จอมนางข้ามพิภพ บทที่38 นางต้องทำตัวเนียนๆไว้
นึกถึงตรงนี้ ฮ่องเต้ก็เกิดสงสัยขึ้นมา สีหน้าแย่ลงไปอีก เหลือบมองหลีอ๋องที่คุกเข่าบนพื้นด้วยสีหน้าเย็นชา
เพราะยังไง ตำแหน่งฮ่องเต้ใครบ้างจะไม่หวั่นไหว ตอนนั้นฮ่องเต้องค์ก่อนให้ความสำคัญกับหลีอ๋องขาดนั้น ถ้าไม่ใช่เพราะตอนนั้นเขาบาดเจ็บใกล้ตาย เกรงว่าฮ่องเต้องค์ก่อนคงจะไม่ยกตำแหน่งให้ตัวเอง
นึกถึงตรงนี้ ฮ่องเต้ก็ขมวดคิ้วเป็นปม
หรือหลายปีมานี้หลีอ๋องไม่พอใจมาโดยตลอด ดังนั้นถึงได้พูดแบบนั้นกับนางงามของตัวเอง
เพราะยังไง ผู้หญิงหลังเรือนไม่มีทางพูดแบบนี้ออกมาได้แน่นอน และหยุนถิงก็เป็นคนไร้ประโยชน์ไม่มีความสามารถ ขนาดองครักษ์เงามังกรนางยังไม่รู้จักเลย ไม่มีทางพูดแบบนั้นออกมาได้แน่
วินาทีนี้ ความสงสัยก็บังเกิดขึ้นในใจของฮ่องเต้
ไม่มีใครพูดเลย บรรยากาศในพระตำหนักเงียบกริบจนน่ากลัว หยุนถิงไม่กล้าหายใจเสียงดัง เหมือนได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้น หน้าผากมีเหงื่อแตกพลั่ก แต่ก็ไม่กล้าขยับ ได้แต่คุกเข่าหลังตรง
การเดาใจฮ่องเต้นั้นยากที่สุดแล้ว ตั้งแต่โบราณมา ฮ่องเต้มักจะสงสัยทุกคน หกแสดงออกมาก็จะถูกเขาสงสัย เกรงว่าต่อไปคงจะทำอะไรได้ยาก
ดังนั้น นางต้องทำตัวเนียนๆไว้ไม่แสดงความผิดพลาดออกมา
หลีอ๋องที่อยู่ข้างๆก็เหลือบมองหยุนถิงอย่างโกรธแค้น โกรธจนหายใจฟึดฟัด ถ้าไม่ใช่เพราะมีฮ่องเต้อยู่ตรงนี้ด้วย เขาคงจะตบยัยนั่นให้ตายไปเลย
ยัยอัปลักษณ์นี่เป็นตัวซวยของเขา ให้ตายสิ
“ฝ่าบาท รักษานางงามลั่วก่อนเถอะ นางหัวเราะอย่างกับเสียงหมูโดนฆ่า น่ารำคาญจริงๆ” จวินหย่วนโยวพูดทำลายความเงียบสงบนี้ก่อน
ฮ่องเต้ก็ถึงเลิกคิด แล้วเหลือบมองนางงามลั่วที่มีท่าทางอย่างกับผี จึงพูดด้วยสีหน้ารังเกียจและไม่พอใจ: “หยุนถิง ข้าขอสั่งให้เจ้ารักษานางผู้นี้เดี๋ยวนี้ ข้ารำคาญ”
หยุนถิงทำหน้าลำบากใจ: “ตอบฝ่าบาท หม่อมฉันรู้แค่วิชาการแพทย์เบื้องต้น แต่จะรักษานางงามลั่วได้ไหมนั้น หม่อมฉันก็ไม่ทราบเหมือนกัน อาการหัวเราะของนางแปลกมากจริงๆ”
“หยุนถิง เจ้าอย่ามาเสแสร้งหน่อยเลย นางเป็นแบบนี้ก็เพราะเจ้าคนเดียว” หลีอ๋องพูดอย่างโมโห
“หลีอ๋องใส่ร้ายข้าด้วยเหตุอันใด ถึงแม้ข้าจะพอรู้การแพทย์เบื้องต้น แต่ข้าไม่เคยเจออาการแบบนี้ของนางงามลั่ว อาจจะทำเรื่องร้ายๆจนกรรมตามสนอง ใครจะไปรู้” หยุนถิงเบะปาก
“พอแล้ว ข้าไม่อยากฟังพวกเจ้าทะเลาะกัน รีบรักษานางซะ ถ้ารักษาไม่ได้ก็โยนออกจากวังไป ข้ารำคาญ” ฮ่องเต้พูดอย่างไม่พอใจ
“ในเมื่อฝ่าบาทพูดแล้ว งั้นหม่อมฉันก็จะลองดูนะเพคะ” หยุนถิงเดินไปหานางงามลั่ว
นางงามลั่วตกใจมาก แต่ก็ไม่กล้าขยับ ปล่อยให้นางตรวจสอบร่างกายไป ฮ่องเต้บอกว่ารำคาญนาง ถ้านางยังไม่กลับมาเป็นปกติอีก เกรงว่าหลีอ๋องคงจะรังเกียจนางไปด้วย
หยุนถิงช่วยวัดชีพจรให้นาง ตรวจสอบอย่างละเอียด: “นางงามลั่วแปลกจริงๆ ข้าก็ไม่เคยพบเคยเจอมาก่อน เกรงว่าจะใช้วิธีธรรมดาไม่ได้แล้ว เอาแบบนี้ เจ้าลองหมุนซ้ายไปสามรอบ หมุนขวาอีกสามรอบ”
นางงามลั่วมองค้อนนางอย่างโมโห แล้วมองไปยังหลีอ๋อง เห็นหลีอ๋องไม่พูด นางก็ต้องทำตาม
ดังนั้น นางงามลั่วก็หมุนตามที่นางสั่งหนึ่งรอบ นางเกลียดหยุนถิงมาก ยัยอัปลักษณ์ตั้งใจแกล้งนาง ตั้งใจเหยียดหยามนาง ทรมานนาง แต่นางก็ทำอะไรไม่ได้ ฮ่องเต้ก็ยังไม่พูด นางจึงต้องทำตามทุกอย่าง
หยุนถิงเห็นนางงามลั่วเหนื่อยจนขยับไม่ได้แล้ว จากนั้นก็เอาเข็มเงินออกมาจากผม: “นางงามลั่ว เดี๋ยวข้าจะฝังเข็มให้เจ้านะ อาจจะเจ็บหน่อย เจ้าต้องอดทนหน่อยนะ”
นางงามลั่วพูดไม่ได้ ทำได้แค่หัวเราะ สายตากลับเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและปฏิเสธอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็หนีไปไหนไม่ได้
หยุนถิงแสยะยิ้มมุมปาก ตั้งใจจิ้มเข็มลงบนตัวของนางงามลั่ว
นางเจ็บจนกระโดดขึ้นมา เจ็บจนทนแทบไม่ไหว
“ไอ้หยา ขอโทษจริงๆนะ คงจะไม่ใช่จุดฝังเข็มนี้ ข้าลองอีกทีนะ” หยุนถิงพูดขึ้น
“หยุนถิง เจ้าแกล้งพอหรือยัง ถ้ารักษานางงามของข้าไม่ได้ ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไปแน่” หลีอ๋องตะคอก
ถึงจะเป็นคนโง่ก็ดูออกว่าหยุนถิงกำลังแกล้งนางงามลั่ว ถ้าไม่ใช่เพราะว่ามีฮ่องเต้อยู่ตรงนี้ หลีอ๋องคงลงมือไปนานแล้ว
“หลีอ๋องข่มขู่ผู้หญิงของข้าขนาดนี้ คิดว่าข้าตายไปแล้วหรือไง ฮูหยิน ในเมื่อหลีอ๋องไม่รู้จักสำนึกบุญคุณ งั้นพวกเราก็กลับไปนอนกันเถอะ” จวินหย่วนโยวยื่นมือไปลากหยุนถิงจะออกไป
“จวินหย่วนโยว เจ้าทำเกินไปแล้วนะ” หลีอ๋องมองค้อนอย่างโมโห
“คนที่ทำเกินไปคือหลีอ๋องต่างหาก ฝ่าบาทยังไม่ทันได้พูดอะไร เจ้าจะร้อนใจไปทำไม ถ้าไม่เชื่อวิชาแพทย์ของฮูหยินข้าขนาดนี้ งั้นก็เชิญหมอหรือหมอหลวงคนอื่นมารักษาแทนสิ” จวินหย่วนโยวพูดอย่างดูถูก
หลีอ๋องพูดไม่ออก สายตาแหลมคมดุจมีด โกรธมาก แต่กลับพูดอะไรไม่ได้
หยุนถิงเหลือบไปมองสีหน้าของฮ่องเต้ รู้ว่าเขากำลังจะโมโห ไม่กล้าแกล้งนางงามลั่วอีก จึงฝังไปยังจุดหัวเราะของนางงามลั่ว อีกเจ็มก็ฝังไปที่จุดเจ็บ
“กรี๊ด!” นางงามลั่วกรีดร้องเจ็บปวด
“โชคดีจัง” หยุนถิงเบะปาก
“ข้า ข้าพูดได้แล้ว ดีจังเลย ดีมากเลย” นางงามลั่วดีใจจนร้องไห้ออกมา
หลายวันมานี้นางหัวเราะจนหน้าแข็งทื่อไปหมด ทรมานมาก ตอนนี้กลับมาเป็นปกติแล้ว นางงามลั่วไม่เคยรู้สึกว่าการไม่หัวเราะจะเป็นเรื่องที่โชคดีขนาดนี้มาก่อน
“ในเมื่อเป็นปกติแล้ว หลีอ๋อง เจ้ารีบพาผู้หญิงคนนี้ออกไปเลย ต่อไปห้ามให้นางเข้าวังมาอีก ข้าเห็นนางแล้ว ข้ารำคาญ” ฮ่องเต้พูดอย่างไม่พอใจ
“ขออภัยเสด็จพี่ด้วย ข้าจะพานางออกไปเดี๋ยวนี้ แต่เรื่องระหว่างหยุนถิงกับนางงามลั่ว ขอเสด็จพี่ทวงความยุติธรรมให้ข้าด้วย” หลีอ๋องทำความเคารพแล้วรีบออกไป
“พอแล้ว เจ้ายังอยากสร้างเรื่องให้ข้าอีกเหรอ ก็แค่ผู้หญิงสองคนทะเลาะกัน มีขั้นต้องให้ข้าทวงความยุติธรรมให้เจ้าเลยเหรอ ต่อไปคุมตัวนางงามของเจ้าให้ดี ถ้าทำเรื่องล่วงเกินอีก ก็ไล่ออกจากจวนหลีอ๋องไปเลย!” ฮ่องเต้ตะคอกด่า
“ขอรับ ข้าขออภัยขอรับ ข้าขอตัวลาก่อน” หลีอ๋องทำหน้าบึ้งตึง เหลือบมองนางงามลั่ว แล้วพานางจากไป
พระตำหนักเงียบลง ฮ่องเต้โกรธจนหายใจฟึดฟัดหน้าอกขึ้นลง โกรธจนหิวไม่ไหว
ซูกงกงรีบยกน้ำชามาให้ ฮ่องเต้กำลังจะดื่ม หยุนถิงก็พูดเตือนว่า: “ฝ่าบาท ดื่มชาตอนกลางคืนจะทำให้นอนไม่หลับนะเพคะ ชาเป็นเครื่องดื่มที่ช่วยให้กระปรี้กระเปร่า ถ้าหากดื่มชาจะทำให้หลับยากเพคะ”
ฮ่องเต้เหลือบมองชาในมือ จากนั้นก็วางลงโต๊ะอย่างไม่พอใจ: “ข้าโกรธจนตื่นหายง่วงแล้ว ยังจะมีอารมณ์นอนต่อได้ยังไง”
“เรื่องในคืนนี้หม่อมฉันรบกวนฝ่าบาทเอง หากฝ่าบาทไม่รังเกียจ หม่อมฉันมีชาที่ช่วยในการนอนหลับ และชาที่ช่วยให้กระปรี้กระเปร่า มีสรรพคุณดีๆหลายอย่าง ไม่มีผลเสียอะไร หม่อมฉันเอามาพอดีเลยเพคะ” หยุนถิงเอาถุงเล็กๆสองสามถุงออกมาจากกระเป๋าที่พกติดตัวมาตลอด
นั่นเป็นชาดอกไม้ที่นางเก็บสะสมไว้ตอนอยู่ในโลกปัจจุบัน ชาช่วยในการนอนหลับ เพราะบางทีก็วิจัยจนไม่ได้หลับไม่ได้นอนมาหลายวัน ง่วงก็ชอบดื่มชาชูกำลัง พอทำวิจัยเสร็จจะพักผ่อน นางก็จะดื่มชาที่ช่วยในการนอนหลับ
ซูกงกงรีบรับมาถวายให้ฝ่าบาท
มองดูถุงเล็กๆนั้น ฮ่องเต้ก็ขมวดคิ้ว: “นี่คือชาที่เจ้าบอกเหรอ?”