จอมนางข้ามภิภพ – บทที่ 77 เมื่อคืนฮูหยินของข้าเหนื่อย

จอมนางข้ามภิภพ

จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 77 เมื่อคืนฮูหยินของข้าเหนื่อย

“ซื่อจื่อ อย่าเล่นเช่นนี้เลย” หยุนถิงหัวเราะอย่างขมขื่นด้วยสีหน้าอึดอัดใจ

“ได้ ฮูหยินออกปากพูดแล้ว ต่อไปข้าผู้เป็นสามีจะเชื่อฟังเจ้า” จวินหย่วนโยวปลอบนางและตบหลังของนางเบาๆ

หยุนถิงอยากจะตบชายผู้นี้ให้ตายจริงๆ เป็นเสี่ยวซื่อจื่อผู้ไร้เดียงสาในตอนที่พบกันครั้งแรกที่ไหนกัน เขาเป็นหมาป่าหางโตโหดเหี้ยมที่จัดการได้อยู่หมัด

หยุนถิงไออยู่สักพัก จากนั้นก็กลับมาเป็นปกติ นางจ้องมองเขา และดื่มนำแกงอีกหลายคำ ก่อนที่จะกลับไปที่เตียง

จวินหย่วนโยวเรียกคนรับใช้มาเก็บจานบนโต๊ะและทำความสะอาด

ในห้องกลับมาเงียบสงบอีกครั้ง หยุนถิงกินอิ่มแล้วก็นอนลงบนเตียง และคิดว่าจะล้างพิษทั้งสองชนิดนั้นอย่างไร

เสื้อผ้าของจวินหย่วนโยวเลอะเมล็ดข้าว จึงเปลี่ยนเป็นชุดซับในที่สะอาดและเดินเข้ามา

เขากำลังจะนอนลง แต่ถูกหยุนถิงถีบไปที่หลัง “ห้ามนอนบนเตียง เมื่อครู่ใครใช้ให้ท่านรังแกข้า”

จวินหย่วนโยวตัวแข็งทื่อและยืดหลังตรง “ฮูหยิน ข้าไม่เข้าใจที่เจ้าพูด ข้ารังแกเจ้าอย่างไร?”

“ตอนนี้ท่านทำให้ข้าสำลัก และจงใจแกล้งข้า ตอนนี้ข้ากินอิ่มและมีเรี่ยวแรงแล้ว แน่นอนว่าได้เวลาที่จะสั่งสอนท่านแล้ว” หยุนถิงกล่าวอย่างภาคภูมิใจ

“อ้อ เช่นนั้นหรือ?” จวินหย่วนโยวยกมุมปากให้โค้งขึ้น หันกลับมาและโผเข้าหาหยุนถิง

หยุนถิงต้องการหลบ แต่ถูกร่างของเขากดทับไว้

“ฮูหยิน เรื่องเมื่อครู่ที่เรายังทำไม่เสร็จ มาต่อกันเถอะ” จวินหย่วนโยวเลิกคิ้ว

สีหน้าของหยุนถิงแข็งทื่อ เมื่อคิดถึงจูบนั้นของเขาเมื่อครู่ แก้มก็แดงในทันที และต้องการผลักเขาออกไปโดยไม่รู้ตัว

แต่จวินหย่วนโยวกลับกอดแน่นยิ่งขึ้น เขาเอามือดึงผ้าห่มมาคลุมทั้งสองคน จากนั้นทั้งสองคนก็กะหนุงกะหนิงกันอยู่ในผ้าห่ม

เมื่อหลิงเฟิงที่อยู่นอกประตูได้ยินเสียงเคลื่อนไหวภายในห้อง เขาก็หน้าแดงด้วยความเขินอาย ฮูหยินกับซื่อจื่อดุดันเกินไปแล้ว เขาเป็นคนโสดที่ไม่สามารถทนได้อีกต่อไป ดังนั้นหลิงเฟิงจึงถอยออกไปที่ลานบ้านอย่างรู้จักวางตัว

เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น มีแขกที่ไม่ได้รับเชิญมาที่จวนซื่อจื่อ นั่นก็คือหลีอ๋องโม่ฉือหาน

พ่อบ้านไปต้อนรับด้วยตนเอง เดิมทีต้องการจะหาข้ออ้างให้ผ่านๆ ไป แต่หลีอ๋องบอกว่าฮ่องเต้ทรงมีรับสั่งให้เขามาสืบสวนเรื่องเรือสำราญในเขตชานเมือง และต้องการถามจวินหย่วนโยวกับหยุนถิง

ถึงอย่างไรก็เป็นพระบัญชาของฮ่องเต้ พ่อบ้านจึงไปรายงานในทันที

เมื่อจวินหย่วนโยวที่อยู่ในห้องได้ยินเสียง เขาก็มองไปที่หยุนถังที่ยังคงหลับอยู่ และก้มลงไปจูบที่หน้าผากของนาง จากนั้นก็ลุกขึ้นเดินออกไป

ห้องโถง

พ่อบ้านรินน้ำชา โม่ฉือหานสีหน้าเย็นชาและเมินเฉย น้ำชาที่จวนซื่อจื่อมีอะไรน่าอร่อย เขาจึงไม่สนใจ

หลังจากนั้นเขาก็เห็นจวินหย่วนโยวเดินออกมา โม่ฉือหานถามด้วยสีหน้าเย็นชา “หยุนถิงล่ะ ทำไมนางไม่มาด้วยกันกับเจ้า?”

“ฮูหยินของข้ายังหลับอยู่ ต้องโทษที่เมื่อคืนข้าดุดันเกินไป ทำให้นางเหนื่อยจนป่านนี้ยังไม่ตื่นเลย ถึงตื่นแล้วก็คงลุกจากเตียงไม่ไหว” จวินหย่วนโยวตอบกลับ

ใบหน้าอันหล่อเหลาของโม่ฉือหานที่เดิมทีเย็นชาอยู่แล้ว ในขณะนี้ถูกปกคลุมไปด้วยชั้นน้ำแข็ง และเส้นเลือดบนหน้าผากก็เต้นเล็กน้อย “จวินหย่วนโยว เจ้ากำลังดูหมิ่นพระราชบัญชาของฝ่าบาท ข้ามาสืบสวนสืบสวนตามพระราชบัญชาของเสด็จพี่ ควรให้หยุนถิงมาด้วย! ”

เดิมทีจวินหย่วนโยวสีหน้าสงบนิ่ง ในขณะที่เงยหน้าขึ้น สายตาก็เฉียบคมราวกับมีด และกลิ่นอายรอบตัวก็อุณหภูมิติดลบ อันตรายอย่างยิ่งและกดดันอย่างบอกไม่ถูก

“นำพระราชบัญชาของฝ่าบาทมากดดันข้า นี่เป็นความสามารถของหลีอ๋องหรือ? แม้ว่าฝ่าบาทจะเสด็จมาแล้วอย่างไร ข้าก็แค่โปรดปรานหยุนถิง ไม่ให้นางลุกขึ้นมาเพราะกลัวว่านางจะลำบากใจ หลีอ๋องจะทำอะไรข้าได้?” จวินหย่วนโยวตอบกลับอย่างไม่พอใจ

กำเริบเสิบสาน อวดดี ยโสโอหังอย่างยิ่ง แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรเขาได้

โม่ฉือหานโกรธจนแทบจะระเบิดออกมา เขาจ้องมองไปที่จวินหย่วนโยวด้วยความโกรธแค้น มือที่ห้อยอยู่ข้างลำตัวกำหมัดแน่น และเสียงกระดูกดังกร๊อบ

สี่ตาประสานกัน และควันดินปืนที่มองไม่เห็นก็ฟุ้งกระจายท่ามกลางคนทั้งสองคน อันตรายอย่างยิ่ง

พ่อบ้านตัวสั่นโดยไม่รู้ตัว และไม่กล้าพูดอะไรมากนัก

ในท้ายที่สุด หลีอ๋องก็ยังคงพ่ายแพ้

“ซื่อจื่อ อย่าคิดว่าเจ้ามีองครักษ์เงามังกรแล้วจะกำเริบเสิบสานอย่างไรก็ได้ อวดดีเกินไปจะสร้างศัตรูนับไม่ถ้วน ระวังว่าตนเองจะตายโดยไม่รู้ตัว” โม่ฉือหานตะคอกอย่างเย็นชา

“เช่นนั้นก็ไม่รบกวนหลีอ๋องให้ลำบาก ที่เรียกว่าคนชั่วมักมีอายุยืนยาว ในสายตาของคนทั่วไปปีศาจเช่นข้าต้องมีอายุยืนยาวกว่าท่านอย่างแน่นอน” จวินหย่วนโยวกล่าวอย่างดูถูกเหยียดหยาม

ดวงตาของโม่ฉือหานดูดุดันอย่างรุนแรง “เช่นนั้นข้าจะรอดูว่าซื่อจื่อกับข้า ใครจะอายุยืนกว่ากัน”

“มาลองดูกันสักตั้ง”

“เสด็จพี่ให้ข้ามาสืบสวนเรื่องเรือสำราญในเขตชานเมืองตะวันออกของเมือง ตามที่ผู้คนบนเรือสำราญลำอื่นๆ เห็นว่าซื่อจื่อกับหยุนถิงก็อยู่ที่นั่นในเวลานั้นด้วย ในตอนนั้นพวกเจ้ากำลังทำอะไรอยู่?” โม่ฉือหานถามถึงจุดสำคัญ

จวินหย่วนโยวเดินไปนั่งลง และหยิบถ้วยน้ำชาขึ้นมาจิบ “แน่นอนว่าไปเที่ยวทะเลสาบ”

“แต่พยานบอกว่าไม่เห็นหยุนถิงอยู่บนเรือของซื่อจื่อ?” โม่ฉือหานถาม

“ข้ากับฮูหยินพนันกันตกปลา ข้าใช้เบ็ดตกปลา ฮูหยินลงไปจับน้ำในน้ำ แน่นอนว่าคนที่ลงไปในน้ำไม่ได้อยู่บนเรือ เรื่องนี้ท่านสามารถไปถามองค์ชายสี่ได้ ตอนนั้นเขาก็อยู่ที่นั่นด้วย อีกอย่างเรือของเขาก็ถูกชน หลีอ๋องมาหาข้า มิสู้ไปหาองค์ชายสี่แล้วถามให้ชัดเจนจะดีกว่า” จวินหย่วนโยวส่งเสียงหึเบาๆ

แน่นอนว่าโม่ฉือหานรู้ เขาไม่ใช่แค่ต้องการมาหาเรื่องหยุนถิง ดังนั้นเขาจึงตรงมาที่นี่ตั้งแต่เช้าตรู่

แต่ไม่คิดเลยว่าจะไม่ได้เห็นแม้แต่หน้าของหยุนถิง ให้ตายเถอะ

ในขณะที่โม่ฉือหานกำลังอึดอัดใจ เขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าข้างหลัง จึงหันกลับไปมอง เป็นหยุนถิง

ใบหน้านั้นยังคงดำคล้ำและอัปลักษณ์เหมือนเถ้าถ่าน แม้ว่าจะสวมชุดผ้าทอก็ไม่สามารถซ่อนใบหน้าอัปลักษณ์นั้นไว้ได้ ใบหน้าของโม่ฉือหานเต็มไปด้วยความรังเกียจและดูถูก

“เยว่เอ๋อร์ รีบช่วยประคองข้าหน่อย ข้าปวดเมื่อยขาจนเดินแทบไม่ไหว ต้องโทษที่เมื่อคืนนี้ซื่อจื่อดุดันมากเกินไป ทรมานข้าทั้งคืน จนข้ารับมือไม่ไหว เจ้าคิดว่าทำไมซื่อจื่อถึงได้แข็งแรงเช่นนี้?” หยุนถิงบ่น และเดินด้วยท่าทางแปลกๆ

เยว่เอ๋อร์รีบเข้าไปประคองนางในทันที “คุณหนู ท่านพอใจในสิ่งที่ได้เถิด นี่แสดงว่าซื่อจื่อรักท่าน บางทีอีกไม่นานท่านอาจจะตั้งครรภ์เสี่ยวซื่อจื่อก็ได้ เมื่อถึงเวลานั้นจวนซื่อจื่อของเราก็จะครึกครื้น”

“ก็จริง ด้วยความแข็งแรงของซื่อจื่อ ข้าคงตั้งครรภ์สองท้องในสามปี สามท้องในห้าปี ข้ายังไม่ได้ถามซื่อจื่อเลยว่าชอบบุตรชายหรือบุตรสาว ข้าชอบบุตรสาว หากมีบุตรชายก็ต้องเตรียมเรือนไว้ให้เขา และเมื่อแต่งภรรยาก็ต้องให้ผู้อื่นเลี้ยงดู เมื่อแก่ชราก็ไม่แน่ใจว่าจะพึ่งพาพวกเขาได้หรือไม่” หยุนถิงแขวะด้วยคำพูด

“แต่คุณหนู จวนซื่อจื่อก็ไม่สามารถไร้ผู้สืบทอดได้ เมื่อถึงเวลาท่านต้องมีบุตรหลายๆ คน บุตรชายติดตามซื่อจื่อ และบุตรสาวก็ติดตามท่าน ช่างวิเศษเหลือเกิน” เยว่เอ๋อร์ตั้งตารอด้วยความดีใจ

ทั้งสองคนเดินเข้ามา พูดไปพลางหัวเราะไปพลาง เสียงไม่ดังไม่เบา และเมื่อโม่ฉือหานที่อยู่ไม่ไกลก็ได้ยิน สีหน้าก็ดำคล้ำ

มือที่อยู่ข้างลำตัวของเขากำหมัดแน่น ให้ตายเถอะ หยุนถิงผู้นี้ช่างไร้ยางอายเสียจริง นางอยากจะมีบุตรให้จวินหย่วนโยว

เห็นได้ชัดว่าไม่เกี่ยวข้องกับเขา และต้องกำจัดหยุนถิงหญิงอัปลักษณ์ผู้นี้ โม่ฉือหานควรจะดีใจถึงจะถูก แต่ทำไมเมื่อเห็นท่าทางที่ตั้งหน้าตั้งตารอจะมีบุตรให้จวินหย่วนโยว หน้าอกของโม่ฉือหานถึงรู้สึกอึดอัดจนพูดไม่ออก จนกระทั่งรู้สึกโกรธ แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังไม่รู้ว่าเป็นอะไร

จอมนางข้ามภิภพ

จอมนางข้ามภิภพ

Status: Ongoing
นางเป็นบุตรีเอกแห่งจวนเฉิงเสี้ยง เป็นยัยอัปลักษณ์ไร้ค่าผู้ฉาวโฉ่ กลับมีรักแรกพบกับหลีอ๋อง คะยั้นคะยอจะอภิเษกสมรสกับหลีอ๋องอย่างไม่กลัวสิ่งใด ณคืนวันอภิเษกถูกหลีอ๋องทำอัปยศอดสูจนตายพอลืมตาขึ้นดันทะลุมิติมาอีกภพหนึ่งกลายเป็นศาสตราจารย์หมอพิษสมัยใหม่ควบสองบัณฑิต คนที่เคยรังแกนาง มันต้องเอาคืนเป็นร้อยเท่าพันเท่า นาง…จัดการกับพวกสันดานชั่วอย่างออกนอกหน้า หาเงินอย่างถ่อมตน มัสมบัติระรวยใต้หล้า เพื่อหลุดพ้นจากหลีอ๋อง เลยแต่งในฐานะนางสนมของซื่อจื่อ กลับคิดไม่ถึงว่าจะไปกระตุกหนวดเสือให้เข้าแล้ว เขาเป็นซื่อจื่อผู้ป่วยเสาะแสะ สุขุมอ่อนโยน เย็นชาเจ้าเล่ห์ ร่างมีพิษที่จะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน หยุนถิงเป็นคนช่วยเขาแก้พิษ ทำให้เขากลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง เขาสาบานว่า จะอยู่กินกับนางแต่เพียงผู้เดียว หลังแต่งงาน นางนวดเอวที่ปวดอยู่ เตะเขาลงจากเตียง:“รับจดหมายรักจากหญิงอื่น ยังกล้ามานอนกับหม่อมฉันอีกรึ?” เขารีบอธิบาย:“น้องนาง ข้าผิดไปแล้ว ใครกล้ามาแย่งข้าไปจากเจ้า ข้าจะตัดขานางให้รู้แล้วรู้รอด” นางยักคิ้วหลิ่วตา:ก็ท่านนี่แหละที่เป็นต้นเหตุ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท