จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 45 ของข้าก็เหมือนของเจ้า
หลิงเฟิงที่อยู่ข้าง ๆ เองก็ถึงกับตะลึง ก่อนหน้านี้ฮูหยินถือเป็นผู้หญิงอัปลักษณ์ที่สุดในแคว้นต้าเยียน เวลานี้ใบหน้าอันงดงามของนางสวยจนมิมีใครเทียบได้ งดงามเสียยิ่งกว่าซ่างกวนหรู
มันมีความอัปลักษณ์หลงเหลืออยู่ที่ไหน นี่คือความงดงาม งดงามอย่างหาที่เปรียบมิได้ ซื่อจื่อได้ครอบครองสมบัติอันล้ำค่า
หยุนถิงซึ่งอยู่ในน้ำ เห็นชายทั้งสามมองมาที่ตนเองอย่างตกตะลึง รู้สึกสับสนเล็กน้อย ก้มมองผิวน้ำด้านข้าง นางถึงได้รู้ว่าเวลานี้ ใบหน้าของนางกลับมาเป็นปกติแล้ว
หยุนถิงขึ้นมาจากน้ำโดยไม่รีบร้อน อธิบายออกมาว่า “ก่อนหน้านี้ข้าใช้หน้ากากล้างพิษ สารพิษบนใบหน้าของข้าถูกกำจัดออกไป ดังนั้นใบหน้าของข้าจึงกลับกลายมาเป็นเหมือนเดิม”
จวินหย่วนโยวพานางขึ้นมาบนเรือ ยื่นมือออกไปจับนางไว้ “ระวัง หลิงเฟิง รีบไปนำเสื้อคลุมมา”
หลิงเฟิงมิเคลื่อนไหว เขายังคงมองมาที่หยุนถิงด้วยความตกตะลึง
ใบหน้าของจวินหย่วนโยวเยือกเย็นขึ้นมาทันที “หลิงเฟิง!”
หลิงเฟิงรู้สึกหนาวสั่นไปทั้งตัว รีบเข้าไปในตัวเรือเพื่อนำผ้าคลุม ในใจของเขารู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก
หากหลีอ๋องได้เห็นหน้าหยุนถิง เกรงว่าคงจะเสียใจไปตลอดชีวิต มิได้ จะให้หลีอ๋องเห็นหน้าของนางมิได้ หากเขาเสียใจและมาแย่งฮูหยินไปจากซื่อจื่อจะทำอย่างไร?
ลมหนาวพัดเข้ามา ร่างกายของหยุนถิงสั่นไหวโดยมิรู้ตัว จวินหย่วนโยวเห็นเช่นนั้น ใช้กำลังภายในของเขาช่วยทำให้เสื้อผ้าและผมของนางแห้ง
เสื้อผ้าที่เปียกก็แห้งในทันที หยุนถิงตกใจเป็นอย่างมาก “ซื่อจื่อ ท่านจะเก่งเกินไปแล้ว ทำให้เสื้อผ้าแห่งได้ภายในพริบตา ดีกว่าเครื่องอบผ้าด้วยซ้ำ”
“เครื่องอบผ้า?” จวินหย่วนโยวมิเข้าใจ
“เป็นเครื่องที่สามารถทำให้เสื้อผ้าแห่งได้ แต่มันจำเป็นต้องใช้เวลา มิได้รวดเร็วเหมือนกับซื่อจื่อ ข้ารักท่านเหลือเกินซื่อจื่อ แต่ซื่อจื่อ ท่านใช้พลังภายในออกมาเช่นนี้มันจะส่งผลกระทบต่อร่างกายของท่านหรือไม่?” หยุนถิงถามออกมาด้วยความเป็นห่วง
“มิเป็นไร แค่ทำให้เสื้อผ้าแห้งเท่านั้น มิใช่เรื่องใหญ่อะไร” จวินหย่วนโยวตอบกลับมาพร้อมกับประหลาดใจเล็กน้อยในดวงตาของเขา
หลิงเฟิงนำเสื้อคลุมออกมา “ฮูหยิน”
เดิมทีหยุนถิงต้องการปฏิเสธ แต่จวินหย่วนโยวกลับเป็นคนนำมันมามอบให้นางด้วยตัวเอง “เจ้าเพิ่งจะลงน้ำมา ต้องให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย มิอย่างนั้นอาจไม่สบายได้”
“ก็ได้ ซื่อจื่อ ขอบคุณสำหรับความเป็นห่วง”
องค์ชายสี่ซึ่งอยู่ด้านข้างถูกบังคับให้เป็นก้างขวางคอโดยปริยาย จู่ ๆ เขาก็มีความคิดอยากจะกระโดดลงน้ำ เห็นสองคนนี้แสดงความรักต่อกัน มันช่างน่าแขยงเสียจริง
“จวินหย่วนโยว เสื้อผ้าของข้าเองก็เปียก เจ้าเองก็ช่วยข้าทำให้มันแห่งด้วย” โม่ฉือชิงกล่าวอย่างเย่อหยิ่ง
จวินหย่วนโยวตอบโดยมิหันหน้ากลับมา “หลิงเฟิง โยนองค์ชายสี่ลงน้ำ”
“ขอครับ!”
“อย่า คิดเสียว่าข้ามิได้กล่าวก็แล้วกัน ข้ามิอยากถูกเรือลำนั้นชนอีก ช่างชั่วร้ายเหลือเกิน พวกเจ้าคิดว่าข้าเป็นใบ้ก็แล้วกัน” โม่ฉือชิงยอมจำนนในทันที
ตอนนี้เขายังคงรู้สึกหวาดกลัวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เขาคิดว่าน่าจะมีสิ่งชั่วร้ายบางอย่างอยู่ในน้ำ หากถูกโยนลงไปในน้ำ เขาอาจจะเข้าไปพัวพันกับมันได้ แม้จะรู้สึกแขยงสองคนนี้ แต่มันก็ยังดีกว่าให้เขาลงไปอยู่ในน้ำ
หยุนถิงเหลือบไปเห็นปลาในถัง ยักไหล่ของนางขึ้นมา “ซื่อจื่อตกปลาได้มากมายขนาดนี้ ข้าแพ้แล้ว”
“มิเป็นไร ของข้าก็เหมือนของเจ้า” จวินหย่วนโยวกล่าวออกมา
คำกล่าวเช่นนี้ ฟังดูเพลินหู
หยุนถิงน้อมรับมันไว้ “คำกล่าวของซื่อจื่อนั้นถูกต้อง ในเมื่อได้ปลามามากมายขนาดนี้ งั้นพวกเรากลับไปย่างปลากินกันเถิด วันนี้ท่านจะได้ชิมฝีมือของข้า รับประกันได้ว่าพ่อครัวทั้งสี่ประเทศ ไม่มีใครทำอาหารออกมาได้รสชาติดีกว่าข้า”
“เจ้าช่างขี้โม้เหลือเกิน” โม่ฉือชิงแขวะออกมา
หยุนถิงเหลือบตามององค์ชายสี่ จากนั้นก็หันไปหาจวินหย่วนโยว “ซื่อจื่อ อีกเดี๋ยวข้าจะลองย่างปลาให้ท่านชิม หากท่านชมแล้วคิดว่ามันอร่อยก็สามารถนำมันไปขายในร้านสุราของท่านได้”
“ดี” จวินหย่วนโยวให้ความร่วมมือเป็นอย่างมาก
“ข้ามิได้ทำเป็นแค่ปลาย่างเท่านั้น ข้ายังสามารถทำปลาผัดพริก หมอไฟปลา ลูกชิ้นปลาทอด……” หยุนถิงจงใจกล่าวออกมา
องค์ชายสี่ได้ยินเช่นนั้น ดวงตาของเขาเบิกกว้าง เสียใจที่ตนเองพลั้งปากไป แต่หากจะให้เขายอมรับผิดมันก็คงน่าอับอายเป็นอย่างยิ่ง
เรือเข้าใกล้ฝั่ง จวินหย่วนโยวและหยุนถิงเดินตรงไปยังเตา นี่เป็นสถานที่สำหรับนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะ มีไว้เพื่อทานอาหาร ทำอาหาร หรือทำปลาที่ตกขึ้นมาได้ สามารถทำได้ด้วยตัวเอง และสามารถให้คนอื่นทำให้ โดยจ่ายเงินเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
หยุนถิงสั่งให้คนเหล่านั้นนำปลาไปล้างให้สะอาด จากนั้นก็โรยเครื่องปรุงเพื่อหมักปลา
ผ่านไปครู่หนึ่ง หยุนถิงก็สั่งให้คนจุดไฟ นางเป็นคนย่างด้วยตนเอง หยิบเครื่องปรุงรสออกมาจากกระเป๋าของนาง ย่างไปได้สักระยะหนึ่งนางก็โรยน้ำมัน ย่างไปอีกสักพักก็โรยเครื่องปรุง ทำไปกลับไปกลับมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า
จวินหย่วนโยวนั่งดื่มชาอยู่ตรงโต๊ะด้านข้าง เห็นการเคลื่อนไหวอันเชี่ยวชาญของหยุนถิง เขารู้สึกแปลกใจเล็กน้อย
หญิงสาวผู้นี้เป็นลูกสาวของอัครเสนาบดีมิใช่หรือ? นางถูกตามใจมาตั้งแต่เด็ก โอหังเย่อหยิ่ง ควรจะทำเรื่องพวกนี้ไม่เป็นถึงจะถูก เมื่อนึกถึงสิ่งที่นางกล่าวและเขาไม่เข้าใจก่อนหน้านี้ คิ้วของจวินหย่วนโยวก็ยิ่งขมวดแน่นขึ้นไปอีก
นางเป็นเหมือนสิ่งลึกลับ มองมิออก คาดเดามิได้ บางครั้งทำให้ตนเองรู้สึกแปลกใจ นางเป็นผู้หญิงแบบไหนกันแน่
และองค์ชายสี่ที่อยู่ข้าง ๆ ก็จ้องมองโดยไม่กะพริบตา ก็แค่ย่างปลามิใช่หรือ เมื่อเขาเรียนรู้จนสำเร็จก็สามารถนำไปขายในหอชุนเฟิงของตนเองได้ จะต้องทำกำไรได้ดีอย่างแน่นอน
สุดท้ายองค์ชายสี่กลับเห็นหยุนถิงนำกล่องขนาดเล็กออกมาจากกระเป๋า รูปทรงของมันแปลกประหลาด มิรู้ว่ามันคืออะไร โรยลงไปบนปลาย่าง
ผ่านไปสักพัก กลิ่นหอมของปลาย่างก็ลอยขึ้นมาเตะจมูก แค่กลิ่นเพียงอย่างเดียวก็สัมผัสได้ว่ารสชาติจะต้องอร่อยอย่างไร้คำบรรยาย
หลิงเฟิงกลืนน้ำลายโดยมิรู้ตัว ตั้งแต่เขาได้กินชานมของฮูหยิน ขอแค่เป็นสิ่งที่หยุนถิงลงมือทำด้วยตนเอง หลิงเฟิงรู้สึกคาดหวังกับมันเป็นอย่างมาก ไม่เพียงแปลกประหลาด แต่รสชาติของมันยังอร่อย และฮูหยินก็งดงามถึงเพียงนี้ นี่มันสมบูรณ์แบบที่สุด
หลีอ๋องตาบอดจริง ๆ ที่ปล่อยให้ฮูหยินซึ่งงดงามราวกับสมบัติล้ำค่าหลุดมือมา พักผ่อนเสียเถิด แล้วเขาจะเสียใจ
ผ่านไปสักพัก ปลาย่างของหยุนถิงสุกเป็นที่เรียบร้อย วางลงบนจานและยกมา
“ซื่อจื่อ ท่านลองชิมดู มันยังร้อนอยู่ ระวังด้วย” หยุนถิงวางจานไว้ด้านหน้าของเขา
“ได้” จวินหย่วนโยวนำตะเกียบขึ้นมาคีบปลา คีบมันเข้าไปในปาก “หอมมาก เนื้อปลาอร่อย ราวกับมีรสชาติของชาหอมดับกลิ่นคาวของปลา ปลาย่างนี่มิเลวเลย”
“เรื่องนั้นมันแน่นอน นี่เป็นสูตรพิเศษของข้า ปลาตัวนี้เป็นของท่าน รีบทานตอนที่มันยังร้อน” หยุนถิงหันกลับไป ยกปลาอีกสองตัวมาให้หลิงเฟิง
“ขอบคุณฮูหยิน” หลิงเฟิงรับไว้ในทันที มิสนว่ามันยังร้อนอยู่ กินเข้าไปคำใหญ่
จากนั้นนางก็แบ่งปลาให้กับคนที่ช่วยนางทำอาหาร ยกปลาอีกสองตัวมา นั่งกินอยู่ตรงข้ามกับจวินหย่วนโยว
“ฝีมือของเจ้าไม่เลว สามารถนำไปขายในร้านสุราได้” จวินหย่วนโยวกล่าวออกมา คีบปลาที่ไม่มีก้างไว้บนจานของหยุนถิง
“ขอบคุณซื่อจื่อ ข้าค่อนข้างมั่นใจในฝีมือของข้า กลับไปข้าจะเขียนสูตรของข้าให้ท่าน เงินที่ได้ก็มอบให้กับท่าน หลังจากท่านรับผิดชอบเรื่องเงินภายในบ้าน ส่วนเรื่องเงินในการเลี้ยงดูครอบครัว ข้าจะเป็นคนรับผิดชอบเอง” หยุนถิงกล่าวออกมา
“ตกลง” จวินหย่วนโยวมิได้โกรธ ตรงกันข้าม เขารู้สึกประทับใจและมีความสุขเป็นอย่างมาก
องค์ชายสี่ซึ่งอยู่ด้านข้างดูตะกละ อยากจะกินแต่ก็อายที่จะกล่าวออกมา เมื่อได้ยินหยุนถิงกล่าวกับจวินหย่วนโยวเช่นนั้น เขาก็กล่าวออกมาด้วยความดูถูก “จวินหย่วนโยว เจ้ายังเป็นผู้ชายอยู่หรือเปล่า ถึงกับให้ผู้หญิงเลี้ยงดู น่าอับอาย”
“หลายปีที่ผ่านมาซื่อจื่อต้องทนทุกข์ทรมาน ข้าเป็นห่วงเขา มิได้หรืออย่างไร อีกอย่า ต่อให้ท่านอยากให้ผู้หญิงมาเลี้ยงดู มันก็คงมิมีทางเป็นไปได้” หยุนถิงโต้กลับ