จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 61 ใครใช้ให้เจ้ามาด่าข้าว่าเป็นหญิงมั่วผู้ชาย
หยุนถิงในวันนี้สวมชุดผ้าไหมปักลายที่หรูหราสง่างาม ทั้งชุดมีมูลค่าอย่างมาก นางเห็นมันในหอซ่างอีเมื่อหลายวันก่อน นั่นก็คือแบบใหม่ของเดือนนี้ ท่านพี่สวมชุดนี้ แน่นอนว่าไม่ได้ขาดเงิน แล้วทำไมถึงชอบสิ่งเหล่านี้ล่ะ
“คุณหนูใหญ่มีชีวิตที่ดี นั่นก็เป็นเรื่องของนาง นี่คือน้ำใจเล็กน้อยของแม่ ในตอนนั้นฮูหยินใหญ่มีบุญคุณอันยิ่งใหญ่ต่อข้า ข้าไม่อาจลืมตัว เจ้าช่วยเอาไปให้คุณหนูใหญ่ก็ดีแล้ว ต่อให้นางไม่อยากได้แล้วทิ้งมันไป นั่นก็เป็นเรื่องของนาง แต่น้ำใจของข้าก็ไม่อาจน้อยได้” ซูอี๋เหนียงกำชับสั่ง
“หนูเข้าใจแล้ว”
หยุนซูอยู่เป็นเพื่อนซูอี๋เหนียงสักพัก แล้วจึงนำรองเท้าทั้งสองคู่ไปที่ลานหน้าบ้าน
นางยังไม่ทันไปถึงห้องโถงด้านข้าง ก็พบกับหยุนหลิงและหยุนหลี คนทั้งสองไม่ได้สวมชุดที่เรียบง่ายเหมือนก่อนหน้านี้ เวลานี้คนทั้งสองต่างก็เปลี่ยนเป็นชุดกระโปรงที่งดงามและล้ำค่า อีกทั้งยังปักปิ่นมุก นิ้วมือทาเล็บสีแดง มองดูแล้วหรูหราน่าประทับใจ และงดงามอย่างมาก
“พี่หญิงสาม ทำไมเจ้ายังสวมชุดนี้อยู่อีกล่ะ ท่านพ่อบอกให้พวกเราแต่งตัวให้ดี ไม่ทำให้จวนเฉิงเซี่ยงต้องขายหน้าไม่ใช่หรือ?” หยุนหลีกล่าวอย่างไม่พอใจ
“ปกติข้าก็แต่งตัวเช่นนี้ ก็ไม่มีอะไรไม่ดีนี่” หยุนซูตอบกลับ
“ปกติน้องหญิงสามนางเคยชินกับความเรียบง่าย หยุนหลีเจ้าอย่าไปสนใจเลย ใช่แล้ว น้องหญิงสามในมือเจ้าถืออะไรมาหรือ?” ดูเหมือนว่าหยุนหลิงจะช่วยกู้หน้าให้ แต่ในความเป็นจริงดวงตากลับแฝงไปด้วยการถากถางเล็กน้อย
บัดนี้้้่จวนเฉิงเซี่ยงถูกกุมอำนาจอยู่ในมือของท่านแม่ของพวกนาง เงินเดือนในทุกเดือนของซูอี๋เหนียงไม่มากนัก บวกกับว่าซูอี๋เหนียงไม่มีบุตรชาย มีเพียงบุตรสาวคนเดียวเช่นนี้ ทั้งจวนเฉิงเซี่ยงต่างก็ดูถูกเหยียดหยามพวกนางสองแม่ลูก ฉะนั้นนางจ้าวจึงจงใจประหยัด ด้วยเหตุนี้ในวันปกติอาหารที่กินเสื้อผ้าที่ใส่ของหยุนซูจึงเป็นธรรมดาที่จะเทียบกับหยุนหลิงและหยุนหลีไม่ได้
หยุนซูกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเล็กน้อย ด้วยจิตสำนึกจึงกุมห่อผ้านั้นเอาไว้แน่น: “ไม่มีอะไรหรอก นี่คือของที่ท่านแม่ของข้าให้ข้าเอามาให้ท่านพี่”
“ไอ๋หยา ซูอี๋เหนียงช่างรู้จักเอาอกเอาใจจริงๆ ยังรู้จักเอาของขวัญมามอบให้ท่านพี่ผู้อัปลักษณ์คนนั้นด้วย ให้ข้าดูหน่อยสิว่าเอาอะไรมาให้?” หยุนหลีเดินเข้ามา แล้วหยิบเอาไป
หยุนซูเอาไปแอบไว้ด้านหลังด้วยจิตสำนึก: “เจ้าอย่ามาพูดไร้สาระ ท่านแม่ของข้าเพียงแค่แสดงออกถึงความมีน้ำใจเล็กน้อยก็เท่านั้น”
หยุนหลีเคยชินกับการใช้อำนาจบาตรใหญ่ จึงยื่นมือไปแย่งชิงของในมือของหยุนซู มือไม่ได้หยิบเอาไว้ได้มั่นคง รองเท้าสองคู่จึงหล่นออกมาทันที และเปื้อนคราบฝุ่นเล็กน้อย
“ที่แท้ก็เป็นรองเท้าขาดๆ สองคู่ คาดไม่ถึงว่าแม่ของเจ้าจะมอบรองเท้าให้ท่านพี่ นี่กำลังด่าพี่ใหญ่ว่าเป็นผู้หญิงมั่วผู้ชายหรือ?” หยุนหลีหัวเราะเสียงดัง กล่าวอย่างถากถาง
สีหน้าของหยุนซูกลืนไม่เข้าคายไม่ออกอย่างมาก กำลังจะพูดอะไรบางอย่าง ก็เห็นร่างหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลนักพุ่งเข้ามาหาราวกับสายฟ้าแลบ
“เพียะๆ!” เสียงตบอันดังกังวานดังขึ้น
“โอ๊ย!” หยุนหลีส่งเสียงร้องอย่างน่าเวทนา ตกตะลึงและมองไปยังคนที่อยู่ตรงอย่างไม่อยากจะเชื่อ: “หยุนถิง นี่เจ้าจะกล้าตบข้า?”
“ข้าตบเจ้าก็ถูกแล้วนี่ ใครใช้ให้เจ้ามาด่าข้าว่าเป็นหญิงมั่วผู้ชายล่ะ ถ้าหากคำพูดนี้ถูกท่านพ่อหรือซื่อจื่อได้ยินเข้าละก็ เกรงว่าจะไม่ใช่แค่ตบสองที แต่คงจะตัดลิ้นของเจ้าทิ้งเสียโดยตรง” หยุนถิงกล่าวอย่างโกรธเคือง
หยุนหลีจ้องมองเข้ามาด้วยความโกรธเคือง หยุนอู๋เฟิงกลับมาช้า ฉะนั้นนางจึงไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นที่ห้องโถงด้านหน้าโดยสิ้นเชิง
“อย่าคิดว่าเจ้าเอาท่านพ่อและซื่อจื่อมาข่มข้า แล้วข้าจะกลัวเจ้านะ ข้าก็ด่าเจ้าแล้วมันจะเป็นอย่างไรหรือ เจ้าเองก็เป็นคนที่ถูกหลีอ๋องบอกเลิก คนก็รู้กันทั่วบ้านทั่วเมือง เจ้าเองก็หน้าไม่อายเช่นนี้ ยังจะกลัวคนอื่นว่าอีกหรือ ก่อนหน้านั้นเพิ่งจะถูกบอกเลิก ต่อมาก็แต่งงานกับคนที่ป่วยกระเสาะกระแสะอีก ข้าว่าชีวิตนี้ของเจ้าก็คือชีวิตที่กินผัว
ถึงแม้ว่าชื่อจื่อจะรักใคร่เจ้าแล้วเป็นอย่างไร ยังไงก็เป็นแค่คนอายุสั้นที่อยู่ได้อีกไม่กี่ปี ถึงเวลานั้นซื่อจื่อหลับตาไป เจ้าก็คือแม่หม้ายคนหนึ่งแล้ว การแต่งงานสองครั้งไม่มีทางลงเอยด้วยดี เจ้าเป็นแค่ผู้หญิงมั่วผู้ชาย เป็นรองเท้าขาดๆ ที่ถูกคนสวมใส่จนเหลวแหลก” หยุนหลีกล่าวอย่างโมโหเป็นฟืนเป็นไฟ
นางไม่ชอบหยุนถิงมานานแล้ว เมื่อครู่นั้นก็ไม่ยอมบอกสูตรชานมกับตนเอง โอกาสที่ควรฉกฉวยนี้ แน่นอนว่าหยุนหลีจะไม่ยอมรามือ
หยุนถิงมีสีหน้าสงบนิ่ง สายตาเย็นชา มองไปยังหยุนหลีอย่างไม่สะทกสะท้าน: “พูดจบแล้วหรือยัง?”
“แน่นอนว่ายัง” หยุนหลีกล่าวด้วยความโกรธเคือง
“เจ้ายังมีอะไรไม่พอใจข้าอีก ก็พูดออกมาเลยดีไหม?”
“น้องหญิงสี่อย่าพูดอะไรอีกเลย นานๆ ท่านพี่จะกลับมาสักครั้ง เป็นเรื่องที่หาได้ยากนะพวกเราควรอยู่กันดีๆ” หยุนหลิงพูดโน้มน้าวทันที
ถ้าหากเป็นในเวลาปกติ หากหยุนหลีกล้าด่าหยุนถิงเช่นนี้ เกรงว่าหยุนถิงคงจะจัดการนางไปแล้ว แต่วันนี้ทำไมนางถึงเมินเฉย ใจเย็นเช่นนี้ นี่จึงทำให้หยุนหลิงไม่เข้าใจ ภายในใจของนางมีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีเลย
“กลัวอะไรล่ะ ข้าบอกก็ได้ว่ามีอะไรเกิดขึ้น เจ้าต้องเขียนสูตรชานมนั่นออกมา แล้วเก็บไว้ที่ตระกูลหยุน ไม่ว่าอย่างไรเจ้าก็เป็นคนของตระกูลหยุน ในเมื่อแต่งงานกับซื่อจื่อแล้วก็ไม่สามารถเอาไปได้ การค้าที่ได้กำไรเช่นนี้แน่นอนว่าจะต้องเหลือไว้ให้คนในตระกูล” หยุนหลีกล่าวด้วยความจนหายใจแทบไม่ทัน
หยุนถิงยิ้มเยาะ: “พูดอยู่ตั้งนมนาน ที่แท้น้องหญิงสี่ก็โหยหาสูตรชานมนี่เอง”
“ใครบอกว่าข้าโหยหา ข้าก็แค่เกรงว่าเจ้าจะให้ซื่อจื่อ ถึงอย่างไรเจ้าก็แซ่หยุน แน่นอนว่าไม่สามารถเอาประโยชน์ไปให้คนนอกได้”
สถานที่ที่ไม่ไกล จวินหย่วนโยวและหยุนเฉิงเซี่ยงเข้ามาจากทางด้านนั้น เดิมทีหยุนถิงบอกว่าจะออกมาเข้าห้องน้ำ แต่เมื่อรอสักพักหนึ่งแล้ว จวินหย่วนโยวเห็นว่าหยุนถิงยังไม่กลับมา จึงเสนอให้เข้าไปดูที่จวนเฉิงเซี่ยง
แน่นอนว่าหยุนเฉิงเซี่ยงมาเป็นเพื่อนด้วยตัวเอง ส่วนหยุนไห่เทียนไปที่สวนหลังบ้านและกำชับกับทุกคนทันทีว่า ไม่ให้พวกเขาทำเรื่องขายหน้าอะไรในงานเลี้ยงของตระกูล
สรุปคือเมื่อจวินหย่วนโยวได้ยินหยุนหลีและหยุนถิงทะเลาะกัน สีหน้าก็ปกคลุมด้วยชั้นน้ำแข็งขึ้นมาทันที บรรยากาศรอบตัวต่างก็เยือกเย็นจนติดลบ
หยุนเฉิงเซี่ยงที่อยู่ข้างๆ ตกใจจนตัวสั่น ลูกหลายคนนี้ไม่ทำให้ตนเองสบายใจจริงๆ โดยปกติทะเลาะวิวาทก็ช่างเถิด แต่กลับมาเลือกวันนี้ที่หยุนถิงกลับบ้าน และต่อหน้าซื่อจื่อเช่นนี้ นี่ทำให้เขาไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน
“ทำให้ซื่อจื่อเป็นที่ตลกขบขัน ข้าจะไปสั่งสอนนังเด็กไม่รู้ความคนนี้เอง” หยุนเฉิงเซี่ยงจะเดินเข้าไป
“ช้าก่อน หยุนเฉิงเซี่ยงทำไมจะต้องรีบร้อนตอนนี้ด้วย คอยดูก่อนแล้วค่อยว่ากัน” จวินหย่วนโยวพูดด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น
หยุนเฉิงเซี่ยงหยุดชะงักฝีเท้า สุดท้ายก็ทำได้เพียงก้าวกลับมา ซื่อจื่อเอ่ยปากแล้ว แน่นอนว่าเขาไม่สามารถเข้าไปได้ ภายในใจเฝ้ารอว่านังเด็กบ้าสองสามคนนี้จะไม่ทำเกินไป ไม่เช่นนั้นเขาคงจะต้องขายหน้าแย่แน่
ดวงตาของจวินหย่วนโยวลุ่มลึกราวกับความมืดจ้องมองหยุนถิงที่อยู่ไม่ไกล เขาไม่รู้จริงๆ ว่าหยุนถึงจะตอบอย่างไร
สำหรับนางแล้ว เขาเป็นคนนอกหรือไม่?
“คำพูดนี้ของเจ้าผิดแล้วล่ะ ว่ากันว่าบุตรสาวที่แต่งงานออกไปแล้วก็เหมือนกับน้ำที่สาดออกไป ในเมื่อข้าแต่งงานกับซื่อจื่อแล้ว แน่นอนว่าข้าต้องเป็นคนของซื่อจื่อ ในสายตาของข้า ซื่อจื่อใกล้ชิดกับข้ามากเสียกว่าพวกเจ้ายิ่งนัก
เอาแต่พูดว่าข้าเป็นคนของตระกูลหยุน บอกว่าพวกเจ้าเป็นคนในครอบครัวของข้า แล้วก็ยังโหยหาสูตรชานมของข้าอีกไม่ใช่หรือ หยุนหลีข้าสามารถบอกเจ้าได้อย่างชัดเจนเลยนะว่า ข้าไม่ให้เจ้าอย่างแน่นอน รวมถึงตระกูลหยุน
ถ้าหากพ่อของข้าไม่มีเงิน หรือไม่อยากเป็นขุนนางแล้ว ข้าก็จะรับเข้าไปดูแลโดยตรง ส่วนพวกเจ้าที่ไร้ประโยชน์กลุ่มนี้ ข้าไม่สนใจแม้แต่คนเดียว
พวกเจ้าที่แบกหามไม่ได้ ไหล่ไม่อาจต้านทานเช่นนี้ ถึงจะมาเป็นคนรับใช้ที่จวนซื่อจื่อก็ไม่มีคุณสมบัติเพียงพอ
อย่าคิดว่าตอนนี้แม่ของเจ้าเป็นฮูหยินเฉิงเซี่ยง แล้วจะคิดว่าสูงส่งกว่าผู้อื่นนะ ฉันสามารถยึดสิทธิ์การครอบครองครอบครูของนางจ้าวมาได้ทุกเมื่อ หรือยังคิดว่าตนเองเป็นคนเก่งกาจจริงๆ
เมื่อครู่นี้ที่เจ้าด่าข้าว่าเป็นหญิงมั่วผู้ชาย อีกทั้งยังบอกว่าซื่อจื่อเป็นคนป่วยกระเสาะกระแสะ ถ้าหากคำพูดนี้ถูกซื่อจื่อได้ยินเข้า เกรงว่าคงจะโดนตัดเอ็นขูดหนัง และห้าม้าแยกร่างเป็นแน่” หยุนถิงกล่าวอย่างเหยียดหยาม