย นางรู้สึกอึดอัดมากกว่า
นางเป็นคนขี้เกียจไม่ชอบความวุ่นวาย หากนอนได้ก็จะไม่นั่งเด็ดขาด ให้นางเป็นซื่อจื่อเฟยที่ต้องทำตามกฎมารยาทต่างๆนานา จะต้องสำรวมอยู่ตลอดเวลา แค่คิดว่าจะต้องใช้ชีวิตแบบนั้นก็เหนื่อยมากแล้ว
“ข้าแข็งแกร่งมากพอแล้ว ฝ่าบาทกับไทเฮาระแวงข้ากันหมด ไม่ต้องถูกจับคลุมถุงชนก็ได้” จวินหย่วนโยวตอบอย่างมั่นใจ
“ซื่อจื่อท่านไม่คิดดีๆหน่อยเหรอ ข้าเป็นซื่อจื่อเฟยไม่ได้จริงๆนะ ถ้าทำให้ท่านขายหน้าขึ้นมาจะทำยังไง?”
“ไม่เป็นไร เรื่องที่เจ้าทำขายหน้าก็ไม่ได้มีแค่เรื่องเดียว ข้าให้เจ้าดูไม่ได้จะบังคับให้เจ้าเป็นซื่อจื่อเฟย เจ้าอยากเป็นอนุภรรยาก็เป็นไป ถ้าเกิดวันไหนมีคนคิดร้ายต่อเจ้า หรือข้าเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาก่อน ปกป้องเจ้าไม่ได้ ถึงตอนนั้นเจ้าก็เอาหนังสือลำดับวงศ์ตระกูลเล่มนี้ออกมา ตำแหน่งซื่อจื่อเฟยแห่งตระกูลจวินจะปกป้องเจ้าได้” จวินหย่วนโยวตอบอย่างจริงจัง
หยุนถิงที่หงุดหงิดก็รู้สึกซาบซึ้งใจมาก นี่เป็นเป้าหมายของจวินหย่วนโยวสินะ นางเข้าใจเขาผิดไปเอง
“ซื่อจื่อท่านดีมากเลย คิดเผื่อข้าไว้หมดเลย”
“ในเมื่อเจ้าแต่งงานกับข้า ถึงแม้จะเป็นแค่การร่วมมือ แต่ภายนอกเจ้าก็เป็นคนของข้า ข้าก็ต้องปกป้องเจ้าให้ปลอดภัยอยู่แล้ว” จวินหย่วนโยวพูดอย่างหนักแน่น เก็บหนังสือลำดับวงศ์ตระกูลกลับเข้าที่เดิม
“ถ้าวันไหนท่านจะสู่ขอซื่อจื่อเฟยขึ้นมาล่ะ?”
“ถึงเวลาค่อยแก้ไขก็ได้” จวินหย่วนโยวตอบ ในใจกลับคิดว่าคงจะไม่มีโอกาสนั้นแล้วล่ะ
หยุนถิงมองไปยังจวินหย่วนโยว ชุดแต่งงานสีแดงทำให้ผิวของเขาเนียนใสมากขึ้น โครงหน้าแหลมคมเหมือนถูกมีดลับมาอย่างดี นัยน์ตาสีดำขลับและลึกดุจดั่งก้นทะเล สันจมูกโด่งได้รูป เม้มริมฝีปากบางเล็กน้อย เส้นกรามดูมีมิติภายใต้การสาดส่องจากเทียนสีแดง
จวินหย่วนโยวที่หล่อเหลาขนาดนี้ ถึงจะอยู่ในโลกปัจจุบัน ก็ชนะพวกดาราชายแนวหน้าได้หมด หยุนถิงเหม่อมอง
“ซื่อจื่อ วันนี้เป็นงานแต่งของเรา ค่ำคืนแสนจะยาวนาน พวกเรามาทำให้ละครเป็นเรื่องจริงดีไหม?” หยุนถิงถูมือ ท่าทางเหมือนอดใจรอไม่ไหวแล้ว
ถ้าเปลี่ยนเป็นเมื่อก่อน จวินหย่วนโยวจะต้องเขินอายแน่ แต่หลังจากที่ใกล้ชิดกับหยุนถิงแล้ว จวินหย่วนโยวก็รู้ว่านางเก่งแต่ปาก ปากพูดเหมือนไม่สนใจ แต่ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นจริงๆ นางก็เขินไม่ไหวเหมือนกัน
หยุนถิงรอดูท่าทางที่เขิน อับอายจนวิ่งหนีไปของจวินหย่วนโยว แบบนี้นางก็จะได้นอนเตียงใหญ่คนเดียว
แต่จวินหย่วนโยวกลับขยับเข้ามาใกล้นาง เผยอปากเล็กน้อย: “ได้สิ”
สองคำนี้ ทำเอาหยุนถิงตกตะลึงจนตาค้าง มองดูชายหนุ่มรูปงามตรงหน้า โครงหน้าที่เย็นชาและแหลมคม สายตาที่ลึกซึ้ง เพราะระยะประชันชิด ระหว่างที่จวินหย่วนโยวพูดนั้นก็มีลมหายใจอ่อนๆพ่นออกมา ปะปนกับกลิ่นยาสมุนไพรหอมๆ ทำเอาหยุนถิงร่างกายแข็งทื่อจนไม่กล้าขยับ
“ซื่อจื่อ ท่านอย่าพูดเล่นแบบนี้สิ?”
ทำไมไม่เหมือนกับที่นางคิดไว้นะ
“ข้าไม่เคยพูดเล่นอยู่แล้ว ฮูหยิน ถอดแล้วนอนด้วยกันเถอะ” จวินหย่วนโยวว่าแล้ว ก็ปลดที่คาดเอวออก
ครั้งนี้ หยุนถิงนิ่งเฉยอีกไม่ได้ นางรีบอธิบายว่า: “คือว่า ซื่อจื่อ มีอะไรก็พูดกันดีๆได้นะ พวกเราแค่ร่วมงานกันเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้นกันจริงๆ พวกเราแยกกันนอนดีกว่าไหม?”
“ไม่ได้สิ ในเมื่อเจ้าแต่งงานกับข้าแล้ว ข้าก็ต้องทำตามหน้าที่ของสามี” จวินหย่วนโยวตอบอย่างตั้งใจ
“ไม่จำเป็นจริงๆ ซื่อจื่อเพิ่งตื่นขึ้นมา ร่างกายอาจจะยังอ่อนเพลีย ท่านต้องพักผ่อนดีๆสิถึงจะถูก ข้านอนดิ้น กรน กัดฟัน บางทีฝันร้ายก็ชอบร้องไห้ ตีคนด้วย……”
“ข้าไม่สนใจ”
คำพูดเดียว ทำเอาหยุนถิงหมดคำจะพูด ทำไมนางถึงรู้สึกว่าจัดการเขายากจังเลย
จวินหย่วนโยวมองดูนางขมวดคิ้ว ทำท่าหงุดหงิด ก็ถึงเลิกหยอกนางเล่น: “เมื่อกี้ข้าล้อเล่น ถ้าเจ้าไม่อยากให้ข้าอยู่ต่อ งั้นข้าก็นอนห้องอื่นก็ได้”
“ดีมากเลย ซื่อจื่อเชิญเลยนะ ข้าไม่ไปส่งล่ะ” หยุนถิงรีบพูด
จวินหย่วนโยวก็ไม่โกรธ เขาลุกขึ้นแล้วเดินไปที่ประตู เขาเดินไปแล้วพูดไปด้วยว่า: “งั้นข้าไปก่อนนะ แต่ถ้าข้าไม่นอนห้องเจ้าในคืนแต่งงาน คนอื่นจะคิดว่าข้าไม่ชอบเจ้า ไม่รักเจ้า ไม่แน่อาจจะมีหนอนบ่อนไส้ในจวนซื่อจื่อที่หลีอ๋องส่งมาก็ได้นะ ถ้าเขารู้ว่าเจ้ามีชีวิตไม่ดีในจวนซื่อจื่อ เกรงว่าคงจะดีใจและสะใจมาก”
หยุนถิงชะงัก นางลืมเรื่องนี้ไปได้ยังไง นึกถึงตาบ้าโม่ฉือหาน หยุนถิงก็เปลี่ยนความคิดทันที
“ซื่อจื่อ ข้าว่าที่ท่านพูดเมื่อกี้ก็ถูก ข้าจะเป็นอนุภรรยาที่ได้รับความรักจากท่านมากที่สุด งั้นคืนนี้ท่านก็นอนที่นี่เลย ไม่เพียงแค่คืนนี้เท่านั้น ต่อไปก็นอนค้างที่นี่เลย ข้าจะไม่ให้ตาหลีอ๋องนั่นหัวเราะเยาะได้เด็ดขาด”
จวินหย่วนโยวที่หันหลังให้หยุนถิง แววตาประกายไปด้วยความได้ใจ เขาแสยะยิ้มมุมปาก แล้วเดินกลับมา: “ฉลาดมาก”
“แต่ที่นี่มีแค่เตียงเดียว พวกเราจะนอนกันยังไง ให้ข้ารับใช้เอาเตียงมาเพิ่มไหม?” หยุนถิงถาม
“หรือเจ้าอยากให้ข้ารับใช้คิดว่าระหว่างเจ้ากับข้าไม่รักกัน?” จวินหย่วนโยวถามกลับ
“ก็ได้ คิดเสียว่าข้าไม่เคยพูดแล้วกัน”
“วางใจได้ ข้าไม่ทำอะไรเจ้าหรอก ข้าตกลงว่าจะให้เกียรติเจ้า ก็ต้องไม่ผิดคำสัญญาอยู่แล้ว คืนนี้ดึกมากแล้ว นอนกันเถอะ” จวินหย่วนโยวถอดเสื้อนอกออก นอนลงบนเตียง แล้วหลับตาลง