จอมนางข้ามภิภพ – บทที่ 43 ข้าชอบ

จอมนางข้ามภิภพ

จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 43 ข้าชอบ

หยุนถิงขมวดคิ้ว “ที่แท้หอชุนเฟิงก็เป็นขององค์ชายสี่นี่เอง แต่สิ่งเหล่านี้ของข้าล้วนเป็นของหวาน เป็นของกิน เหมาะกับร้านสุราหรือโรงน้ำชามากกว่า นำไปขายที่หอชุนเฟิงของท่าน มันดูมิเหมาะสมสักเท่าไหร่”

“มิเหมาะสมอย่างไร คนในหอชุนเฟิงของข้าเองก็ต้องกินอาหาร ถึงเวลาเจ้าแค่แบ่งมันมาขายให้กับข้าส่วนหนึ่งหรือไม่ก็ขายสูตรให้กับข้า พวกเราจะได้ส่วนแบ่งเท่ากัน”

“ข้ามิสน ข้าสามารถทำเงินทั้งหมดได้จากการขายด้วยตนเอง ทำไมจะต้องนำไปแบ่งกับเจ้าครึ่งหนึ่งด้วย ข้ามิใช้คนไร้สมอง” หยุนถิงตะคอกอย่างตั้งใจ

โม่ฉือชิงรู้สึกกระวนกระวาย อดมิได้ที่จะบ่นออกมา “เจ้าฉลาดขึ้นขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?”

“แน่นอนว่าต้องหลังจากที่ข้าแต่งงานกับซื่อจื่อ คบคนพาลพาไปหาผิด คบบัณฑิตพาไปหาผล ซื่อชื่อของข้าโดดเด่นเสียขนาดนี้ เมื่อข้าได้อยู่กับเขา ข้าก็ต้องฉลาดขึ้นเป็นธรรมชาติ” หยุนถิงจงใจกล่าวออกมา

มุมปากของจวินหย่วนโยวยกสูงขึ้น รู้สึกดีใจและภูมิใจเป็นอย่างมาก

โม่ฉือชิงเม้มริมฝีปากอย่างดูถูก “จวินหย่วนโยวสงสารในความต้อยต่ำของเจ้า เปล่าประโยชน์เสียจริง”

“ข้าเต็มใจ” จวินหย่วนโยวเหลือบตามองเขา

“ข้าว่าทั้งชีวิตนี้ของเจ้าคงตกอยู่ในมือของยัยผู้หญิงคนนี้แล้ว”

“ข้าเต็มใจ ส่วนเจ้า มิได้ในสิ่งต้องการแล้วกลับมาพาลใส่ ข้าว่าทั้งชีวิตนี้ของเจ้าคงหาผู้หญิงมิได้สักคน” จวินหย่วนโยวกล่าวอย่างตั้งใจ

โม่ฉือชิงโกรธจนหน้าดำ “สำหรับข้าแล้วเรื่องนี้มันมิสำคัญ หอชุนเฟิงมีสาวงามนับพัน ดังนั้นข้าไม่มีทางมีทางตายในอ้อมกอดอันเน่าเฟะเหมือนกับเจ้า”

“ที่แท้ในสายตาขององค์ชายสี่ข้าก็เป็นได้แค่ผู้หญิงอัปลักษณ์คนหนึ่ง ในเมื่อท่านดูถูกข้าถึงเพียงนี้ งั้นพวกเราก็คงมิมีความจำเป็นต้องกล่าวคุยอะไรกันอีกต่อไป” หยุนถิงปฏิเสธออกไปโดยตรง

โม่ฉือชิงมองว่าทั้งสองเป็นคนดื้อรั้น เขายอมลดตัวลงมาถึงเพียงนี้แล้ว แต่ทั้งสองคนกลับถูกความโลภบังตา น่ารังเกียจเหลือเกิน

“มิให้ความร่วมมือก็มิต้องร่วมมือ ข้าก็มิได้อยากร่วมมืออะไรมากมายขนาดนั้นอยู่แล้ว” โม่ฉือชิงเดินกลับเรือของตนเองด้วยความโกรธ

องค์ชายสี่จากไปแล้ว บนเรือกลับมาเงียบอีกครั้ง

“ซื่อจื่อ ข้าอยากดื่มชา” หยุนถิงกล่าวออกมา

“ได้” จวินหย่วนโยวสั่งให้หลิงเฟิงนำเครื่องชาบนเรือออกมา และทำการต้มชาด้วยตนเอง

หยุนถิงมองการเคลื่อนไหวของเขา ใบหน้าอันหล่อเหลา คิ้วและดวงตาอันงดงาม สงบและร่มเย็น การเคลื่อนไหวซึ่งเต็มไปด้วยทักษะ รูปลักษณ์ที่สง่างาม หยุนถิงชื่นชอบเป็นอย่างมาก “ซื่อจื่อ ตอนท่านชงชา ท่านดูสง่างามเป็นอย่างมาก”

แววตาของจวินหย่วนโยวเต็มไปด้วยความอบอุ่น “คำกล่าวนี้ข้าชอบฟัง”

“ฮ่าฮ่า ซื่อจื่อ ใบหน้าของท่านหนาขึ้นขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?”

“ก็เหมือนกับที่เจ้ากล่าวไว้ คบคนพาลพาไปหาผิด คบบัณฑิตพาไปหาผล ดังนั้นข้าจึงเรียนรู้มันมาจากเจ้า” จวินหย่วนโยวกล่าวออกไปอย่างติดตลก

“ว้าว การมีใบหน้าหนาขึ้นก็ถือเป็นเรื่องที่ดี” หยุนถิงยิ้มออกมา

“แน่นอนอยู่แล้ว อย่าน้อยช้าก็ชอบมัน เจ้าลองดื่มชาดูสิ”

หยุนถิงยกถ้วยชาขึ้นมาจิบ “รสชาติหอม กลมกล่อม สัมผัสได้ถึงความหวานเล็กน้อย รสชาติมันติดอยู่ในปาก สมกับเป็นชาที่ซื่อจื่อชงด้วยตนเอง ข้าชอบมันมาก”

“เช่นนั้นเจ้าก็ดื่มมันให้มาก” จวินหย่วนโยวรินน้ำชาให้นางอีกถ้วยหนึ่ง

“ตกลง”

เมื่อเห็นเช่นนั้น หลิงเฟิงรีบนำเค้กเข้ามาให้ จากนั้นก็ถอยกลับไปด้านข้าง

จวินหย่วนโยวและหยุนถิงทานเค้ก ดื่มชา กล่าวคุยกันอย่างสนุกสนาน ชื่นชมความงดงามของทิวทัศน์บนชายฝั่ง อบอุ่นและเป็นกันเองมาก

และองค์ชายสี่ก็มิได้พายเรือออกไปไหนไกล เรือของเขาตามหลังเรือของจวินหย่วนโยวอยู่ในระยะกำลังดี มิใกล้มิไกลจนเกินไป แม้จะมิชอบใจ แต่เขาก็มิอยากจากไปทั้งแบบนี้ เขาอยากรู้ว่าคนดื้อรั้นทั้งสองนี้จะอยู่ด้วยกันได้อีกนานสักแค่ไหน

เรือล่องไปตามแม่น้ำ ผ่านไปพักหนึ่ง หยุนถิงเห็นปลาแหวกว่ายอยู่ในแม่น้ำ นางรู้สึกชื่นชอบเป็นอย่างมาก

“ซื่อจื่อ ในแม่น้ำแห่งนี้มีปลา?”

“ใช่ นี่คือคูเมือง ราชสำนักตั้งใจปิดกั้นฝั่งหนึ่งของแม่น้ำไว้เพื่อทำการเลี้ยงปลาจำนวนมาก เพื่อให้คนไปจับปลา หากเจ้าอยากจับปลา ข้าจะให้หลิงเฟิงนำอุปกรณ์จับปลามาให้ เจ้าว่าอย่างไร?” จวินหย่วนโยวถามออกมา

หลิงเฟิงรีบนำอุปกรณ์จับปลาออกมา “ซื่อจื่อ ทั้งหมดอยู่ที่นี่แล้ว”

เห็นอุปกรณ์จับปลาเหล่านั้น หยุนถิงมีความคิดขึ้นมาทันใด “ซื่อจื่อ พวกเรามาแข่งกันหน่อยดีไหม?”

“แข่งอย่างไร?”

“เจ้าอุปกรณ์จับปลา ส่วนข้าลงไปจับปลาในน้ำ เงื่อนไขคือปลาสามตัว ใครจับปลาได้สามตัวก่อนเป็นฝ่ายชนะ ท่านว่าอย่างไร?” หยุนถิงกล่าวออกมา

“เจ้าจะลงไปในน้ำ?” จวินหย่วนโยวขมวดคิ้ว แม้ว่าเดือนนี้จะเป็นเดือนพฤษภาคม แต่อุณหภูมิยังคงต่ำอยู่ มิต้องกล่าวถึงอุณหภูมิในน้ำ

“ใช่ ข้าชอบการว่ายน้ำเป็นที่สุด ยิ่งอากาศแบบนี้ข้ายิ่งชอบ ข้าชอบว่ายน้ำในฤดูหนาว โดยเฉพาะในวันที่อากาศหนาวจัด แม้น้ำจะเย็นไปถึงกระดูก แต่ทันกลับทำให้ข้ารู้สึกตื่นเต้นอย่างสุดหัวใจ” หยุนถิงกล่าวออกมาอย่างภาคภูมิ

จวินหย่วนโยวมองท่าทางที่มีความสุขของนาง แม้อาจจะไม่เข้าใจ แต่เนื่องจากรอบตัวมีคนอยู่มากมาย ดังนั้นเขาจึงมิถามอะไรมาก “หากเจ้าชอบ งั้นก็ตามใจเจ้า แต่ต้องระวังความปลอดภัยให้ดี อย่าฝืนเป็นอันขาด”

“เข้าใจแล้ว งั้น ซื่อจื่อ พวกเรามาเริ่มกันเถอะ” หยุนถิงกล่าวออกมา ถอดถุงเขา รองเท้า เสื้อคลุมด้านนอกออก จากนั้นก็กระโดดลงน้ำ

องค์ชายสี่ที่อยู่ไม่ไกลขมวดคิ้ว ยืนขึ้นและมองมาทางด้านนี้ทันที “หรือว่าเจ้าพวกนั้นทะเลาะกัน ทำให้ยัยผู้หญิงอัปลักษณ์หยุนถิงถูกโยนลงน้ำ รู้สึกโล่งใจเสียจริง คนพายเรือ พายให้เร็วกว่านี้ ข้าต้องการชื่นชมความสนุกที่เกิดขึ้น”

“ขอครับ” คนพายเรือรีบพายไปทันที

ทางด้านนี้ หลิงเฟิงที่เห็นเช่นนั้นก็อดเป็นห่วงมิได้ “ซื่อจื่อ ทำเช่นนี้ ฮูหยินจะมิเป็นไรจริงอย่างนั้นหรือ?”

“ในเมื่อนางยื่นข้อเสนอออกมาเช่นนี้ คิดว่านางเองก็คงมีความมั่นใจ เจ้าคอยระวังตำแหน่งของฮูหยินอย่างใกล้ชิด หากนางมีอันตรายก็ให้ความช่วยเหลือในทันที” จวินหย่วนโยวสั่งออกมา

“ขอรับ”

“ซื่อจื่อ แม่น้ำแห่งนี้ใสมาก สุดยอด ชื่นใจเหลือเกิน” หยุนถิงกล่าวอย่างภาคภูมิ จากนั้นว่ายน้ำออกไปไกล

เห็นนางว่ายน้ำได้เหมือนปลา ทำให้จวินหย่วนโยวรู้สึกโล่งใจ เขานำอุปกรณ์จับปลาออกมา

หยุนถิงแหวกว่ายอย่างมีความสุขในน้ำ หลังจากผ่านไปมินาน นางก็จมดิ่งลงสู้พื้นน้ำ หายไปอย่างไร้ร่องรอย

ใบหน้าหลิงเฟิงซึ่งเฝ้ามองนางอยู่บนเรือเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก “ซื่อจื่อ ฮูหยินหายไปแล้ว”

จวินหย่วนโยวจับมือคันเบ็ดแน่น “รีบลงไปช่วย”

“ขอครับ!” หลิงเฟิงกระโดดลงน้ำทันที เวลานั้น ไม่ไกลจากเขามีศีรษะของคนผู้หนึ่งโผล่ขึ้นมาจากผิวน้ำ คนผู้นั้นก็คือหยุนถิง

ในมือของนางมีปลาตัวใหญ่อยู่ตัวหนึ่ง “ชื่อจื่อ ท่านดูนี่ ข้าจับปลาตัวใหญ่ได้”

หัวใจที่เต็มไปด้วยความตื่นตระหนกของจวินหย่วนโยวผ่อนคลายลง “เจ้านี่นะ เมื่อสักครู่เจ้าทำหลิงเฟิงตกใจแทบแย่”

มุมปากของหลิงเฟิงที่อยู่ด้านข้างกระตุก เขาตกใจอะไรมากมายเสียที่ไหน ซื่อจื่อ คนที่ตกใจแทบตายคือท่านมากกว่า เขานำเขามาเป็นโล่กำบัง แต่คำกล่าวเหล่านี้มันดังอยู่ในใจของหลิงเฟิง ไม่นอนว่าเขามิกล้ากล่าวออกมา

“หลิงเฟิง เจ้ามิต้องเป็นห่วงข้า นี่ก็แค่คูเมืองเท่านั้น ข้าเคยว่ายน้ำในทะเลมาแล้วสองวันสองคืน เรื่องแค่นี้เล็กน้อย เจ้าวางใจเถิด” หยุนถิงกล่าวพร้อมกับโยนปลาในมือออกมา

หลิงเฟิงหยิบถังออกมาหนึ่งใบ จับปลาใส่ถังอย่างรวดเร็ว

“ซื่อจื่อ ท่านเองก็สู้ ๆ ระวังจะพ่ายแพ้ให้กับข้า” หยุนถิงกล่าวออกมา

“สำหรับข้าแล้ว ความปลอดภัยของเจ้าสำคัญกว่าชัยชนะ” จวินหย่วนโยวขมวดคิ้วด้วยความปรารถนาและตกปลาด้วยความมั่นใจ

ใบหน้าขององค์ชายสี่ที่อยู่มิไกลเปลี่ยนเป็นสีดำ ให้ตายเถอะ เขาคิดว่าทั้งสองกำลังโต้เถียงกัน สุดท้ายกลับเป็นเขาที่ถูกหลอก น่ารังเกียจ เจ้าคนพวกนี้จะต้องจงใจอย่างแน่นอน

หลิงเฟิงซึ่งกำลังว่ายน้ำไปข้างหน้า ทันใดนั้นก็เห็นร่างที่คุ้นเคยสองร่างบนเรือสำราญไม่ไกลนัก ทั้งสองกำลังเดิมพันกับนางอยู่

โลกนี้มันช่างคับแคบ ดวงตาของเปล่งประกาย ศีรษะของนางจมลงน้ำ ว่ายไปหาเรือของโจวโฉงและหลิ่วเหมย

จอมนางข้ามภิภพ

จอมนางข้ามภิภพ

Status: Ongoing
นางเป็นบุตรีเอกแห่งจวนเฉิงเสี้ยง เป็นยัยอัปลักษณ์ไร้ค่าผู้ฉาวโฉ่ กลับมีรักแรกพบกับหลีอ๋อง คะยั้นคะยอจะอภิเษกสมรสกับหลีอ๋องอย่างไม่กลัวสิ่งใด ณคืนวันอภิเษกถูกหลีอ๋องทำอัปยศอดสูจนตายพอลืมตาขึ้นดันทะลุมิติมาอีกภพหนึ่งกลายเป็นศาสตราจารย์หมอพิษสมัยใหม่ควบสองบัณฑิต คนที่เคยรังแกนาง มันต้องเอาคืนเป็นร้อยเท่าพันเท่า นาง…จัดการกับพวกสันดานชั่วอย่างออกนอกหน้า หาเงินอย่างถ่อมตน มัสมบัติระรวยใต้หล้า เพื่อหลุดพ้นจากหลีอ๋อง เลยแต่งในฐานะนางสนมของซื่อจื่อ กลับคิดไม่ถึงว่าจะไปกระตุกหนวดเสือให้เข้าแล้ว เขาเป็นซื่อจื่อผู้ป่วยเสาะแสะ สุขุมอ่อนโยน เย็นชาเจ้าเล่ห์ ร่างมีพิษที่จะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน หยุนถิงเป็นคนช่วยเขาแก้พิษ ทำให้เขากลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง เขาสาบานว่า จะอยู่กินกับนางแต่เพียงผู้เดียว หลังแต่งงาน นางนวดเอวที่ปวดอยู่ เตะเขาลงจากเตียง:“รับจดหมายรักจากหญิงอื่น ยังกล้ามานอนกับหม่อมฉันอีกรึ?” เขารีบอธิบาย:“น้องนาง ข้าผิดไปแล้ว ใครกล้ามาแย่งข้าไปจากเจ้า ข้าจะตัดขานางให้รู้แล้วรู้รอด” นางยักคิ้วหลิ่วตา:ก็ท่านนี่แหละที่เป็นต้นเหตุ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท