จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 225 เจ้าดูถูกเขาในวันนี้
“ดีเลย เริ่มกันเถอะ” เริ่นเซวียนเอ๋อร์ไม่ให้โอกาสคุณชายหลิ่วอ้อนวอนเลยสักนิด ปักเข็มลงไปที่จุดเจ็บของเขาทันที ทำเอาคุณชายหลิ่วเจ็บปวดจนร้องโหยหวน
หยุนถิงปักเข็มลงไปที่จุดหัวเราะของเขา คนที่เดิมเจ็บปวดทรมานนักพลันหัวเราะเสียงดัง ช่างน่าขันยิ่งนัก
จากนั้นเริ่นเซวียนเอ๋อร์กับหยุนถิงพากันปักเข็มใส่คุณชายหลิ่วอย่างไม่ยั้งมือเลยสักนิด
ทำเอาคุณชายหลิ่วเจ็บปวดร้องโหยหวนลั่นฟ้า เขาอยากจะหนี แต่โดนหยุนถิงปักเข็มลงบนจุดชีพจรของขา คุกเข่าล้มลงกับพื้น อยากวิ่งหนีก็ทำไม่ได้
เขาในตอนนี้ไม่มีแก่ใจจะสนหน้าตาแล้ว ต่อให้ต้องคลานก็จะทำ แต่ถูกเริ่นเซวียนเอ๋อร์เหยียบลงบนมือเขาทันที
สิบนิ้วเชื่อมสัมพันธ์ใจ ทำเอาคุณชายหลิ่วเจ็บปวดแทบสลบไป
หยุนถิงลงเข็มที่จุดจุดใต้จมูกของเขา หากให้เขาสลบไปอย่างนี้ จะสบายเขาไปหน่อยละ
ตอนนี้คุณชายหลิ่วเสียใจหนักมา นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นวิธีการทรมานอย่างนี้ เจ็บปวดแทบขาดใจ อยู่ไม่สู้ตาย อยากตายก็ตายไม่ได้ เรียกฟ้าไม่แยแส เรียกดินดินไม่ขานรับจริงๆ หาเรื่องตายเองแท้ๆ
ฝูงชนที่ห้อมล้อมมุงดูพากันปรบมือร้องดี ธรรมดาคุณชายหลิ่วทำตัวเลวร้าย รังแกชาวบ้าน ทำชั่วเลวทราม กร่างยิ่งนัก ตอนนี้เห็นเขาโดนคุณหนูหยุนและองค์หญิงสามทรมานเช่นนี้ ช่างสาแก่ใจ สะใจจริงๆ
วินาทีนี้หยุนถิงกลายเป็นเทพธิดาผดุงความยุติธรรมในใจทุกคนไปแล้ว ทุกคนเลื่อมใสในตัวนางยิ่งนัก
จวบจนคุณชายหลิ่วนอนหายใจรวยรินอยู่ที่พื้น ลำคอแหบแห้งร้องไม่ออกแล้ว หยุนถิงถึงหยุดมือ
“หากใครกล้าโลภอยากได้ของๆข้าอีก ข้าจะให้มันผู้นั้นอยู่ไม่สู้ตาย หากมีครั้งต่อไปอีก จะมิใช่แค่การฝังเข็มง่ายๆอย่างนี้แล้ว!” หยุนถิงตะคอกดังอย่างเย่อหยิ่ง
ทำเอาคุณชายหลิ่วตกใจผงกหัวหงึกหงัก “ต่อไปข้าไม่กล้าอีกแล้ว”
เขามีหรือจะกล้ามีครั้งต่อไป ครั้งนี้ก็เพียงพอแล้ว
“ยังไม่ไสหัวไปอีก!” หยุนถิงแค่นเสียงหยัน
เหล่าคนใช้ที่อยู่ที่พื้นคลานลุกขึ้นมา หามคุณชายตนเองหนีอย่างไว วิ่งเร็วเสียยิ่งกว่ากระต่าย ประหนึ่งว่ามีอสุรกายตามหลังมาก็ไม่ปาน
หยุนถิงหมุนตัวหันไปหาจ้าวเคอ พยุงเขาลุกขึ้น “เจ้ายังดีอยู่ไหม?”
จ้าวเคอถึงได้สติกลับมา เขาตกใจจนเข่าอ่อนไปหมดแล้ว “ข้าไม่เป็นไร ขอบคุณคุณหนูหยุนที่ช่วยเหลือ”
“การเลือกของเจ้าในวันนี้ไม่ได้ทำให้ข้าผิดหวัง หากเจ้ายังอยากแต่งงานกับนาง ข้าจะออกค่าสินสอด และมอบคฤหาสน์หลังหนึ่งให้เจ้าโดยไม่เสียเงิน” หยุนถิงเอ่ยปาก
จ้าวเคอรีบปฏิเสธทันที “มิได้ดอกคุณหนูหยุน ข้าจะรับของๆท่านได้อย่างไร แค่ภาพอักษรที่ท่านมอบให้ข้านี่ ข้าก็ซาบซึ้งมากพอแล้ว”
“จ้าวเคอข้าผิดไปแล้ว เจ้าละเว้นข้าเถอะ คุณชายหลิ่วให้เงินข้าหนึ่งร้อยตำลึงเงิน บอกว่าจะรับข้าเป็นอนุ ข้ารักแค่เจ้านะ คนในใจข้ามีแต่เจ้าตลอดมา จ้าวเคอเจ้าอภัยให้ข้าได้หรือไม่?” จูจูรีบร้องไห้อ้อนวอนทันที
เมื่อครู่คุณชายหลิ่วโดนทรมานจนอยู่ไม่สู้ตาย นางตกใจยิ่งนัก และไม่อยากโดนหยุนถิงทรมานเช่นกัน
จ้าวเคอมองดูคนที่ร้องไห้คร่ำครวญบนพื้น นั่นคือคนที่เติบโตมาด้วยกันกับเขา เขาอยากจะแต่งงานกับนาง ใช้ชีวิตกับนางไปตลอดชาติ แต่หลังจากวันนี้ไป จ้าวเคอถึงได้รู้โฉมหน้าที่แท้จริงของจูจู ที่แท้นางรังเกียจตนในใจเพียงนี้ เพียงแค่เงินหนึ่งร้อยตำลึงก็ยอมเป็นอนุของคนอื่น
แววตาจ้าวเคอเต็มไปด้วยความทรมานและผิดหวัง เขาเดินเข้าไปพยุงจูจูลุกขึ้น “เรื่องในวันนี้ข้าไม่โทษเจ้า ต้องโทษตัวข้าเองที่ไร้ความสามารถ ไร้ฝีมือ ไม่อาจให้สิ่งที่เจ้าต้องการได้”
จูจูดีใจยิ่งนัก นางรู้ว่าจ้าวเคอยังรักตนอยู่ ขอเพียงตนกล่อมเขาให้ดี ภาพอักษรนั่นต้องเป็นของตนไม่ช้าก็เร็ว เพียงแต่นางยังไม่ทันได้ปลื้มใจ ก็ได้ยินจ้าวเคอพูดต่อว่า
“เจอเรื่องวันนี้ ข้าถึงได้เข้าใจว่า คนที่ข้าต้องการคือฮูหยินที่เข้าอกเข้าใจผู้อื่น ไม่ใช่ผู้ที่หลงใหลในลาภยศสรรเสริญ มุ่งหวังผลประโยชน์ ดังนั้นนับจากวันนี้ไปเจ้ากับข้าขาดกัน ไม่เกี่ยวข้องใดๆต่อกันอีก” จ้าวเคอพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเย็น แต่แฝงแววเด็ดขาดอยู่ในนั้น
จูจูอึ้งไปเลย มองจ้าวเคออย่างไม่เชื่อหูตัวเอง “เจ้า เจ้าจะตัดขาดกับข้าจริงรึ?”
“นี่เป็นสิ่งที่เจ้าต้องการมิใช่รึ เมื่อครู่เจ้ายังบอกว่า พวกเราไม่เกี่ยวข้องกันอีกต่อไปมิใช่รึ?” จ้าวเคอย้อนถาม
คำพูดเดียวทำจูจูเถียงไม่ออก
เมื่อครู่นางพูดเช่นนี้จริง ก็แค่เข้าใจว่าสามารถเกาะคุณชายหลิ่วได้แล้ว แต่คุณชายหลิ่วโดนทรมานจนเป็นแบบนั้น เขาต้องไม่กล้ารับนางเป็นอนุอีกแล้วแน่ คราวนี้จูจูลนลานแล้วจริงๆ
“จ้าวเคอ ข้าผิดไปแล้ว เป็นความผิดของข้าเอง ข้าไม่ควรละโมบโลภมาก เชื่อคำพูดลวงหลอกของคุณชายหลิ่ว อันที่จริงข้ามีความจำเป็นนะ จ้าวเคอเจ้าเชื่อข้าอีกสักครั้งได้หรือไม่—“ จูจูร้องไห้คร่ำครวญบอก
“สตรีผู้นี้ช่างหน้าไม่อายนัก เมื่อครู่รังเกียจเขาอย่างออกนอกหน้าเหมือนคุณชายหลิ่ว พอคุณหนูหยุนออกหน้าสั่งสอนคุณชายหลิ่ว นางกลับคิดหวนคืนดี คิดว่าจ้าวเคอโง่งมหรือไง” ชาวบ้านที่มุงดูทนดูต่อไปไม่ไหว แต่ละคนพูดกันรัวๆ
“หลงใหลในลาภยศสรรเสริญ รังเกียจความจนรักความรวย สุดท้ายไม่เหลือสักคน สมน้ำหน้า”
“จ้าวเคอยากจนไปหน่อย แต่นิสัยไม่เลว ไว้ข้าจะแนะนำหญิงสาวให้เจ้านะ”
พอได้ยินเสียงวิจารณ์ของผู้คน สีหน้าจูจูเปลี่ยนจากเขียวเป็นขาวเป็นดำ ไม่น่าดูอย่างยิ่ง สุดท้ายนางเองทนเสแสร้งต่อไปไม่ไหวแล้ว เลยคลานลุกขึ้นทำท่าจะจากไป
หยุนถิงกลับขวางหน้านางไว้ มองนางด้วยสายตาเย็นชาเย้ยหยัน “เจ้าดูถูกจ้าวเคอในวันนี้ แต่เจ้าต้องเอื้อมไม่ถึงเขาในวันหน้าแน่”
จูจูยิ่งอับอายขายหน้าหนักขึ้น รีบมุดหนีหายไปในฝูงชน
จ้าวเคอมองหยุนถิงอย่างตกตะลึง เขาซาบซึ้งใจยิ่งนัก เขารู้ว่าคุณหนูหยุนกำลังปกป้องศักดิ์ศรีของเขา
“เจ้าไม่ต้องไปร่วมการสอบแล้ว ข้าจะเสนอชื่อเจ้าไปร่วมการสอบในวังในอีกสามเดือนให้หลังเอง” หยุนถิงบอก
จ้าวเคอเบิกตากว้างด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ “ไม่ต้องดอกคุณหนูหยุน แต่โบราณมาก็มิเคยมีการสอบแบบข้ามขั้นตอนมาก่อน?”
“ความสามารถของเจ้าไม่ต้องการการสอบระดับเขต กฎเป็นของตาย แต่คนนั้นมีชีวิต ข้าจะเสนอกับฝ่าบาทว่า หากเป็นผู้มีความสามารถก็สามารถสอบแบบข้ามขั้นตอนได้ พยายามเข้าเถอะ” หยุนถิงยื่นมือไปตบไหล่เขาเบาๆ
“ไอ้หนู นี่เจ้าทำบุญมาด้วยอะไรน่ะ สามารถทำให้หยุนถิงทำเพื่อเจ้าได้เพียงนี้ ข้าเห็นแล้วยังอดริษยาไม่ได้เลย” เริ่นเซวียนเอ๋อร์กระเซ้า
“งั้นข้าเสนอเจ้าไปร่วมการสอบในวังด้วยดีหรือไม่?” หยุนถิงย้อนถาม
เริ่นเซวียนเอ๋อร์รีบส่ายหัวรัวๆราวกับป๋องแป๋ง “หยุดเลย เจ้าอย่าผลักข้าเข้ากองไฟ ข้าเกลียดการเรียนหนังสือตั้งแต่เล็กจนโตแล้ว”
“จ้าวเคอ,สู้สุดใจอย่าคิดหันหลังกลับ จะพลิกชะตาได้หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับตัวเจ้าเองแล้วนะ!” หยุนถิงพูดจบ ก่อนจะจากไป
จวบจนหยุนถิงจากไปไกลแล้ว จ้าวเคอยังเหม่อลอยอยู่ เขายืนมองรถม้าของจวนซื่อจื่อหายลับไปอย่างเหม่อลอย ก็ยังไม่ได้สติกลับมา
“ไอ้หนุ่ม ยังไม่รีบกลับไปท่องตำราอีก เจ้าเป็นคนแรกเชียวนะที่ทำให้คุณหนูหยุนเสนอชื่อได้ อย่าทำให้นางขายหน้าเด็ดขาดนะ” ชาวบ้านคนหนึ่งพูดอย่างอิจฉา
จ้าวเคอตื้นตันไปทั้งใจ มือที่กำภาพอักษรออกแรงมาก วินาทีนี้เขาสาบานในใจว่า จะตั้งใจศึกษาเล่าเรียน และจะมิให้คุณหนูหยุนผิดหวังเด็ดขาด
ในรถม้า
หยุนถิงพึ่งเข้าไปก็สัมผัสได้ถึงสีหน้าไม่พอใจของซื่อจื่อ เลยไม่ค่อยเข้าใจ “ซื่อจื่อ หรือว่าเมื่อครู่ข้าไม่ควรสั่งสอนคุณชายหลิ่ว?”