จอมนางข้ามภิภพ – บทที่ 74 ข้าได้ยินมาว่าท่านถูกหลอก

จอมนางข้ามภิภพ

จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 74 ข้าได้ยินมาว่าท่านถูกหลอก

จวินหย่วนโยวยกเท้าเดินเข้ามา “ฮูหยินล่ะ?”

เมื่อท่านลั่วที่กำลังทานอาหารได้ยิน สีหน้าก็ดำคล้ำ “เจ้าหนูจวิน เจ้ามันไร้คุณธรรมเกินไปแล้ว เข้ามาแทนที่จะถามว่าข้ากำลังทำอะไรอยู่ แต่กลับถามหาภรรยาอัปลักษณ์ของเจ้า?”

“ท่านลั่ว ท่านกินดีอยู่ดี มีอะไรจะต้องถาม” จวินหย่วนโยวตอบกลับอย่างไม่พอใจ

ท่านลั่วเพิ่งจะเรอหลังจากกินอิ่ม สีหน้าดูเก้อเขิน “วันนี้เจ้าออกไปทำอะไร?”

“ฮ่องเต้ทรงมีรับสั่งให้ข้าเข้าเฝ้า และพูดคุยเรื่องงานเลี้ยงวันเกิดของฮูหยินเฒ่าฟู่” จวินหย่วนโยวนั่งลงตรงข้ามกับท่านลั่ว

เมื่อได้ยินว่าฮูหยินเฒ่าฟู่ สีหน้าของท่านลั่วก็เปลี่ยนไป และขมวดคิ้วแน่นจนเป็นปม ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่าชานมและชาผลไม้รวมที่อยู่ตรงหน้าเขาไม่หอมอีกต่อไป

“ข้านึกขึ้นได้ว่ายังมียาเม็ดที่ต้องกลั่น ข้ากลับก่อนนะ” ท่านลั่วลุกขึ้นจากไป

เมื่อเห็นเขาเป็นเช่นนี้ จวินหย่วนโยวก็ไม่พูดอะไรมากนัก เขารู้บางอย่างเกี่ยวกับเรื่องระหว่างฮูหยินเฒ่าฟู่กับท่านลั่ว

“ทำไมวันนี้ท่านลั่วถึงออกมาได้?” จวินหย่วนโยวถาม

“น่าจะเกี่ยวข้องกับฮูหยินขอรับ หลังจากฮูหยินกลับมาจากจวนซู นางก็ถูกท่านลั่วเรียกเข้าไป หลังจากนั้นไม่นาน ฮูหยินก็พาท่านลั่วออกมา ท่านลั่วยังบอกอีกว่าอยากกินชานมและผลไม้รวม” พ่อบ้านตอบในทันที

“อ้อ? แล้วฮูหยินล่ะ?” จวินหย่วนโยวมองไป

“หลังออกมาจากที่ท่านลั่ว นางก็กลับไปที่เรือนของตนเอง จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ออกมาขอรับ”

“ข้าจะไปดูนางหน่อย” จวินหย่วนโยวลุกขึ้นและตรงไปที่เรือนของหยุนถิง เมื่อเปิดประตูเข้าไปก็เห็นว่าหยุนถิงกำลังนอนหลับอยู่

ในเวลานี้ท้องฟ้าจะมืดแล้ว ทำไมจู่ๆ หญิงผู้นี้ถึงนอนหลับได้

จวินหย่วนโยวเอื้อมมือไปแตะหน้าผากของนาง แต่พบว่านางไม่มีไข้เลย

“หรือว่าจะเหนื่อย?” จวินหย่วนโยวพูดกับตัวเอง

แน่นอนว่าหยุนถิงที่อยู่ในมิติรับรู้ได้ว่าจวินหย่วนโยวเข้ามา แต่ตอนนี้การศึกษาวิจัยเลือดมาถึงช่วงเวลาสำคัญแล้ว ไม่สามารถหยุดกลางคันได้ มิฉะนั้นเซลล์และสารพิษภายในจะมีการเปลี่ยนแปลง และเกรงว่าการเริ่มใหม่ทั้งหมดอาจจะต้องใช้เวลา

เมื่อได้ยินเสียงหายใจเบาๆ ของหยุนถิง จวินหย่วนโยวก็คิดว่านางคงเหนื่อย จึงห่มผ้าให้นางก่อนที่จะออกไป

หลังออกไปจากห้อง จวินหย่วนโยวก็เรียกหลงเอ้อมา และถามว่าวันนี้หยุนถิงทำอะไรบ้าง

หลงเอ้อตอบว่า “ซื่อจื่อ ฮูหยินไปช่วยใส่ยารักษาใบหน้าให้คุณหนูซูที่จวนซู และนำเนื้อตากแห้งกลับมามากมาย และยังถามข้าเกี่ยวกับสถานการณ์ในตอนเหนือ หลังจากนั้นก็กลับมาขอรับ”

“ตอนเหนือ?” จวินหย่วนโยวขมวดคิ้ว

“ฮูหยินถามเรื่อยเปื่อยเพียงแค่ไม่กี่ประโยคเท่านั้น ไม่มีอะไรพิเศษ ฮูหยินไม่สบายหรือขอรับ?” หลงเอ้อถามด้วยความเป็นห่วง

“เปล่า นางคงเหนื่อย เจ้ามีอะไรก็ไปทำเถอะ” จวินหย่วนโยวกลับมาที่ห้องอีกครั้ง

“ขอรับ”

เหน็ดเหนื่อยมาทั้งวัน จวินหย่วนโยวก็เหนื่อยเช่นกัน เขาถอดเสื้อคลุมออก นอนลงข้างๆ หยุนถิงและหลับตาลง

……….

จวนหลีอ๋อง

โม่ฉือหานขว้างถ้วยชาลงบนพื้นด้วยความโมโห “สมควรตาย แม้แต่หมอพเนจรสองคนก็เฝ้าไว้ไม่ได้ ไอ้พวกสวะ”

เดิมทีโม่ฉือหานดีใจที่ในที่สุดก็มีคนที่สามารถรักษาอาการป่วยของตนเองได้ หลังจากรอมาหนึ่งวัน เขาก็ตื่นเต้นมาก หลังจากรอวันที่สอง เขาก็กระวนกระวายใจเล็กน้อย หลังจากรอวันที่สาม โม่ฉือหานก็นั่งไม่ติดแล้ว

เขาสั่งให้ลูกน้องไปจับตาดูที่โรงเตี๊ยมฝูหลาย แต่สุดท้ายลูกน้องก็บอกว่าไม่เห็นหมอพเนจรสองคนนั้นออกมาเป็นเวลาสามวันแล้ว เมื่อได้ยินโม่ฉือหานก็โกรธมาก

ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ออกไปไหน แต่ก็ต้องกิน ต้องดื่ม ต้องเข้าห้องน้ำ ไม่เห็นคนมาสามวันแล้วก็น่าแปลกใจอย่างเห็นได้ชัด

โม่ฉือหานพาคนไปที่โรงเตี๊ยมฝูหลายด้วยตนเอง แต่ผลสุดท้ายก็ไม่พบใครเลย หลังจากถามเจ้าของโรงเตี๊ยมก็รู้ว่าหมอพเนจรทั้งสองคนจองที่พักไว้ครึ่งเดือน แต่วันรุ่งขึ้น เมื่อเสี่ยวเอ้อไปส่งอาหารก็ไม่พบใครแล้ว

โม่ฉือหานโกรธมากและทุบตีเจ้าของโรงเตี๊ยมในทันที เขาทุบตีเจ้าของโรงเตี๊ยมไปฉากหนึ่ง หลังจากนั้นก็สั่งยึดโรงเตี๊ยมฝูหลาย

การกระทำหลีอ๋องสร้างความตกตะลึงไปทั่วทั้งเมืองหลวง ทำให้ผู้คนตื่นตระหนกและหวาดกลัว

“สั่งให้ทุกคนตามหาหมอพเนจรสองคนนั้น ต่อให้ต้องพลิกแผ่นดินหาก็ต้องหาให้เจอ!” โม่ฉือหานสั่ง

“ขอรับ”

ผู้คนทั้งหมดในจวนหลีอ๋องถูกระดมพล ถนน ตรอก ร้านอาหาร โรงน้ำชา แม้กระทั่งบ่อนการพนันและซ่องโสเภณีก็ไม่เว้น สร้างความตกใจไปทั่วทั้งเมือง

ในโรงน้ำชามีการเล่านิทาน โม่ฉือชิงกำลังเพลิดเพลินกับการฟังนักเล่านิทานเล่าเรื่อง ทันใดนั้นก็มีคนกลุ่มหนึ่งบุกเข้ามาจากข้างนอก

“นายท่าน นี่มันเรื่องอะไรกัน โรงน้ำชาของเราเปิดกิจการอย่างถูกต้อง?” เจ้าของร้านถามอย่างนอบน้อมในทันที

“ทหาร ค้น!” หัวหน้าองครักษ์ออกคำสั่ง และองครักษ์ทั้งหมดก็รีบไปค้น

“นายท่าน เกิดอะไรขึ้น?”

“หลีอ๋องกำลังมองหาหมอพเนจรสองคน คนหนึ่งแก่คนหนึ่งหนุ่ม หากพบเห็นให้มารายงานในทันที หากกล้าปกป้องคนผิด โรงน้ำชาของเจ้าก็ไม่ต้องเปิดแล้ว?” หัวหน้าองครักษ์กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“นายท่าน ไม่กล้า ไม่กล้า ต่อให้ข้าน้อยกล้าก็ไม่กล้าปกป้องคนผิด” เจ้าของร้านแสดงความซื่อสัตย์ในทันที

เมื่อคนอื่นๆ ที่ฟังนิทานอยู่ได้ยิน ต่างก็พากันแตกตื่นและวิ่งหนีออกไป

มีเพียงโม่ฉือชิงเท่านั้นที่มองไปที่หัวหน้าองครักษ์ด้วยสีหน้าที่ไม่พอใจ “เหลยถิง เกิดอะไรขึ้น?”

เมื่อเห็นว่าเป็นองค์ชายสี่ เหลยถิงก็คำนับเขาในทันที “ข้าน้อยคารวะองค์ชายสี่ มีหมอพเนจร คนหนึ่งแก่คนหนึ่งหนุ่มไปหลอกลวงที่จวนหลีอ๋อง ตอนนี้ถูกท่านอ๋องเปิดโปง ดังนั้นท่านอ๋องจึงสั่งให้ข้าน้อยออกค้นหาให้ทั่วเมือง”

“โอ้ ไม่นึกเลยว่าพี่รองผู้ฉลาดหลักแหลมและองอาจห้าวหาญของข้าจะถูกผู้อื่นหลอก หาได้ยากจริงๆ ข้าจะไปดูความอึดอัดใจของพี่รองเสียหน่อย” โม่ฉือชิงยุ่งเรื่องผู้อื่นเพราะไม่กลัวบานปลาย

เหลยถิงสีหน้าเคร่งขรึม “ข้าน้อยขอแนะนำองค์ชายสี่ว่าอย่าไปเวลานี้เลยพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้เตี้ยนเซี่ยทรงกริ้วอยู่”

“ที่เจ้าพูดก็ถูก แต่หาได้ยากที่จะเห็นพี่รองโกรธมากขนาดนี้ ข้าเพียงแค่มองดูอยู่ไกลๆ” โม่ฉือชิงกล่าวแล้ววิ่งออกไปในทันที

เมื่อเห็นเช่นนี้ เหลยถิงก็ไม่พูดอะไรมากนัก องค์ชายสี่รนหาที่ตายเอง และไม่สามารถขัดขวางได้จริงๆ

บนถนน โม่ฉือหานกำลังเดินไปที่จวนอ๋องอย่างหน้าดำคล้ำคร่ำเครียดและโกรธแค้น

ช่างน่าแปลกจริงๆ เขาเพิ่งถามคนที่เฝ้าเมือง และไม่เห็นคนหนึ่งแก่คนหนึ่งหนุ่มจากไปเลย เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีคนสังเกตเห็นคนสองคนที่มีลักษณะเด่นเช่นนี้ หรือว่าสองคนนั้นจะปลอมตัวมา เมื่อคิดเช่นนี้ โม่ฉือหานก็โกรธมากยิ่งขึ้น

ให้ตายเถอะ นึกไม่ถึงเลยว่าจะมีคนกล้ามาหลอกเขา ช่างรนหาที่ตายจริงๆ

“พี่รอง พี่รอง ท่านอยู่ที่นี่เอง?” โม่ฉือชิงที่อยู่ไม่ไกลวิ่งหอบเข้ามา

เดิมทีโม่ฉือหานก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟอยู่แล้ว แต่เมื่อเห็นโม่ฉือชิง สีหน้าก็ยิ่งดำคล้ำ “เจ้ามาหาข้า มีเรื่องอันใด? ”

“ข้าได้ยินมาว่าท่านถูกหลอก” โม่ฉือชิงพูดในสิ่งที่ไม่ควรพูด

สายตาที่เฉียบคมของโม่ฉือหานพุ่งเข้ามาเหมือนมีดที่คมกริบ ดวงตาทั้งคู่เปล่งประกายราวกับไฟ และจ้องมองด้วยความโกรธ “เจ้าได้ข่าวไวเสียจริง”

“คนทั้งเมืองหลวงต่างก็รู้ว่าพี่รองถูกหลอก นึกไม่ถึงเลยว่าจะมีคนกล้าหลอกท่าน?” โม่ฉือชิงถามด้วยความสงสัย

“หากไม่มีอะไรก็ไปให้พ้น!” โม่ฉือหานกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์

“พี่รอง อย่าโมโหขนาดนี้เลย เราเป็นพี่น้องกัน ข้าก็แค่อยากรู้? พี่รอง ให้ข้าช่วยท่านค้นหาจะดีกว่า ถึงอย่างไรข้าก็คุ้นเคยกับเมืองหลวงแห่งนี้เป็นอย่างดี ไม่แน่ว่า—–” โม่ฉือชิงยังพูดไม่ทันพูดจบ เขาก็รู้สึกปวดคอ เขาถูกโม่ฉือหานตีจนสลบ

“ส่งองค์ชายสี่กลับไป” โม่ฉือหานตะคอกอย่างเย็นชา

“พ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง”

จอมนางข้ามภิภพ

จอมนางข้ามภิภพ

Status: Ongoing
นางเป็นบุตรีเอกแห่งจวนเฉิงเสี้ยง เป็นยัยอัปลักษณ์ไร้ค่าผู้ฉาวโฉ่ กลับมีรักแรกพบกับหลีอ๋อง คะยั้นคะยอจะอภิเษกสมรสกับหลีอ๋องอย่างไม่กลัวสิ่งใด ณคืนวันอภิเษกถูกหลีอ๋องทำอัปยศอดสูจนตายพอลืมตาขึ้นดันทะลุมิติมาอีกภพหนึ่งกลายเป็นศาสตราจารย์หมอพิษสมัยใหม่ควบสองบัณฑิต คนที่เคยรังแกนาง มันต้องเอาคืนเป็นร้อยเท่าพันเท่า นาง…จัดการกับพวกสันดานชั่วอย่างออกนอกหน้า หาเงินอย่างถ่อมตน มัสมบัติระรวยใต้หล้า เพื่อหลุดพ้นจากหลีอ๋อง เลยแต่งในฐานะนางสนมของซื่อจื่อ กลับคิดไม่ถึงว่าจะไปกระตุกหนวดเสือให้เข้าแล้ว เขาเป็นซื่อจื่อผู้ป่วยเสาะแสะ สุขุมอ่อนโยน เย็นชาเจ้าเล่ห์ ร่างมีพิษที่จะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน หยุนถิงเป็นคนช่วยเขาแก้พิษ ทำให้เขากลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง เขาสาบานว่า จะอยู่กินกับนางแต่เพียงผู้เดียว หลังแต่งงาน นางนวดเอวที่ปวดอยู่ เตะเขาลงจากเตียง:“รับจดหมายรักจากหญิงอื่น ยังกล้ามานอนกับหม่อมฉันอีกรึ?” เขารีบอธิบาย:“น้องนาง ข้าผิดไปแล้ว ใครกล้ามาแย่งข้าไปจากเจ้า ข้าจะตัดขานางให้รู้แล้วรู้รอด” นางยักคิ้วหลิ่วตา:ก็ท่านนี่แหละที่เป็นต้นเหตุ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท