จอมนางข้ามภิภพ – บทที่ 42 คิดมิถึงว่า ในสายตาของเจ้า ข้าจะงดงามถึงเพียงนั้น

จอมนางข้ามภิภพ

จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 42 คิดมิถึงว่า ในสายตาของเจ้า ข้าจะงดงามถึงเพียงนั้น

ทันทีที่กล่าวออกไป หัวใจผู้หญิงที่อยู่บนเรือลำข้างแตกสลาย บางคนถึงกับรู้สึกหงุดหงิดและมิพอใจ

“ซื่อจื่อตามิดีอย่างนั้นหรือ มองยังไงว่าพวกเราเทียบผู้หญิงอัปลักษณ์อย่างหยุนถิงผู้นั้นมิได้ ในเมืองหลวงแห่งนี้ มิมีใครอัปลักษณ์มากไปกว่านางอีกแล้ว!” ผู้หญิงคนหนึ่งกล่าวออกมาด้วยความมิพอใจ

ทันทีที่เสียงนั้นเงียบลง ใบหน้าของจวินหย่วนโยวเต็มไปด้วยความเยือกเย็น หันไปพร้อมกับดวงตาที่แหลมคมเหมือนใบมีด “กล้าสงสัยในสายตาของข้า หลิงเฟิง จับนางโยนลงน้ำ”

“ขอรับ!” หลิงเฟิงเคลื่อนไหวในทันใด ลงไปบนเรือของผู้หญิงคนนั้น

“อร๊าย อย่า ซื่อจื่อโปรดไว้ชีวิตข้า ข้าผิดไปแล้ว หลังจากนี้ข้ามิกล้าทำเช่นนี้อีกแล้ว” ผู้หญิงคนนั้นตกใจกลัว ร้องขอความเมตตาออกมาทันที

หลิงเฟิงยิ้มอย่างเยือกเย็น “คุณหนูจะกระโดดลงไปด้วยตัวเอง หรือจะให้ข้าโยนลงไป”

ใบหน้าของผู้หญิงคนนั้นขาวซีด ภายใต้การบีบบังคับของหลิงเฟิง นางมองไปยังใบหน้าอันเย็นชาของจวินซื่อจื่อซึ่งอยู่ไม่ไกล รู้ว่าตนเองมิมีทางหนีรอด

“ข้าขอกระโดดลงไปเอง” ผู้หญิงคนนั้นกล่าวออกมาพร้อมกับกระโดดลงไปในแม่น้ำ

กระโดดด้วยตนเองดีกว่าถูกคนอื่นโยนลงไปหลายเท่า

ทุกคนที่เฝ้าดูอยู่ห่างๆ ต่างก็หัวเราะออกมา ดูเหมือนว่าพวกเขากำลังเพลิดเพลินกับการแสดง แต่ผู้หญิงที่อยู่ใกล้เคียงต่างรู้สึกหวาดกลัว ขอให้คนพายเรือรีบพายเรือออกไปจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด

ยิ่งไกลเท่าไหร่ยิ่งดี

พวกนางรนหาที่ตาย กล้าไปวิจารณ์เกี่ยวกับความคิดของปีศาจผู้เยือกเย็นอย่างจวินซื่อจื่อ สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกนางในตอนนี้ก็คือ การปกป้องชีวิตของตนเอง

ผู้หญิงที่กระโดดน้ำลงไปผู้นั้นตะโกนขอความช่วยเหลือ เรือที่อยู่โดยรอบต่างได้ยิน แต่มิมีใครกล้าออกไปช่วยนาง เพราะมิมีใครอยากมีเรื่องกับจวินหย่วนโยว

หลิงเฟิงยืนมองนางอยู่ด้านข้าง เมื่อนางกำลังจมน้ำตาย หลิงเฟิงหยิบไม้พายของผู้นำเรือยื่นไปให้นาง หลังจากนางหายใจได้สองสามครั้ง หลิงเฟิงก็ดึงมันกลับมา

ทำแบบนี้ซ้ำ ๆ กันหลายครั้ง ผู้หญิงคนนั้นหน้าซีดด้วยความตกใจ คิดว่ารอดแล้วแต่กลับจมลงสู่พื้นน้ำ คิดว่าตายแล้วแต่กลับได้รับความช่วยเหลือ แต่มิยอมให้ขึ้นจากพื้นน้ำ เห็นได้ชัดว่านี่คือการทรมานนาง ทรมานนางด้วยชีวิต วิธีการที่โหดร้ายเช่นนี้ ทำให้ผู้หญิงคนนั้นหวาดกลัวจนหมดสติ จากนั้นหลิงเฟิงถึงใช้ไม้พายยกร่างของนางขึ้นมาจากน้ำ และโยนไปไว้ที่หัวเรือ

หยุนถิงมองไปยังทุกคนซึ่งกำลังหลบหนี กล่าวออกมาด้วยใบหน้ามิพอใจ “ทำไมพวกเขาทั้งหมดถึงหนีไป ข้ายังเห็นมิมากพอ”

จวินหย่วนโยวกล่าวออกมาด้วยใบหน้าอันนิ่งสงบ “เกรงว่าจะทำให้เจ้าผิดหวังแล้ว ข้าเดาว่าในแม่น้ำสายนี้ คงมิมีใครกล้าเข้าใกล้เรือของพวกเราแล้ว”

“แบบนั้นก็คงน่าเบื่อ แกล้งผู้หญิงใจทรามเหล่านั้นก็ถือเป็นเรื่องสนุก เกรงว่าชีวิตนี้ของนางคงมิกล้ามาปรากฏตัวต่อหน้าท่านอีกต่อไป” หยุนถิงกล่าวออกมา

หยุนถิงเองก็ไม่อยากให้ผู้หญิงคนนั้นตายไปจริง ๆ วิธีการทรมานผู้คนเช่นนี้แท้จริงแล้วมันเป็นความคิดของซื่อจื่อ

เมื่อหลิงเฟิงนำร่างของผู้หญิงคนนั้นกลับขึ้นมาแล้ว เขาก็กระโดดกลับมาบนเรือของตนเอง

ผู้ควบคุมเรือของผู้หญิงคนนั้นรีบพายเรือเข้าฝั่งในทันใด เพราะเกรงว่าซื่อจื่ออาจจะเปลี่ยนใจ

“ซื่อจื่อ คิดมิถึงเลยว่า ในสายตาของท่านข้าจะงดงามถึงเพียงนี้ ท่านอาจตาบอดจริง ๆ ก็เป็นได้ ใบหน้านี้ของข้าอัปลักษณ์จะตายไป” หยุนถิงกล่าวออกมาด้วยความหยอกล้อ

“สิ่งที่ข้าเห็นมิใช่ใบหน้าของเจ้า แต่เป็นตัวตนของเจ้า” จวินหย่วนโยวตอบกลับมา

“จริงงั้นหรือ ข้ามิได้ฟังผิดไปใช่ไหม จวินหย่วนโยว สมองของเจ้ามีปัญหาหรือเปล่า หยุนถิงหน้าตาอัปลักษณ์ขนาดนี้จะเป็นคนดีได้อย่างไร ฮ่าฮ่า หากคนอื่นได้ยิน พวกเขาคงหัวเราะออกมาดังลั่น” เสียงแห่งความดูถูกเหยียดหยามดังขึ้นมา มิไกลจากตรงนั้น เรือขององค์ชายสี่กำลังใกล้เข้ามา

ดวงตาของจวินหย่วนโยวแหลมคมดุจใบมีด มองไปที่โม่ฉือชิงพร้อมกล่าวว่า “เจ้าเองก็อยากลงน้ำงั้นหรือ?”

“แน่นอนว่าไม่ ข้าก็แค่กล่าวความจริงเท่านั้น แต่จวินหย่วนโยว สายตาของเจ้าช่างแย่เหลือเกิน” โม่ฉือชิงกล่าวออกมา และขอให้คนนำเรือพายเรือเข้าไปใกล้

“มันเกี่ยวอะไรกับเจ้า” ยากที่จวินหย่วนโยวจะสบถออกมาเช่นนี้

โม่ฉือชิงจ้องมองใบหน้าอันเยือกเย็นและเคร่งขรึมของจวินหย่วนโยว เขาเลิกกล่าวจาล้อเล่น “ที่จริงข้ามาหาเจ้าวันนี้ก็เพราะข้ามีเรื่องอยากจะคุยกับเจ้า สิ่งที่เรียกว่าชานมเมื่อวานนี้มันทำอย่างไร ข้าอยากจะซื้อสูตรของเจ้า”

หลังจากได้ดื่มลงไป โม่ฉือชิงก็หยุดคิดถึงรสชาติมันมิได้ หลังจากกลับบ้านไป เขาได้ยินคนรับใช้ในจวนกล่าวคุยกันว่าวันนี้มีการแจกชานมฟรีที่หอใต้หล้า โม่ฉือชิงก็นึกถึงวิธีการหาเงินได้ในทันที

หากชานมนั้นถูกนำมาวางขายในหอชุนเฟิงของเขา รสชาตินั้นเป็นที่ชื่นชมของสตรี จึงอยากให้เหล่าหญิงสาวเป็นคนขายให้กับแขกผู้มาซื้อ เช่นนั้นจะขายมิออกได้อย่างไร และสิ่งซึ่งเป็นกุญแจสำคัญก็คือ ทั้งสี่ประเทศไม่มีของเช่นนี้อยู่ นี่เป็นโอกาสทางธุรกิจอันยิ่งใหญ่

เขาชอบทำการค้ามาตั้งแต่ยังเด็ก เขาทำธุรกิจร้านดอกไม้และร้านน้ำชา และเขาก็รู้จักสุราชั้นดีอีกหลายประเภท รู้ว่าควรนำไปขายที่จุดไหน

หยุนถิงขมวดคิ้ว ดวงตาของนางเปล่งประกายด้วยความพึงพอใจ นางรู้อยู่แล้วว่าองค์ชายสี่จะต้องเป็นเช่นนี้

“ไม่ขาย” จวินหย่วนโยวปฏิเสธออกไปอย่างเยือกเย็น

เรือของโม่ฉือชิงมาถึงเรือของจวินหย่วนโยวแล้ว เขาขึ้นมาบนเรือโดยตรง “อย่าเป็นเช่นนี้จวินหย่วนโยว เอาไว้กับคนอายุสั้นอย่างเจ้าจะไปมีประโยชน์อะไร มิช้าก็เร็วเจ้าก็ต้องตาย เป็นเรื่องดีที่เจ้าจะมอบผลประโยชน์ครั้งนี้ให้กับข้า”

“คำกล่าวขององค์ชายสี่ช่างรุนแรงเสียจริง หรือว่าท่านจะมีอายุยืนเป็นร้อยปี?” หยุนถิงโต้กลับไป

มุมปากของโม่ฉือชิงกระตุกเบา ๆ “ยัยผู้หญิงอัปลักษณ์ ข้าจะมีอายุถึงร้อยปีหรือไม่แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเจ้า และข้าก็กำลังกล่าวกับจวินหย่วนโยวอยู่ เจ้าอย่ามาสอด”

ในสมัยโบราณ ชายเป็นนายหญิงเป็นทาส เรื่องนี้มิอาจเปลี่ยนแปลงได้ ดังนั้นโม่ฉือชิงถึงเป็นเช่นนี้

“ขอโทษฮูหยินของข้าเดี๋ยวนี้” จวินหย่วนโยวกล่าวออกมาอย่างเยือกเย็น

“ทำไมข้าต้องขอโทษ ข้ากล่าวอะไรผิดอย่างนั้นหรือ” แน่นอนว่าโม่ฉือชิงมิมีทางทำตามที่จวินหย่วนโยวสั่ง

“ก็สูตรชานมที่ท่านกำลังกล่าวถึงมันเป็นของข้า” หยุนถิงกล่าวออกมาอย่างดูถูก

หลังจากนั้นโม่ฉือชิงถึงกับบื้อไปเลย จ้องมองหยุนถิงด้วยดวงตาแห่งความสงสัย “เจ้าบอกว่า สูตรชานมนั่นเป็นของเจ้า จะเป็นไปได้อย่างไร เจ้าเป็นแค่ผู้หญิงอัปลักษณ์ที่ไร้ประโยชน์ เจ้าจะรู้วิธีทำชานมได้อย่างไร?”

“องค์ชายสี่เอาตาไปไว้ที่ไหน ข้าไม่เพียงแค่สามารถทำชานมได้ แต่ข้ายังสามารถทำนมเปรี้ยว ซุปผลไม้ ซอสบ๊วย ดอกพีชยัดไส้ เค้ก ขนมปัง พิซซ่า พุดดิ้ง หม้อไฟ บาร์บีคิว เครื่องเคียง——————”

ได้ยินคำกล่าวของหยุนถิง ดวงตาขององค์ชายสี่เบิกกว้าง แม้จะเป็นชื่อที่เขามิเคยได้ยิน แต่แค่ฟังมันก็รู้สึกถึงความอร่อยอย่างบอกมิได้

แค่ชานมเพียงอย่างเดียว นางยังทำได้ดีถึงเพียงนี้ หากสามารถดึงนางมาอยู่ฝั่งตนเองได้ โม่ฉือชิงก็จินตนาการได้ทันใดว่า เม็ดเงินที่ไหลเข้ามาหาเขาจะมากมายแค่ไหน

“หยุนถิง เจ้ามิได้หรอกข้าใช่ไหม เจ้าทำของพวกนี้ได้จริงงั้นหรือ?” โม่ฉือชิงถามออกมา

“แน่นอน ข้าทำได้ตามที่ข้ากล่าว ข้าทำได้มากกว่านี้เสียอีก แค่นี้มันเป็นแค่เรื่องเล็กน้อย แต่ทั้งหมดมันก็ขึ้นอยู่กับอารมณ์ของข้า หากองค์ชายสี่สนใจก็สามารถไปที่ร้านสุราของซื่อจื่อเพื่อลองชิมดูได้” หยุนถิงตอบกลับไป

ด้วยเหตุนี้ ความยิ่งยโส ความโอหังเมื่อครู่นี้ของโม่ฉือชิงก็หายไปทันที “หยุนถิง เมื่อสักครู่ข้าพลั้งปากไป ข้ามิควรกล่าวเช่นนั้นกับเจ้า ธุรกิจร้านสุราของโม่ฉือชิงมันแย่เสียขนาดนั้น ทำไมพวกเรามิลองเจรจากันดู?”

“เจรจาอะไร ?”

“ข้าร่วมมือกับเจ้า ของที่เจ้าทำขึ้นมาเหล่านี้ทั้งหมดจะต้องนำมาขายที่หอชุนเฟิงของข้า” โม่ฉือชิงกล่าวแนะนำในทันที

จอมนางข้ามภิภพ

จอมนางข้ามภิภพ

Status: Ongoing
นางเป็นบุตรีเอกแห่งจวนเฉิงเสี้ยง เป็นยัยอัปลักษณ์ไร้ค่าผู้ฉาวโฉ่ กลับมีรักแรกพบกับหลีอ๋อง คะยั้นคะยอจะอภิเษกสมรสกับหลีอ๋องอย่างไม่กลัวสิ่งใด ณคืนวันอภิเษกถูกหลีอ๋องทำอัปยศอดสูจนตายพอลืมตาขึ้นดันทะลุมิติมาอีกภพหนึ่งกลายเป็นศาสตราจารย์หมอพิษสมัยใหม่ควบสองบัณฑิต คนที่เคยรังแกนาง มันต้องเอาคืนเป็นร้อยเท่าพันเท่า นาง…จัดการกับพวกสันดานชั่วอย่างออกนอกหน้า หาเงินอย่างถ่อมตน มัสมบัติระรวยใต้หล้า เพื่อหลุดพ้นจากหลีอ๋อง เลยแต่งในฐานะนางสนมของซื่อจื่อ กลับคิดไม่ถึงว่าจะไปกระตุกหนวดเสือให้เข้าแล้ว เขาเป็นซื่อจื่อผู้ป่วยเสาะแสะ สุขุมอ่อนโยน เย็นชาเจ้าเล่ห์ ร่างมีพิษที่จะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน หยุนถิงเป็นคนช่วยเขาแก้พิษ ทำให้เขากลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง เขาสาบานว่า จะอยู่กินกับนางแต่เพียงผู้เดียว หลังแต่งงาน นางนวดเอวที่ปวดอยู่ เตะเขาลงจากเตียง:“รับจดหมายรักจากหญิงอื่น ยังกล้ามานอนกับหม่อมฉันอีกรึ?” เขารีบอธิบาย:“น้องนาง ข้าผิดไปแล้ว ใครกล้ามาแย่งข้าไปจากเจ้า ข้าจะตัดขานางให้รู้แล้วรู้รอด” นางยักคิ้วหลิ่วตา:ก็ท่านนี่แหละที่เป็นต้นเหตุ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท