จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 228 ขอเพียงนางพอใจก็พอแล้ว
หยุนถิงอุ้มโคมลอยสิบกว่าอันที่จวินหย่วนโยวทำอย่างทะนุถนอมยิ่งนัก คราวนี้ทั้งคู่กลับจวนซื่อจื่อ
หลงยีมีเรื่องจะรายงานซื่อจื่อ หยุนถิงเลยไปห้องข้างๆของตน นั่นเป็นห้องเก็บของของเธอโดยเฉพาะ
“หากเจ้าไปจวนองค์ชายสี่ ให้เขาส่งรถม้ามาแต่เช้าเพื่อเอาของ บอกว่า ข้าคิดค้นมาส์กพอกหน้าสำหรับสตรีได้หลายแบบ และยังมีครีมทาหน้า ให้เขาเริ่มขายพรุ่งนี้” หยุนถิงสั่งการ
“ขอรับ” รั่วจิ่งรีบไปจัดการด้วยตัวเองทันที
“คุณหนูใหญ่ ครั้งก่อนที่ท่านให้ข้าไปติดต่อคนของพรรควิหค ข้าติดต่อเรียบร้อย อีกทั้งบอกแผนการของท่านกับพวกเขาแล้ว พวกเขาต่างเห็นด้วย และซาบซึ้งในบุญคุณของคุณหนูใหญ่มาก ตอนนี้รอเพียงคำสั่งท่านเท่านั้น” ซูหลินเดินเข้ามาบอก
“ได้ เจ้าไปคฤหาสน์ที่ฝั่งตะวันตกบอกให้กัวอวิ๋นโหรวออกของได้แล้ว และให้คนของพรรควิหคมาเอาของละกัน” หยุนถิงบอก
นี่เป็นคฤหาสน์ที่นายท่านโจวให้เธอหลังจากเธอรักษาอาการคุณชายใหญ่ตระกูลโจวจนหายดี ดังนั้นเวลาหยุนถิงว่างไม่มีอะไรก็มักจะใช้มิติสร้างของขึ้นมาเก็บไว้มากมาย ต่อมาหลังจากกองทัพขนหงส์แยกตัวไป เธอเหลือกัวอวิ๋นโหรวเฝ้าคฤหาสน์ไว้ เป็นจุดติดต่อของเมืองหลวง
“ขอรับคุณหนูใหญ่ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้เลย”
“ไม่ต้องรีบร้อนไป ดูแลซ๊หลิวก่อน พรุ่งนี้ค่อยไปก็ได้” หยุนถิงบอก
“มิเป็นไร เมื่อก่อนข้าก็ออกไปกลางดึกบ่อยครั้ง ซ๊หลิวน่ารักว่านอนสอนง่าย นางรู้ว่าข้ามีงานต้องทำ วางใจเถอะคุณหนูใหญ่ ข้าแค่ไปส่งจดหมายก็จะกลับมา” ซูหลินหมุนตัวออกไป
หยุนถิงรู้สึกตื้นตันนัก และก็ปวดใจแทนซูหลินไปด้วย การที่นางไม่ยอมให้องครักษ์ของจวนซื่อจื่อไป ก็เพราะอยากจะอาศัยพลังของตนเองในการรื้อฟื้นกองทัพขนหงส์ขึ้นมาใหม่ ผู้หญิงควรจะอยู่ได้ด้วยตัวเอง เข้มแข็งได้ด้วยตัวเอง
เวลาไม่ถึงหนึ่งก้านธูป องค์ชายสี่ก็พาลูกน้องหลายสิบคนเร่งรุดมา
“องค์ชายสี่ ทำไมท่านมาเอาค่ำมืดดึกดื่นล่ะ?” หยุนถิงถาม
“พอข้าได้ยินว่า ในที่สุดเจ้าก็จะขายของแล้ว ข้าตื่นเต้นรีบรุดมาทันทีเลย นานขนาดนี้แล้ว ในที่สุดเจ้าก็ทำออกมาเสียที ก็ข้าคิดว่าคืนนี้นำของกลับไป พรุ่งนี้เช้าก็เปิดขายได้เลย พอดีอีกไม่กี่วันก็จะเป็นงานเลี้ยงฉลองเทศกาลเรือมังกรแล้ว เหล่าคุณหนูตระกูลสูงนั่นมีผู้ใดมิอยากแต่งตัวสวยงามออกงานกันบ้างเล่า” องค์ชายสี่พูดอย่างตื่นเต้น
“ตกลง ให้คนมายกไปเถอะ” องค์ชายสี่สั่งการลงไป หลายสิบคนเข้ายกข้าวของทันที
หยุนถิงอธิบายวิธีใช้และราคาอย่างละเอียด องค์ชายสี่จำไว้ทั้งหมด รีบไปจัดการร้านค้าทันทีกลางดึก รอเพียงพรุ่งนี้ขายสินค้ายกใหญ่
จวินหย่วนโยวเสร็จธุระแล้วกลับมา ก็ได้เห็นหยุนถิงที่อยู่ในห้องกำลังแปะมาส์กพอกหน้าพอดี เขาถอดเสื้อคลุมออกแล้วนอนลงข้างหยุนถิง โอบนางเข้าอ้อมกอด
ได้กลิ่นอันคุ้นเคยจากกายนาง จวินหย่วนโยวถึงหลับตาลง
ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในจวนซื่อจื่อเขารู้ทั้งหมด หยุนถิงอยากจะจัดการก็จัดการเถอะ อย่างไรซะต่อให้ฟ้าถล่มลงมาก็มีเขาค้ำไว้อยู่ ขอเพียงนางพอใจก็พอแล้ว
…..
ตำหนักบางแห่งในพระราชวัง
องครักษ์ลับคนหนึ่งกำลังรายงานเรื่องของหยุนถิงในระยะนี้กับชางหลันเย่ พอได้ยินว่านางได้รับบาดเจ็บในเทศกาลดอกท้อ หัวใจของชางหลันเย่ปวดหนึบขึ้นมาอย่างน่าประหลาด
พอได้ยินว่านางลงมือทำร้ายน้องชายของหยุนเฟยเพียงเพื่อบัณฑิตยากจนผู้หนึ่งกลางตลาด หยุนถิงทำให้เขาประหลาดใจจริงๆเลย
“นายท่าน นี่เป็นอักษรที่คุณหนูหยุนวางไว้ใน หอเหวินหยวน ถูกข้าน้อยประมูลได้กลับมา” องครักษ์ลับยื่นมาให้
ชางหลันเย่รับมา เปิดภาพม้วนดูอักษรบนนั้น ดูยิ่งใหญ่องอาจ ตัวอักษรคดเคี้ยวเลี้ยวลด โดยเฉพาะกลอนสองคำบนนั้นทำให้เขาตกตะลึงจริงๆ
“คนอื่นอาจหัวเราะข้าบ้าบอ หากข้าหัวเราะพวกเขาที่มองไม่ออก! กลอนดี กลอนดีนะ ไม่คิดเลยจริงๆว่า กลอนเช่นนี้จะเขียนออกมาจากมือสตรีผู้หนึ่ง” ชางหลันเย่อดไม่อยู่ชื่นชม
“นายท่าน จากเท่าที่ข้าน้อยสังเกตในระยะนี้มา คุณหนูหยุนผู้นี้มาเข้าใกล้ชิดท่านอย่างมิได้มีจุดประสงค์แอบแฝงอันใด เพียงแต่เห็นท่านถูกรังแกเลยยื่นมือเข้าช่วยเท่านั้น!
คุณหนูหยุนเป็นคนจริงใจ นางมิชอบใจสิ่งใดก็จะอัดให้หนัก ไม่ว่าจะเป็นท่านอ๋องหรือซื่อจื่อ หรือแม้กระทั่งสนมที่โปรดปราน นางล้วนไม่เห็นอยู่ในสายตาทั้งนั้น
แต่หากเห็นคนแก่เด็กหรือคนป่วยคนพิการเมื่อใด คุณหนูหยุนก็ไม่ลังเลเลยสักนิด ควรช่วยก็ช่วย ควรจัดการก็จัดการ พูดตามตรงข้าน้อยดูแล้วยังซาบซึ้งนัก” องครักษ์ลับบอก
ชางหลันเย่ขมวดคิ้วน้อยๆ ไม่คิดเลยว่าองครักษ์ลับที่ติดตามเขามาตลอดจะประเมินหยุนถิงสูงเพียงนี้ บางทีตนเองอาจจะคิดมากไป
“แต่ว่านายท่าน คุณหนูหยุนคุยโวประกาศกลางถนนเลยว่า จะให้บัณฑิตยากจนผู้นั้นสอบแบบข้ามขั้นตอน ก็ไม่รู้ว่านางมีวิธีหรือไม่ นี่เป็นสิ่งมิเคยได้ยินมาก่อนเลย งานเลี้ยงฉลองเทศกาลเรือมังกรในอีกไม่กี่วันข้างหน้านายท่านต้องระวังตัวด้วย”
“พอถึงช่วงงานเลี้ยงของทุกปี ฮ่องเต้ต้าเยียนต้องการจะรักษาภาพพจน์ว่าเขาดูแลตัวประกันอย่างข้าเป็นอย่างดีต่อหน้าคนอื่น เขาไม่ทำอะไรข้าในระยะนี้ดอก” ชางหลันเย่ตอบ
งานเลี้ยงฉลองเทศกาลเรือมังกรของทุกปีก็แค่มากินข้าวเล็กน้อย แต่พอคิดถึงว่า ปีนี้หยุนถิงมาร่วมด้วย มุมปากชางหลันเย่ยกขึ้นสูง มีแววรอคอยมากขึ้น
เช้าวันต่อมา จวนซื่อจื่อก็เป็นบรรยากาศอบอุ่นรื่นเริงเต็มไปหมด
เมื่อคืนฮูหยินให้เขาไปตรวจสอบที่แปรพระราชฐาน ดังนั้นพอเช้ามาหลงเอ้อร์ก็รีบมารายงานทันที “ฮูหยิน ท่านคาดเดาได้แม่นยำนัก ซ่งกงกงผู้นั้นมีปัญหาจริงๆ”
หยุนถิงมีสีหน้าดีใจ “สืบได้ความว่ายังไง?”
“เมื่อคืนข้าน้อยเห็นกับตาว่าซ่งกงกงผู้นั้นเรียกนางกำนัลเข้าไปในห้องตนเอง จากนั้นก็กระทำการต่อพวกนาง—“ สีหน้าหลงเอ้อร์ขมวดมุ่นอย่างหนัก มิรู้จะแสดงอย่างไรดี
“คู่รักของซ่งกงกง?” หยุนถิงถาม
“หากเพียงคู่รักก็ยังดี เขาเป็นสัตว์เดรัจฉานชัดๆ เขาถอดเสื้อผ้านางกำนัลพวกนั้นออกจนหมด จากนั้นใช้แส้เฆี่ยนพวกนาง ให้พวกนางคุกเข่าเห่าเหมือนหมา และวิ่งไล่ตีพวกนางไปทั้งห้อง โหดร้ายเสียยิ่งกว่าทำกับสัตว์ ประเด็นคือนางกำนัลเหล่านั้นร้องเสียงดังเพียงนั้น แต่กลับไม่มีผู้ใดถาม และไม่มีใครออกมาตรวจสอบ มันช่างแปลกประหลาดจริงๆ” หลงเอ้อร์ตอบตามตรง
ทำเอาหยุนถิงขมวดคิ้ว “ไม่คิดว่าซ่งกงกงผู้นั้นจะเป็นตัวนำในหมู่สัตว์เดรัจฉานนะ”
“ฮูหยิน ตอนนี้พวกเราจะทำอย่างไรดี?” หลงเอ้อร์ถาม
“ฆ่าคนมันง่ายเกินไป แต่ไม่แน่ว่าจะมีผู้อื่นทำเช่นนี้ด้วย ต้องคิดวิธีที่ถอนรากถอนโคนไปเลย” หยุนถิงถาม
“พี่ใหญ่ หอชุนเฟิงขององค์ชายสี่โดนล้อมไว้แล้ว!” หยุนหลีกับหยุนซูเดินเข้ามา
หยุนถิงชะงัก “หมายความว่าอย่างไร?”
“พวกเราสองคนได้ยินว่าท่านกับพี่เขยซื่อจื่อกลับมาแล้ว เลยแวะมาเยี่ยมเยือนพวกท่าน ไม่คิดเลยว่าถนนที่อยู่หน้าหอชุนเฟิงจะแออัดไปหมด ด้วยเหล่าคุณหนูตระกูลสูงของเมืองหลวง พอถามดูถึงรู้ว่า วันนี้หอชุนเฟิงขายมาส์กพอกหน้า ครีมทาหน้าสำหรับสตรี ทุกคนพากันแย่งซื้อกันแทบบ้าแล้ว” หยุนหลีอธิบาย
หยุนถิงยิ้มมุมปาก “ข้าให้องค์ชายสี่ขายวันนี้เอง อีกไม่กี่วันจะเป็นงานเลี้ยงฉลองเทศกาลเรือมังกร อาศัยโอกาสนี้ขายยกใหญ่เลย”
“ตอนเทศกาลดอกท้อ พี่ใหญ่ใช้มาส์กพอกหน้ากับคุณหนูตระกูลฉินด้วยตัวเอง ทำเอาคนอื่นอิจฉาไปตามๆกัน บัดนี้เริ่มขายแล้ว ดูท่าสตรีในเมืองหลวงต้องแย่งชิงกันจ้าละหวั่นแน่” หยุนซูเลื่อมใสนัก
“ข้าเก็บไว้ให้พวกเจ้าด้วยนะ อีกเดี๋ยวตอนจะกลับไปพวกเจ้าก็เอากลับไปด้วย” หยุนถิงบอก
“พี่ใหญ่ดีกับพวกเราจริงๆ”
หยุนหลีกับหยุนซูตามหยุนถิงมาเรียนรู้เรื่องยาและการใช้พิษ เยว่เอ๋อร์กับซีหลิ่ว ซูหลินก็เข้าร่วมด้วย ทั้งหมดพากันฟังอย่างตั้งใจ