จอมนางข้ามภิภพ – บทที่ 69 เจ้าหนูจวิน ภรรยาของเจ้าช่างอัปลักษณ์เหลือเกิน

จอมนางข้ามภิภพ

จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 69 เจ้าหนูจวิน ภรรยาของเจ้าช่างอัปลักษณ์เหลือเกิน

“ด้วยคำพูดนี้ของซื่อจื่อแล้ว การที่ข้ามาครั้งนี้ก็ไม่เปล่าประโยชน์” หมอยมบาลท่านลั่วเจ็บปวดจนแยกเขี้ยวยิงฟัน สีหน้าซีดเผือด

“หลิงเฟิง ไปเชิญหมอมาเดี๋ยวนี้ บาดแผลของท่านลั่วจำเป็นจะต้องจัดการทันที” สีหน้าของจวินหย่วนโยวเคร่งขรึม ดูเป็นกังวลอย่างมาก

“ขอรับ” หลิงเฟิงกำลังจะออกไป

บาดแผลที่ไหล่ แม้แต่หมอยมบาลก็จนปัญญาที่จะจัดการบาดแผลของตนเอง

“คาดไม่ถึงเลยจริงๆ ข้าช่วยเหลือคนเจ็บป่วยมาตลอดชีวิต แต่เมื่อถึงคราวตนเองกลับรักษาตนเองไม่ได้” ท่านลั่วกล่าวอย่างทอดถอนใจ

“เดี๋ยว หลิงเฟิงรีบไปเชิญฮูหยินมา ทักษะทางการแพทย์ของฮูหยินดีกว่าหมอทั่วไปอีก” จู่ๆ จวินหย่วนโยวก็เอ่ยปากออกมา

“ขอรับ” หลิงเฟิงรรบออกไป

ท่านลั่วมองอย่างสงสัย : “ฮูหยิน เจ้าแต่งงานตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมข้าถึงไม่รู้ล่ะ?”

จวินหย่วนโยวเขินอายเล็กน้อย : “เรื่องมันเป็นเหตุสุดวิสัย พูดไปก็จะยาว วันหลังจ้าค่อยบอกกับท่านอีกทีก็แล้วกัน”

“สามารถทำให้เจ้าแต่งงานด้วยได้ ดูเหมือนว่าจะค่อนข้างมีความสามารถเลยทีเดียว ข้าเองก็อยากจะรู้เช่นกัน ว่าผู้หญิงแบบไหนที่จะเข้าตาเจ้าได้” ท่านลั่วอยากรู้อยากเห็นมากยิ่งขึ้น

ทางด้านนี้ หยุนถิงยกโยเกิร์ตไปที่ห้องหนังสือ ก็หาจวินหย่วนโยวไม่เจอ ไปที่ห้องพัก ก็ไม่เจอคนเช่นกัน

“ซื่อจื่อไปไหนนะ?” หยุนถิงบ่นพึมพำ

จู่ๆ หลงเอ้อก็ปรากฏตัว : “ฮูหยิน ซื่อจื่อไปที่ป่าไผ่ด้านหลังจวนขอรับ”

“อ้อ ทำไมจู่ๆ เขาถึงไปที่ป่าไผ่ล่ะ? ได้รับบาดเจ็บหรือไม่สบายรึ?” สีหน้าของหยุนถิงเคร่งขรึมขึ้นมาทันที

“ไม่ใช่ซื่อจื่อ แต่เป็นหมอยมบาลขอรับ เดิมทีแล้วหมอยมบาลอีกครึ่งเดือนจึงจะกลับมา แต่จู่ๆ ก็เจอกับการซุ่มโจมตีระหว่างทาง เขาถูกองครักษ์เงามังกรช่วยเอาไว้ แต่ร่างกายได้รับบาดเจ็บสาหัส ซื่อจื่อจึงรีบไปดูทันทีขอรับ” หลงเอ้อตอบกลับ

ซื่อจื่อพาฮูหยินไปที่ป่าไผ่ แสดงให้เห็นว่าท่านมองฮูหยินเป็นคนกันเองแล้ว อย่างไรเสียที่ป่าไผ่นอกจากท่านลั่วแล้ว หยุนถิงก็เป็นคนที่สองที่ถูกพาไปที่นั่น ดังนั้นหลงเอ้อจึงไม่ได้ปิดบังใดๆ

“หมอยมบาล ที่เป็นเจ้าของห้องยานั่นนะหรือ?” หยุนถิงเอ่ยถาม นางเคยได้ยินจวินหย่วนโยวพูดเอาไว้

“ใช่แล้วขอรับ”

“ฮูหยิน ซื่อจื่อเชิญท่านไปที่ป่าไผ่หลังจวน รีบตามข้าไปเถิด” หลิงเฟิงเข้ามาอย่างรวดเร็ว

“ได้เลย” หยุนถิงนำสลัดผลไม้ในมือส่งให้หลงเอ้อ

หลงเอ้อรับมันด้วยมือทั้งสองข้างอย่างตื่นเต้นดีใจ : “ขอบคุณฮูหยิน” ลาภปากเขาอีกแล้ว

หยุนถิงตามหลิงเฟิงตรงไปที่ป่าไผ่ เมื่อเข้าไปในห้องก็เห็นจวินหย่วนโยว และยังมีชายชราผมขาวที่นั่งอยู่ข้างๆ เขา ดูท่าทางใจดีมีเมตตา สีหน้าซีดเผือดเล็กน้อย ริมฝีปากบางไม่มีสีเลือด ที่ไหล่เปื้อนไปด้วยเลือด

“ซื่อจื่อ”

“รบกวนเจ้าช่วยจัดการบาดแผลของท่านลั่วหน่อยนะ” จวินหย่วนโยวกล่าวอย่างตรงไปตรงมา

“ได้สิ” หยุนถิงเดินเข้ามา

แต่ท่านลั่วกลับมีสีหน้ารังเกียจ : “โอ้พระเจ้า เจ้าหนูจวิน อย่าบอกนะว่านี่คือภรรยาที่เจ้าแต่งงานด้วย หน้าตาอัปลักษณ์ขนาดนี้ ใบหน้าก็ดำเป็นเถ้าถ่าน สายตาเจ้าช่างแย่เหลือเกิน ข้ายังคิดว่าจะสวยปานนางฟ้าเสียอีก”

หยุนถิงกำลังจะช่วยเขาตรวจดูบาดแผล สีหน้าก็เย็นชาลงมาทันที : “หน้าตาอัปลักษณ์แล้วยังไง มันไม่ใช่ความผิดของข้า ร่างกายได้รับผิวพรรณมาจากพ่อแม่ ข้าไม่สามารถควบคุมมันได้ อีกอย่างหนึ่งซื่อจื่อของข้าก็ชอบข้าที่เป็นเช่นนี้ ท่านออกความเห็นไปก็ไร้ประโยชน์”

หยุนถิงอาฆาตเป็นที่สุด หากคนอื่นเคารพข้าข้าก็จะเคารพกลับ หากว่าถูกคนดูหมิ่นเหยียดหยาม นางก็ไม่สามารถที่จะไปเอาอกเอาใจได้

ท่านลั่วกลอกตามองบน : “ไอ๋หยา เจ้ามันอัปลักษณ์แล้วยังอารมณ์ร้ายด้วย เจ้าก็รู้ว่าเป็นข้าที่ดูแลเจ้าหนูจวินมาจนเติบโต เขายังเรียกข้าว่าท่านลั่วอย่างเคารพ คาดไม่ถึงเลยเจ้าจะไม่รู้จักมารยาทเช่นนี้?”

“มารยาทก็ยังต้องแบ่งแยกคนด้วย ท่านยังดูถูกข้าเลยว่าข้าอัปลักษณ์อย่างกับเถ้าถ่าน หรือว่าข้ายังต้องยื่นหน้าไปให้ท่านต่อว่าอีกหรือ” หยุนถิงเบ้ปาก หยิบกรรไกรขึ้นมาแล้วตัดเสื้อบนไหล่ของท่านลั่วอย่างมุทะลุดุดัน

เดิมทีท่านลั่วยังคิดที่จะพูดอะไร แต่ทันใดนั้นก็ถูกนางดึงอย่างแรง เขาเจ็บจนต้องแยกเขี้ยวยิงฟัน : “ไอ๋หยา เจ็บจะตายอยู่แล้ว ยัยเด็กอัปลักษณ์เจ้าระวังหน่อยสิ”

“ถูกลูกธนูที่มีตะขอสองชั้นทำให้บาดเจ็บสาหัสเช่นนี้ ท่านไม่กลัว แต่นี่ท่านกลัวเจ็บ จะเสแสร้งอะไรอีก” หยุนถิงตอบกลับ

“ไอ๋หยา ยัยเด็กคนนี้ช่างมีความสามารถจริงๆ คาดไม่ถึงจะมองออกว่าเป็นตะขอสองชั้น?” แววตาประกายความแปลกใจ ดูเหมือนว่ายัยเด็กนี่จะค่อนข้างมีความสามารถจริงๆ

หยุนถิงขี้เกียจที่จะไปสนใจเขา มองบาดแผลที่เต็มไปด้วยเลือด ด้วยสีหน้าเคร่งขรึมจริงจัง

“เป็นอย่างไรบ้าง ต้องการเตรียมอะไรบ้างเจ้าก็บอกมาเลย ข้าจะให้คนไปจัดการให้?” จวินหย่วนโยวเอ่ยถาม

“ตะขอสองชั้นนี้จัดการได้ยากนัก อีกทั้งยังทะลุไปถึงกระดูกสะบักด้วย หากไม่ดึงออกจะต้องติดเชื้ออย่างแน่นอน บาดแผลมีเลือดออกมากก็จะเจ็บมาก หากจะดึงออกมา ก็จะลำบากอย่างมาก เพราะมีตะขอเกี่ยวทั้งหน้าและหลัง มันจะเจ็บปวดจนแทบไม่อยากมีชีวิตอยู่ ฉันกลัวว่าคนแก่จะรับไม่ไหว เจ็บจนตายข้าไม่รับผิดชอบหรอกนะ” หยุนถิงกล่าวตามความจริง

“ยัยเด็กอัปลักษณ์นี่เจ้ากำลังพูดอะไร ข้าเป็นหมอรักษาโรคมาทั้งชีวิต บาดเจ็บแบบไหนที่ไม่เคยเห็นบ้าง นับประสาอะไรกับบาดแผลเล็กๆ แค่นี้ ข้าไม่เจ็บปวดจนตายหรอก” ท่านลั่วกล่าวอย่างหยิ่งยโส

จวินหย่วนโยวมองไปยังแผลที่เต็มไปด้วยเลือด สีหน้าเคร่งขรึม : “หากดึงออก เจ้ามีความมั่นใจกี่ส่วน?”

“เจ็ดส่วน และมันจะเจ็บมาก ข้าจะบอกเจ้าไว้ก่อนเลย เมื่อถึงเวลานั้นตาแก่นี้จะร้องเป็นหมูถูกเชือดเลย จนพวกเจ้ายังจะคิดว่าข้าทำอะไรให้เขา”

“ท่านลั่ว ข้าเชื่อหยุนถิง ทักษะทางการแพทย์ของนางไม่ด้อยไปกว่าในพระราชวังเลย ฉะนั้นให้นางช่วยท่านดึงออกมาเถิด” จวินหย่วนโยวกล่าวอย่างกังวลใจ

“เอาเถอะ เห็นแก่หน้าของเจ้านะ ข้าจะลองเชื่อนางสักครั้ง มาเถอะ ข้าพร้อมแล้ว” ท่านลั่วแสดงออกว่าทุ่มสุดตัว

อย่างไรเสีย ลูกธนูตะขอสองชั้นนี้อยู่บนไหล่ตลอด ก็มีแต่จะทำให้สถานการณ์แย่ลง

“เห็นแก่หน้าซื่อจื่อของข้าหรอกนะ ข้าจะช่วยท่านสักครั้งหนึ่ง ซื่อจื่อเจ้าออกไปก่อนเถอะ ข้าทำคนเดียวได้ ไม่ว่าจะได้ยินเสียงอะไร เจ้าอย่าให้คนเข้ามาก็พอ” หยุนถิงสั่งกำชับ

“ตกลง รบกวนแล้ว” จวินหย่วนโยวซาบซึ้งใจ

“ซื่อจื่อไม่ต้องเกรงใจข้าหรอก”

จวินหย่วนโยวเดินออกไป และยื่นมือไปช่วยปิดประตูให้ เขาไม่ได้ไปไหน แต่เฝ้าประตูเอาไว้

“หลิงเฟิง เจ้าพาองครักษ์เงามังกรสองสามคนไปยังทางแยกขึ้นเขาภูเขาอู๋หลิ่ง ไปที่ต้นไม้ใหญ่ต้นที่สามทางด้านซ้ายเพื่อเอาสิ่งของของท่านลั่วมา อย่าลืมว่าต้องระวังตัวด้วย” จวินหย่วนโยวสั่งกำชับ

“ขอรับ” หลิงเฟิงไปจัดการทันที นั่นคือสิ่งที่เกี่ยวข้องกับร่างกายของเจ้านาย แน่นอนว่าจะไม่กล้าล่าช้าเสียเวลา

ในห้อง

หยุนถิงเห็นว่าประตูถูกปิดลง จึงนำยาสมุนไพรเบ็ดเตล็ดเหล่านั้นที่วางบนโต๊ะ และขวดโหลทั้งหมดไปวางไว้ข้างๆ เพื่อให้โต๊ะมีที่ว่าง

“ยัยเด็กอัปลักษณ์เจ้านำยาสมุนไพรเหล่านั้นออกไป เจ้าจะทำอะไร สมุนไพรทั้งหมดนั้นเป็ยาห้ามเลือดนะ?” ท่านลั่วไม่เข้าใจ

“ยาของท่านเหล่านั้นมันแย่เกินไป ข้าไม่ต้องการ” หยุนถิงตอบกลับ

“พูดจาอวดดีนัก สิ่งเหล่านั้นเป็นสมุนไพรล้ำค่าที่เจ้าหนูจวินให้คนเก็บรวบรวมมา สมุนไพรเหล่านั้นยอดเยี่ยมกว่าของธรรมดาๆ ทั่วไป” ท่านลั่วไม่พอใจ

หยุนถิงตัดเสื้อผ้าที่เปื้อนเลือดทั้งหมดบนร่างกายเขาออกโดยตรง ฉวยโอกาสตอนที่ท่านลั่วไม่ทันสังเกตหยิบเข็มยาชาออกมาจากมิติ และแทงลงไปที่ไหล่ของเขา

“โอ๊ย เจ็บ ยัยเด็กอัปลักษณ์เจ้าซุ่มโจมตีข้าหรือ!” ท่านลั่วกรีดร้องออกมา

จอมนางข้ามภิภพ

จอมนางข้ามภิภพ

Status: Ongoing
นางเป็นบุตรีเอกแห่งจวนเฉิงเสี้ยง เป็นยัยอัปลักษณ์ไร้ค่าผู้ฉาวโฉ่ กลับมีรักแรกพบกับหลีอ๋อง คะยั้นคะยอจะอภิเษกสมรสกับหลีอ๋องอย่างไม่กลัวสิ่งใด ณคืนวันอภิเษกถูกหลีอ๋องทำอัปยศอดสูจนตายพอลืมตาขึ้นดันทะลุมิติมาอีกภพหนึ่งกลายเป็นศาสตราจารย์หมอพิษสมัยใหม่ควบสองบัณฑิต คนที่เคยรังแกนาง มันต้องเอาคืนเป็นร้อยเท่าพันเท่า นาง…จัดการกับพวกสันดานชั่วอย่างออกนอกหน้า หาเงินอย่างถ่อมตน มัสมบัติระรวยใต้หล้า เพื่อหลุดพ้นจากหลีอ๋อง เลยแต่งในฐานะนางสนมของซื่อจื่อ กลับคิดไม่ถึงว่าจะไปกระตุกหนวดเสือให้เข้าแล้ว เขาเป็นซื่อจื่อผู้ป่วยเสาะแสะ สุขุมอ่อนโยน เย็นชาเจ้าเล่ห์ ร่างมีพิษที่จะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน หยุนถิงเป็นคนช่วยเขาแก้พิษ ทำให้เขากลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง เขาสาบานว่า จะอยู่กินกับนางแต่เพียงผู้เดียว หลังแต่งงาน นางนวดเอวที่ปวดอยู่ เตะเขาลงจากเตียง:“รับจดหมายรักจากหญิงอื่น ยังกล้ามานอนกับหม่อมฉันอีกรึ?” เขารีบอธิบาย:“น้องนาง ข้าผิดไปแล้ว ใครกล้ามาแย่งข้าไปจากเจ้า ข้าจะตัดขานางให้รู้แล้วรู้รอด” นางยักคิ้วหลิ่วตา:ก็ท่านนี่แหละที่เป็นต้นเหตุ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท