จอมนางข้ามภิภพ – บทที่ 50 ถอดเสื้อผ้าออกเสีย

จอมนางข้ามภิภพ

จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 50 ถอดเสื้อผ้าออกเสีย

หลงเอ้อได้ยินดังนั้นก็ตกใจยิ่งนัก “ฮูหยินอย่าได้ทำให้ข้าน้อยต้องตกใจ หากว่าซื่อจื่อรู้เข้าคงจะฆ่าข้าน้อยทั้งเป็น!”

“เจ้าโง่หรืออย่างไรกัน? มิต้องบอกซื่อจื่อก็เท่านั้น” หยุนถิงเหลือกตามองเขา

“แต่หากซื่อจื่อพบว่าข้าน้อยปิดบังเขา ผลลัพธ์ที่ตามมาคงร้ายแรงยิ่งนัก อีกอย่างหากว่าคนของจวรหลีอ๋องพบว่าเป็นฮูหยิน ด้วยทัศนคติของเขาที่มีต่อท่าน คาดว่าคงจะทำร้ายท่าน ไล่ท่านออกมา” หลงเอ้อกล่าวตามความเป็นจริง

“เจ้าโง่ ทักษะการปลอมแปลงของข้าแย่มากหรือ เจ้าจงไปหาเสื้อผ้ามาให้ข้าซักสิบชุด ใช้เนื้อผ้าแบบที่ชาวบ้านธรรมดาทั่วไปใส่ หากมิวางใจล่ะก็ เจ้าจงติดตามข้าไปด้วย อีกประเดี๋ยวเราจะไปสร้างวีรกรรมกัน” หยุนถิงกล่าว

หลงเอ้อรู้ดีว่าตนมิอาจจะรั้งฮูหยินเอาไว้ได้ ดังนั้นจึงทำได้เพียงไปหาเสื้อผ้าผู้ชายมาแล้วกำชับฮูหยินว่าอย่าได้กระทำการใดเพียงลำพัง รอให้เขากลับมาก่อน

“คุณหนูเจ้าคะอย่าได้ไปเลย ถ้าหลีอ๋องจำได้ว่าเป็นท่านก็คงจะจัดการกับท่านมิเบา” เยว่เอ๋อร์กล่าวด้วยความกังวล

“วางใจเถิด เขามิใช่คู่ต่อสู้ของข้าแม้แต่น้อย อีกอย่างมีหลงเอ้อคอยปกป้องข้า เจ้าจะไปกลัวสิ่งใด เจ้าจงกลับไปที่จวนซื่อจื่อ สั่งให้ซื่อจื่อทำอาหารไว้รอข้ากลับไปเท่านั้นพอ บอกเขาว่าข้ากับหลงเอ้อกำลังเดินเที่ยวเล่นอยู่” หยุนถิงกำชับ

เยว่เอ๋อร์มิรู้จะทำเช่นไร นางจึงจำเป็นต้องกลับไปก่อน หากนางอยู่ต่อก็มีแต่จะทำให้คุณหนูต้องลำบากใจ

หยุนถิงรออยู่จนกระทั่งหลงเอ้อกลับมา เมื่อเขาเห็นผู้ที่อยู่ในรถม้าก็ต้องตกตะลึง ใบหน้านั้นเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงกลายเป็นชายชราผมขาวเครายาว ใบหน้าของนางได้ล้างเอาโคลนดินทิ้งไป แทนที่ด้วยรอยเหี่ยวย่น หากมิรู้ว่ารถม้านี้เป็นของใคร หลงเอ้อคงมิคิดว่าผู้ที่อยู่ในรถม้านี่คือหยุนถิง

“เป็นอย่างไรเล่า น่าทึ่งใช่หรือไม่?” หยุนถิงเอ่ยอย่างภาคภูมิใจ

“ฮูหยิน การปลอมตัวของท่านช่างเก่งกาจยิ่งนัก การที่ท่านยืนอยู่ตรงหน้าซื่อจื่อแบบนี้ คาดว่าเขาก็คงจำท่านมิได้” หลงเอ้อเอ่ยชื่นชม

“เช่นนั้นก็ดีแล้ว พวกเรารีบแต่งตัวกันเถอะ”

ใช้เวลามิถึงหนึ่งก้านธูป ก็มีชายชราและเด็กหนุ่มคนหนึ่งลงจากรถม้า

หยุนถิงสวมเสื้อผ้าเข้าไปถึงเก้าชั้นจึงกลายเป็นชายชราตัวอ้วนเตี้ย ในขณะที่หลงเอ้อแปลงเป็นเด็กชายเดินหลังโก่ง ใบหน้าเต็มไปด้วยกระ ทั้งสองคนเดินตรงไปยังจวนหลีอ๋อง

เมื่อผู้ฝ้าประตูเห็นดังนั้นก็ได้รั้งทั้งสองคนเอาไว้ทันที “ที่นี่คือจวนหลีอ๋อง พวกเจ้าทั้งสองมาผิดที่หรือไม่? จงรีบไปเถิด”

“ข้าได้ยินมาว่าหลีอ๋องร่างกายมิค่อยดีนัก และบังเอิญว่าบรรพบุรุษของข้ารู้วิธีการแก้ไขอาการผิดปกติของเพศชาย รบกวนท่านเข้าไปรายงานให้หน่อยเถิด” หยุนถิงแกล้งทำเป็นเสียงแหบแห้ง

เมื่อผู้เฝ้าประตูได้ยินดังนั้นดวงตาของเขาก็เบิกกว้าง “โปรดรอสักครู่ข้าจะไปรายงานบัดเดี๋ยวนี้”

แม้ว่าหลีอ๋องจะมิอนุญาตให้ผู้ใดเอ่ยเรื่องนี้ออกไป แต่ว่าในจวนอ๋อง ทุกคนก็ต่างรู้ว่าหลีอ๋องไร้สมรรถภาพ มิเช่นนั้นก็คงจะมิขับไล่สาวงามจำนวนมากออกไปจากจวน ทั้งหมอหลวงและหมอเทวดาต่างเดินทางมารักษาก็มิหาย หากหมอผู้นี้ สามารถรักษาให้หายได้เล่า?

หากว่าหลีอ๋องหายดีแล้ว บ่าวรับใช้เช่นพวกเขาก็จะมีชีวิตที่ดีด้วย

เป็นจริงดังนั้น ผ่านไปมินาน บ่าวรับใช้ก็เดินออกมาและมีพ่อบ้านดินตามออกมาด้วย

พ่อบ้านเหลือบมองไปยังทั้งสองคนที่ประตูแล้วเอ่ยถามว่า “เจ้ารู้ทักษะการรักษาจริงหรือ?”

“แน่นอน หากเรามิมีทักษะเช่นนั้นแล้วจะกล้ามาเสนอตัวรักษาได้อย่างไร?” หยุนถิงตอบด้วยน้ำเสียงอันแหบห้าว

“อืม” พ่อบ้านเดินนำหน้าไปทันที

ภายในห้องหนังสือ

พ่อบ้านรีบเข้าไปรายงาน หลังจากนั้น โม่ฉือหานก็สั่งให้พวกเขาเข้าไป

หยุนถิงและหลงเอ้อตรงเข้าไปข้างใน เมื่อเดินก้าวเข้าไปที่ประตูก็พบกับใบหน้าอันเย็นชาดูโมโหขุ่นเคืองของโม่ฉือหาน สีหน้าของเขาดูมิดีนัก ทั้งยังมีรอยคล้ำใต้ขอบตา ดูเหมือนว่ามิได้พักผ่อนอย่างเพียงพอ

“พวกเจ้าทั้งสองสามารถรักษาข้าให้หายได้จริงหรือ?” โม่ฉือหานเหลือบมองมายังทั้งสองคนด้วยแววตาอันแหลมคม

คนหนึ่งเป็นชายชรา อีกคนหนึ่งเป็นเด็กหนุ่ม ทั้งสองแต่งตัวช่างแสนธรรมดาและรูปร่างหน้าตามิมีอะไรพิเศษเลย

ใบหน้าของหยุนถิงดูสงบนิ่ง นางยื่นมือไปลูบเครายาวสีขาวแล้วตอบว่า “ในวันนี้ที่ข้าเดินทางมาก็เพื่อที่จะมอบยาอายุวัฒนะให้กับหลีอ๋อง รับประกันว่าจะทำให้หลีอ๋องฟื้นตัวกลับคืนสู่เช่นเดิม”

วินาทีต่อมา โม่ฉือหานก็เข้ามาคว้าคอของหยุนถิงเอาไว้อย่างรวดเร็ว “เจ้ารู้หรือไม่หากโกหกข้าจะเกิดผลเช่นไร?”

หยุนถิงชะงักลงทันทีเมื่อถูกดึงคอเสื้อเอาไว้เช่นนั้น นางไอออกมาอย่างรุนแรงและหายใจยากลำบาก

ทางด้านหลงเอ้อก็ตัวแข็งทื่อ เขาตั้งใจจะเคลื่อนไหวตามจิตใต้สำนึก แต่กลับถูกหยุนถิงยื่นมือออกมากดแขนเอาไว้เสียก่อน “ในเมื่อข้ากล้าเข้ามาในจวนหลีอ๋องแห่งนี้ แน่นอนว่าข้าก็คงจะมีทักษะความสามารถ หากว่าหลีอ๋องมิเชื่อก็ลองดู หากว่ามิเชื่อจริงๆ มากสุดก็เเค่ฆ่าข้าทิ้ง แต่ข้าเพียงหวังว่าหลีอ๋องจะปล่อยหลานชายของข้าไป อย่าได้ทำให้ข้าต้องไร้ผู้สืบสกุล”

เมื่อได้ยินคำว่าหลานชาย หลงเอ้อก็กระแอมออกมาทันใด

เมื่อหลีอ๋องเห็นว่าเขาเอ่ยวาจามิได้เกรงกลัว แววตานั้นตั้งมั่นแน่วแน่ จึงได้ปล่อยเขาออก

“เหตุใดข้าจึงมิเคยเห็นพวกเจ้ามาก่อน?”

“ท่านอ๋อง ข้าและหลานชายมิใช่คนเมืองหลวง พวกเราเดินทางไปทั่วใต้หล้า บังเอิญว่าสองวันนี้มาถึงเมืองหลวงได้ยินคนในโรงเตี๊ยมลือกันว่าสุขภาพร่างกายข้างล่างของท่านผิดปกติไป ดังนั้นจึงได้เดินทางมาดู พวกเราเดินทางไกลเช่นนี้ก็คงต้องการเงินมาใช้จ่าย” หยุนถิงตอบด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง

“โรงเตี๊ยมงั้นหรือ?” โม่ฉือหานหรี่ตาลงเล็กน้อย

“ถูกต้องแล้ว มิเพียงแต่โรงเตี๊ยมเท่านั้น โรงน้ำชาและบนท้องถนนก็มีคนเอ่ยถึง” น้ำเสียงของหลงเอ้อกระซิบแทรกขึ้น

“ให้ตายสิ พ่อบ้านจงรีบส่งคนออกไปสั่งสอนไอ้พวกมิรู้จักที่ต่ำที่สูง ปากมิมีหูรูดเหล่านี้สักหน่อย ผู้ใดที่กล้านินทาลับหลังข้ามันต้องตาย!” โม่ฉือหานตะโกนด้วยความโมโห

“ท่านอ๋อง เราอาจจะปิดปากใครคนหนึ่งได้ สิบคนได้ ร้อยคนได้ แต่เรามิอาจปิดปากคนทั่วทั้งใต้หล้าได้ จริงหรือไม่ เมื่อเทียบกันแล้ว ช่างมิคุ้มเอาเสียเลย สู้มารักษาร่างกายให้หายดีกว่า วิธีนี้จึงจะสามารถตบหน้าคนเหล่านั้นได้เป็นอย่างดี” หยุนถิงเอ่ยถามกลับ

คิ้วอันเย็นชาเคร่งขรึมของโม่ฉือหานเลิกขึ้นเล็กน้อยแล้วเอ่ยถามว่า “เจ้าจะรักษาค่าได้จริงงั้นหรือ?”

“แน่นอน หากมิอาจรักษาให้หาย ศีรษะของข้าและหลานชายท่านจงเอาไปเถิด”

“อืม ย่อมได้ เช่นนั้นข้าจะเชื่อเจ้าสักหน” โม่ฉือหานยื่นมือออกไป

“ขอบพระคุณท่านอ๋อง” หยุนถิงรีบจับชีพจรให้เขา

“ชีพจรของท่านอ๋องช่างดูแข็งแรงยิ่งนัก แต่ลมหายใจมิเป็นระบบระเบียบเท่าไหร่ ดูเหมือนว่ามีความโกรธแค้นในใจ มิได้ระบายออกมา จึงทำให้ธาตุหยางอ่อนแรงลง ข้าจะฝังเข็มให้ก่อนแล้วค่อยจ่ายยาให้ ยานี้ตอนต้มใส่น้ำลงไปสามถ้วยต้มให้เหลือเพียงหนึ่งถ้วย และกินนต่อเนื่องครึ่งเดือน รับรองได้ว่าอาการนี้จะหายขาด” หยุนถิงกล่าวจบก็ได้หยิบเข็มเงินที่ติดตัวด้วยออกมา

โม่ฉือหานมองไปด้วยท่าทางอันตื่นเต้น “หากเจ้าพูดความจริงล่ะก็ ข้าจะต้องตกรางวัลให้เจ้าอย่างงาม”

ช่วงที่ผ่านมานี้สมรรถภาพทางเพศของเขาลดลงอย่างมาก เรียกได้ว่ามิมีการตื่นตัวแม้แต่น้อย เขาได้หาสาวงามมามากมายแต่ก็ไร้ประโยชน์ ทำให้หลีอ๋องโมโหแต่ก็มิรู้จะทำเช่นไร นี่นับว่าเป็นเป็นสิ่งที่เหยียดหยามความเป็นชายมากที่สุด อีกอย่างบัดนี้เขาก็เป็นถึงหลีอ๋อง แต่กลับมิมีสมรรถภาพทั้งด้านนั้นได้อย่างไร เรื่องนี้เมื่อเอ่ยออกไปก็คงจะขายหน้ายิ่งนักผู้คนคงพากันหัวเราะเสียจนฟันหลุด

แต่เขาก็ได้เชิญหมอที่มีชื่อเสียงและหมอหลวงมามากมาย โม่ฉือหานผิดหวังยิ่งนัก แม้ว่าคนด้านนอกจะมิกล้าพูดอะไร แต่เขาก็รู้ดีว่าคนเหล่านั้นเอ่ยถึงเขาลับหลังเช่นไร

หากว่าหมอเฒ่าผู้นี้มีวิธีรักษาเขาให้หายได้จริงล่ะก็ คงจะดียิ่งนัก

“เชิญท่านอ๋องขึ้นนอนบนเตียงเถิด ข้าจะฝังเข็มให้ท่าน จงถอดเสื้อผ้าออกเสีย” หยุนถิงเอ่ยปากขึ้น

หลงเอ้อที่ยืนอยู่ด้านข้างกระแอมออกมาหลายที เขามองไปทางหยุนถิงแล้วกล่าวว่า “ท่านปู่ให้ข้าคอยช่วยอยู่ด้านข้างเถิด”

หากซื่อจื่อรู้เข้าว่าฮูหยินเดินทางมารักษาอาการให้แก่หลีอ๋อง ทั้งยังให้เขาถอดเสื้อผ้า ตนก็คงจะถูกฉีกเป็นชิ้นๆ อย่างแน่นอน!

จอมนางข้ามภิภพ

จอมนางข้ามภิภพ

Status: Ongoing
นางเป็นบุตรีเอกแห่งจวนเฉิงเสี้ยง เป็นยัยอัปลักษณ์ไร้ค่าผู้ฉาวโฉ่ กลับมีรักแรกพบกับหลีอ๋อง คะยั้นคะยอจะอภิเษกสมรสกับหลีอ๋องอย่างไม่กลัวสิ่งใด ณคืนวันอภิเษกถูกหลีอ๋องทำอัปยศอดสูจนตายพอลืมตาขึ้นดันทะลุมิติมาอีกภพหนึ่งกลายเป็นศาสตราจารย์หมอพิษสมัยใหม่ควบสองบัณฑิต คนที่เคยรังแกนาง มันต้องเอาคืนเป็นร้อยเท่าพันเท่า นาง…จัดการกับพวกสันดานชั่วอย่างออกนอกหน้า หาเงินอย่างถ่อมตน มัสมบัติระรวยใต้หล้า เพื่อหลุดพ้นจากหลีอ๋อง เลยแต่งในฐานะนางสนมของซื่อจื่อ กลับคิดไม่ถึงว่าจะไปกระตุกหนวดเสือให้เข้าแล้ว เขาเป็นซื่อจื่อผู้ป่วยเสาะแสะ สุขุมอ่อนโยน เย็นชาเจ้าเล่ห์ ร่างมีพิษที่จะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน หยุนถิงเป็นคนช่วยเขาแก้พิษ ทำให้เขากลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง เขาสาบานว่า จะอยู่กินกับนางแต่เพียงผู้เดียว หลังแต่งงาน นางนวดเอวที่ปวดอยู่ เตะเขาลงจากเตียง:“รับจดหมายรักจากหญิงอื่น ยังกล้ามานอนกับหม่อมฉันอีกรึ?” เขารีบอธิบาย:“น้องนาง ข้าผิดไปแล้ว ใครกล้ามาแย่งข้าไปจากเจ้า ข้าจะตัดขานางให้รู้แล้วรู้รอด” นางยักคิ้วหลิ่วตา:ก็ท่านนี่แหละที่เป็นต้นเหตุ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท