จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 53 นี่ซื่อจื่อจะออกไปข้างนอกหรือ
“ไม่เป็นไร นางจะเข้าใจผิดก็ปล่อยให้เข้าใจผิดไปเถอะ หากวันนี้หลงเอ้อไม่เจอความยากลำบากเสียบ้าง หยุนถิงก็จะไม่มีวันจดจำ หลีอ๋องในตอนนี้เพราะเหตุผลทางร่างกายถึงได้ร้อนใจเกินไป คิดแค่อยากจะรักษาโรคที่เป็นให้หาย ดังนั้นจึงไม่ทันคิดอะไรมากมายนัก รอจนเขาได้สติก่อน ด้วยความสามารถของหลีอ๋อง จะต้องค้นหาเบาะแสออกมาได้แน่ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องส่วนตัวที่เป็นความลับขนาดนี้ ต่อให้หยุนถิงจะช่วยรักษาเขาจนหายจริง ๆ หลีอ๋องก็ไม่มีทางปล่อยให้คนที่รู้ความลับมีชีวิตรอดไปได้หรอก “จวินหย่วนโยวค่อย ๆ พูดออกมาทีละคำอย่างชัดเจนกระจ่างแจ้ง
พ่อบ้านได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกซาบซึ้งใจอย่างหาใดเปรียบ ซื่อจื่อต้องทนผ่านเรื่องลำบากด้วยการทุ่มเททำด้วยใจแล้วจริง ๆ
หยุนถิงที่อยู่ในสวน พอได้ยินองครักษ์มาบอกว่าซื่อจื่อสั่งยกเลิกการลงทัณฑ์หลงเอ้อแล้ว ค่อยรู้สึกโล่งอกได้สักที นางรีบเข้าไปพยุงเขาให้ลุกขึ้น “ขอโทษนะ วันนี้เป็นเพราะข้าที่ไปลากเจ้าเข้ามาเดือดร้อนไปด้วยแท้ ๆ ”
“ฮูหยิน ท่านโปรดอย่าพูดอย่างนั้น เป็นเพราะข้าไม่ได้คิดให้ถี่ถ้วน” หลงเอ้อพูดปลอบใจ
“อย่าพูดอีกเลย ข้าจะพยุงเจ้าไปพักผ่อน” หยุนถิงเข้าไปช่วยพยุงเขา
“ขอโทษด้วยหลงเอ้อ คำสั่งของซื่อจื่อข้ามีแต่ต้องทำตามเท่านั้น” สีหน้าของหลิงเฟิงก็เต็มไปด้วยความรู้สึกผิดและนึกโทษตัวเอง
“จะมาเกรงอกเกรงใจข้าทำไมกัน? ข้าเข้าใจน่า”
หลงเอ้อถูกพยุงกลับไปที่ห้อง หลิงเฟิงรีบไปเอายาจินชวง*มา ส่วนหยุนถิงรีบเอายาฆ่าเชื้อกับยาห้ามเลือดออกมาจากช่องว่างมิติทันที
“ถอดเสื้อผ้าออกเถอะ ข้าจะใส่ยาให้”
สีหน้าของหลงเอ้อถึงกับแข็งค้าง “ฮูหยิน ไม่ต้องหรอก ข้าทำเองก็ได้”
“เจ้าจะมองเห็นบาดแผลบนไหล่ตัวเองได้ยังไงล่ะ? ไม่ต้องเกรงใจอะไรข้าทั้งนั้น เร็ว ๆ เข้าเถอะ” หยุนถิงเร่งเร้า
หลงเอ้อไม่มีทางเลือก จึงทำได้แค่ต้องถอดเสื้อออก รอยเลือดสีแดงเถือกสองรอยพาดจากช่วงไหล่ยาวลงมาจนถึงหน้าอก ดูสยดสยองอย่างยิ่ง
หยุนถิงแค่มองดูเฉย ๆ ก็ยังรู้สึกเจ็บ รีบฆ่าเชื้อที่แผลให้เขาทันที จุ่มสำลีลงบนยาไอโอโดฟอร์เพื่อช่วยเขาทำความสะอาดบาดแผล
“อ๊า!” หลงเอ้อร้องลั่น
“มันอาจจะเจ็บนิดหน่อยนะ อดทนไว้ นี่เรียกว่าการฆ่าเชื้อน่ะ ไม่อย่างนั้นถ้าเราใส่แค่ยาตรง ๆ บาดแผลจะหายช้า ทั้งยังง่ายต่อการติดเชื้อด้วย” หยุนถิงพูดปลอบ การเคลื่อนไหวที่มือก็เบาลงมาก
หลิงเฟิงที่ไปเอายากลับมาได้ยินเสียงร้องนั้น จึงรีบวิ่งเข้าไปทันที ผลคือเห็นหยุนถิงกำลังช่วยใส่ยาให้หลงเอ้อ “ฮูหยิน ให้ข้าทำเถอะขอรับ”
“ไม่ต้องหรอก ข้าทำได้ หลิงเฟิงไม่ใช่ว่าข้าอยากว่าร้ายเจ้านะ เจ้าจะเฆี่ยนทั้งทีเฆี่ยนแค่พอเป็นพิธีก็พอแล้ว ทำไมถึงต้องหนักมือขนาดนี้ด้วย? ซื่อจื่อก็ไม่ได้มาเห็นสักหน่อย” หยุนถิงบ่นไม่หยุด
หลิงเฟิงทำสีหน้าจนใจ “ข้าเองก็คิดอย่างนั้นเช่นกัน แต่ในสวนมีองครักษ์ลับกับพวกองครักษ์เงามังกรอยู่ พวกเขาจะต้องไปรายงานซื่อจื่อแน่ หากซื่อจื่อรู้ว่าข้ายอมปล่อยผ่านง่าย ๆ จะต้องสั่งลงโทษหลงเอ้ออย่างรุนแรงกว่านี้แน่นอน”
“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง พูดตรง ๆ ก็เพราะผู้ชายใจโหดจวินหย่วนโยวคนนั้นสินะ เดี๋ยวข้าจะไปสะสางกับเขาทีหลัง” หยุนถิงช่วยจัดการบาดแผลให้หลงเอ้อจนเสร็จ ทาครีมสมานแผลพันผ้าก๊อซเสร็จค่อยหยุดมือ
“พักผ่อนให้มาก ๆ ล่ะ ข้าจะไปหาซื่อจื่อ”
“ฮูหยิน ท่านไปรับผิดกับซื่อจื่อดี ๆ เถอะนะขอรับ ซื่อจื่อแค่เป็นห่วงว่าหลีอ๋องอาจจะทำร้ายท่าน” หลงเอ้อเตือน
“ข้าเข้าใจแล้วล่ะ” หยุนถิงชักเท้าเดินจากไป
หลิงเฟิงสีหน้าจริงจังขึ้นมาเล็กน้อย “สหาย ขอโทษด้วย”
“เจ้าขอโทษข้าตั้งหลายครั้งแล้วนะ นี่ดูไม่เหมือนเจ้าเลย ต่อให้ข้าจะถูกเฆี่ยนไปสองครั้ง ข้าก็ไม่นึกเสียใจหรอกที่ตามฮูหยินไปจวนหลีอ๋อง เจ้ายังไม่รู้สินะว่าฮูหยินเก่งกาจขนาดไหน นางถึงกับให้หลีอ๋องดื่มฉี่เด็ก ฮะ ๆ ๆ โอ๊ย! แผลของข้าเจ็บเป็นบ้า!” หลงเอ้อหัวเราะอย่างหนักจนกระเทือนบาดแผล
“ฉี่เด็ก? มันเกิดอะไรขึ้นน่ะ? รีบบอกข้ามาเร็ว ๆ เข้า” หลิงเฟิงถามด้วยความสงสัย
จากนั้นหลงเอ้อก็เล่าเหตุการณ์อย่างฉะฉาน แม้แต่องครักษ์ลับที่ซ่อนตัวอยู่บนหลังคาก็ยังย่อง ๆ เข้ามาร่วมฟังด้วย
ทางด้านนี้ หยุนถิงเดินตรงไปที่ห้องโถงข้าง จวินหย่วนโยวออกไปแล้ว อาหารบนโต๊ะแทบจะไม่ถูกแตะต้องเลย
“ซื่อจื่อล่ะ?”
“เรียนฮูหยิน ซื่อจื่อไปที่ห้องหนังสือแล้ว ซื่อจื่อบอกว่าถ้าท่านอยากจะพบเขาก็ให้กินข้าวให้เสร็จก่อนแล้วค่อยไป” พ่อบ้านกระซิบเสียงเบา
ซื่อจื่อช่างเป็นพวกปากแข็งใจอ่อนเสียจริง เป็นห่วงว่าฮูหยินจะหิวเลยพูดออกมาตรง ๆ
“ก็ได้” หยุนถิงคิดพลาง ไม่รู้สึกว่าต้องรีบร้อนอะไร ค่อย ๆ นั่งลงแล้วกินข้าวอย่างเอร็ดอร่อย ยังไม่ลืมสั่งให้ผู้ดูแลส่งอาหารรสชาติเบา ๆ ไปให้หลงเอ้อด้วยสักสองสามจาน
พ่อบ้านมองดูหยุนถิงที่กำลังกินข้าวอยู่ พูดเสียงเบาว่า “ฮูหยิน ชานมในร้านอาหารขายดีมาก ซื่อจื่อได้คำนวณผลกำไรของชานมแล้วแยกเก็บ นี่คือรายการผลกำไรทั้งหมด กรุณาอ่านดูก่อนสักรอบ หากท่านต้องการ ข้าน้อยสามารถไปเบิกมาให้ท่านได้”
หยุนถิงรับมาอ่านดู “อื้ม กำไรดีจริง ๆ ต้องลำบากพ่อบ้านแล้ว เก็บไว้ที่เจ้าก่อนแล้วกัน”
“ข้าน้อยไม่ลำบากเลยขอรับ ล้วนเป็นเพราะซื่อจื่อจัดการธุรกิจได้ดี ถึงได้ขายดีขนาดนี้”
“อ้อ นมของวันนี้ต้มหมดแล้วหรือยัง?”
“ยังมีเหลืออีกถังขอรับ เลยยังไม่ได้ต้ม” พ่อบ้านตอบตามความจริง
“งั้นก็ไม่ต้องต้มแล้วล่ะ เดี๋ยวข้าจะสอนเจ้าทำนมเปรี้ยว”
“ขอรับ”
หลังจากกินข้าวเสร็จ หยุนถิงก็พาพ่อบ้านไปที่ครัวด้านหลัง
“หลังจากนี้ ทุก ๆ สองสามวันข้าจะสอนพวกเจ้าทำอาหารใหม่ ๆ แต่ละคนรับผิดชอบคนละหนึ่งอย่าง ทำแบบนี้เผื่อว่าเมื่อไหร่ที่พ่อบ้านไม่ว่าง ชานมกับนมเปรี้ยวก็จะมีคนที่สามารถดูแลแทนได้ ไม่ทำให้การผลิตต้องล่าช้า “หยุนถิงหยิบผงแบคทีเรียที่นางทำไว้ในช่องว่างมิติเมื่อสองวันก่อนออกมา
หลังจากทิ้งลูกมือครัวหลังไว้สองคนรวมถึงพ่อบ้าน หยุนถิงก็อธิบายวิธีการทำอย่างละเอียดถี่ถ้วน พวกเขาทุกคนต่างก็ตั้งใจฟัง ตั้งใจเรียนรู้
“สิ่งสำคัญคืออุณหภูมิ ต้องหมักประมาณห้าชั่วยาม ในระหว่างนั้นไม่ควรเปิดฝาออกโดยเด็ดขาด ต้องแช่ไว้ในน้ำอุ่นตลอด ให้มันตกตะกอนจนกว่าจะข้นเหมือนโจ๊กก็ถือว่าสำเร็จ” หยุนถิงอธิบายแบบละเอียดยิบ
ลูกมือครัวหลังสองคนกับผู้ดูแลต่างก็เรียนจนเป็นแล้ว แต่ละคนลองทำคนละถัง จากนั้นก็ใส่ลงในหม้อใบใหญ่เทน้ำอุ่นคงอุณหภูมิไว้ หยุนถิงค่อยจากไปอย่างวางใจ
หลังออกจากครัวหลัง หยุนถิงก็เดินทอดน่องช้า ๆ พ่อบ้านรีบวิ่งไล่ตามนางออกมาทันที
“ฮูหยิน แท้จริงแล้วที่ซื่อจื่อทำแบบนี้ก็เพราะหวังดีต่อท่าน เขาไม่อยากให้ท่านต้องไปเสี่ยงอันตรายที่จวนหลีอ๋อง ซื่อจื่อบอกว่าตอนนี้หลีอ๋องแค่กำลังหมกมุ่นอยู่กับการรักษาโรคที่เป็น เลยไม่ทันคิดอะไรมากมาย รอให้เขามีสติกลับมาก่อนจะต้องตามสืบเรื่องของท่านแน่ ทันทีที่ท่านรักษาเขาจนหาย หลีอ๋องย่อมไม่มีวันปล่อยให้ท่านมีชีวิตอยู่ต่อไปอย่างแน่นอน
หลายปีมานี้ ซื่อจื่ออยู่เพียงลำพัง ทั้งทุกข์ยากและโดดเดี่ยวเหลือเกินแล้วจริง ๆ ทั้งยังต้องทนทุกข์ทรมานจากยาพิษที่กำเริบทุกเดือน ข้าอยู่ในจวนซื่อจื่อมาหลายสิบปียังไม่เคยเห็นซื่อจื่อยิ้มเลยสักครั้ง นับตั้งแต่ฮูหยินมา ข้ากลับพบว่าซื่อจื่อยิ้มแล้ว นี่แสดงให้เห็นว่าซื่อจื่อใส่ใจฮูหยินมากจริง ๆ
ดังนั้น ฮูหยินโปรดอย่าได้ตำหนิซื่อจื่อเลยนะขอรับ เขาเป็นห่วงท่านมากจริง ๆ บางทีวิธีการอาจไม่เหมาะสมอยู่สักหน่อย เพราะจะอย่างไรซื่อจื่อก็ไม่เคยมีหญิงใดอยู่เคียงข้าง แล้วเขาเองก็ไม่รู้ว่าควรจะแสดงความห่วงใยของตัวเองออกมาอย่างไร” พ่อบ้านพูดด้วยท่าทางที่เต็มไปด้วยความจริงจัง
เดิมทีหยุนถิงรู้สึกหงุดหงิดรำคาญใจเล็กน้อย พอมาตอนนี้ก็หายอารมณ์เสียทันที เพราะสุดท้ายแล้ว เรื่องในวันนี้ก็เป็นเพราะตัวนางไม่ได้คิดอะไรให้รอบคอบจริง ๆ
“ขอบคุณพ่อบ้านมากนะ ข้าจะไปหาซื่อจื่อเดี๋ยวนี้แหล่ะ” หยุนถิงตรงไปที่ห้องหนังสือ
พ่อบ้านค่อยถอนหายใจด้วยความโล่งอก ยากมากที่จะได้เห็นว่าซื่อจื่อเป็นห่วงเป็นใยใครสักคนมากขนาดนี้ ดังนั้น เขาจะไม่มีวันยอมให้ซื่อจื่อกับฮูหยินเข้าใจกันผิดต่อไปอย่างเด็ดขาด
ในห้องหนังสือ จวินหย่วนโยวกำลังอ่านหนังสือ แต่นับตั้งแต่เข้ามาในห้องหนังสือ เขาก็ยังไม่ได้พลิกเปลี่ยนหน้าหนังสือไปจากหน้าแรกเลย สายตายังเอาแต่เหลือบมองไปที่หน้าประตูห้องเป็นระยะ ๆ
ต่อให้เป็นการกินข้าว แต่เวลาผ่านไปนานขนาดนี้แล้ว ผู้หญิงคนนั้นควรจะกินอิ่มได้แล้วสิ
ด้วยนิสัยเจ้าคิดเจ้าแค้นของนาง ต่อให้โกรธแค่ไหนก็ควรมาคิดบัญชีกับเขาถึงจะถูก แต่ทำไมตั้งนานขนาดนี้แล้วก็ยังไม่มาอีก? เป็นไปได้หรือไม่ว่านางอาจจะโกรธมากจนไปจากที่นี่แล้ว?
เมื่อคิดถึงตรงนี้ จวินหย่วนโยวก็นั่งไม่ติดที่แล้ว รีบลุกขึ้นแล้ววิ่งตรงไปที่ประตู
ติดที่ว่าเขาเพิ่งจะมาถึงหน้าประตู บานประตูก็ถูกคนผลักเปิดจากด้านนอก หยุนถิงมองเขานิ่ง ๆ “ซื่อจื่อ นี่เจ้ากำลังจะออกไปข้างนอกหรือ?”
จวินหย่วนโยวเห็นนางสีหน้าก็พลันแข็งทื่อ รู้สึกกระอักกระอ่วนแปลก ๆ จากนั้นก็ยกมือขึ้นกุมหัว คิ้วขมวดพันกันแน่นจนเป็นปม “ข้าเวียนหัว”