จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 242 เมื่อคืนฮูหยินออดอ้อนขอความเมตตาจากข้า
“นางคือสาวใช้อันดับหนึ่ง คนสนิทของฮองเฮา”
มุมปากของหยุนถิงยกขึ้นอย่างดุร้ายเล็กน้อย คิดไม่ถึงว่าฮองเฮาก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วย นางถึงกับแอบลงมือในงานเลี้ยงที่ตัวเองเป็นคนจัดขึ้นมา ดูท่าคงจะถูกตระกูลซ่างกวนเสนอเงื่อนไขที่น่าพึงพอใจมาก ถึงได้ยอมเสี่ยงเพราะเข้าตาจนเช่นนี้
“รั่วจิ่งพานางออกไปเถอะ ส่งคนไปช่วยครอบครัวของนางด้วย” หยุนถิงสั่งการ
“ขอรับ”
“ขอบคุณคุณหนูหยุนมาก บุญคุณอันยิ่งใหญ่ของคุณหนูหยุนบ่าวจะตอบแทนในชาติหน้า” สาวใช้รีบร้อนคารวะหน้าผากแตะพื้น ถึงได้เดินออกไป
ดวงตาคู่สวยของหยุนถิงหรี่ลงเล็กน้อย นิ้วมือเคาะไปบนเสาที่อยู่ด้านข้าง ราวกับกำลังครุ่นคิดอะไรอยู่
“ฮูหยิน คำพูดของสาวใช้คนนี้น่าเชื่อถือไหม ฮองเฮาจะมีส่วนเกี่ยวข้องได้อย่างไร?” หลงเอ้อถามด้วยความสงสัย
“นางไม่น่าจะพูดโกหก ไม่ว่าฮองเฮามีจุดประสงค์อะไร นางกล้าวางแผนทำร้ายซื่อจื่อกับข้า เช่นนั้นก็ควรรู้ผลลัพธ์ที่ตามมา” หยุนถิงให้หลงเอ้อเข้ามาใกล้ กระซิบบอกแผนการของตัวเอง
หลงเอ้อรู้สึกนับถือจากใจจริง ยกนิ้วโป้งขึ้นมา “ฮูหยิน ท่านโหดจริงๆด้วย”
“ดังนั้นอย่าคิดจะมาวางแผนทำร้ายข้าเด็ดขาด” หยุนถิงกล่าวหยอกล้อ
หลงเอ้อหดหัวเล็กน้อยโดยสัญชาตญาณ “ให้ตายอย่างไรข้าน้อยก็ไม่กล้า”
“เอาล่ะ รีบไปเถอะ”
“ขอรับ”
พ่อบ้านเข้ามาดูว่าซื่อจื่อตื่นหรือยัง ถูกหยุนถิงรั้งให้อยู่ต่อพอดี “พ่อบ้านเจ้ารู้จักเมืองหลวงแห่งนี้ดีที่สุด ตระกูลมารดาของฮองเฮามีอิทธิพลแบบไหนบ้าง ประกอบการกิจการอะไรบ้าง ดีที่สุดคืออธิบายรายละเอียดเล็กใหญ่ทั้งหมด”
เมื่อคืนฮูหยินกับซื่อจื่อล้วนไม่ได้กลับมา พ่อบ้านก็พอจะคาดเดาได้รางๆแล้ว หลังจากที่ซื่อจื่อกับฮูหยินกลับมา ซื่อจื่อก็นอนหลับไม่ได้สติ เวลานี้ฮูหยินถามเช่นนี้ ดูท่าฮองเฮาคงจะทำอะไรบางอย่างกับซื่อจื่อ
“เรียนฮูหยิน ตระกูลมารดาของฮองเฮาคือสี่ตระกูลใหญ่ของตระกูลมู่ ชำนาญเรื่องการค้าขาย ร้านค้าของตระกูลมู่กระจายไปทั่วทั้งสี่แคว้น มีส่วนร่วมในหลายอุตสาหกรรม ยิ่งเป็นเพราะมีความสัมพันธ์กับฮองเฮา ดังนั้นจึงรับผิดชอบควบคุมการจัดซื้อของในพระราชวัง
ถึงแม้บิดาของฮองเฮาจะเกษียณอายุในราชสำนักแล้ว แต่อิทธิพลของเขาแผ่กระจายอยู่ทั่วราชสำนัก มีพรรคพวกมากมาย เกรงว่าคงจะรับมือได้ยาก พี่ชายของฮองเฮารับหน้าที่ดูแลองครักษ์วังหลวงสามพันนาย ในเวลาปกติแข็งกร้าวเผด็จการ สร้างความไม่พอใจให้กับคนมากมาย แต่เขาเป็นคนรอบคอบ ไม่มีช่องโหว่พิรุธอะไร
ฮองเฮายังมีน้องชายอีกหนึ่งคน กินดื่มเที่ยวซ่องโสเภณีเล่นการพนัน ชอบหาเรื่องสร้างความเดือดร้อน ไม่มีความรู้ความสามารถ ในเวลาปกติล้วนกดขี่ข่มเหงคนดี บังคับขืนใจหญิงชาวบ้านไปเป็นเมีย แต่ไม่มีใครกล้าล่วงเกิน” พ่อบ้านลั่วกล่าวตอบ
“เมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นก็เริ่มจากกดขี่ร้านค้าก่อน ร้านค้าของตระกูลฮองเฮาขายอะไร เราก็ขายอย่างนั้น คุณภาพต้องดีกว่าร้านของพวกเขา ราคายังต้องต่ำกว่าด้วย เรื่องนี้มอบหมายให้พ่อบ้านไปจัดการ” หยุนถิงเอ่ยปาก
“ขอรับ บ่าวจะไปจัดการเดี๋ยวนี้”
“เด็กๆ ไปเชิญฟู่อี้เฉินมา” หยุนถิงสั่งการ
“ขอรับ ฮูหยิน”
ไม่นานหลังจากนั้น ฟู่อี้เฉินก็ติดตามบ่าวรับใช้เข้ามา เขาได้ยินว่าหยุนถิงหาตัวเอง รู้สึกไม่อยากจะเชื่อเล็กน้อย ดังนั้นจึงรีบมาอย่างร้อนรนในทันที
“เจ้าหาข้าด้วยเรื่องอันใด?” ฟู่อี้เฉินถาม
“ฟู่ซื่อจื่อยังติดค้างน้ำใจข้าอย่างหนึ่ง ตอนนี้ถึงเวลาชำระคืนแล้ว” หยุนถิงกล่าวด้วยรอยยิ้มราบเรียบ
ฟู่อี้เฉินมองดูรอยยิ้มที่บางเบาของนาง แต่ที่เขาเห็นในสายตา กลับมีความรู้สึกขนหัวลุกอย่างหนึ่ง เมื่อได้ยินแผนการของหยุนถิงแล้ว ฟู่อี้เฉินถึงได้แอบโล่งใจอย่างเงียบๆ
ขณะเดียวกันเขาก็รู้สึกโชคดี ที่ตัวเองไม่ได้เป็นศัตรูกับหยุนถิงจริงๆ มิเช่นนั้นเขาก็จะถูกกินจนไม่เหลือกระดูกแล้ว
เป็นเช่นนั้นจริงๆ มีเพียงสตรีกับคนถ่อยที่เข้าด้วยได้ยาก
หลังจากที่ฟู่อี้เฉินจากไปแล้ว จวินหย่วนโยวก็ตื่นขึ้นมา มองดูทุกสิ่งทุกอย่างที่คุ้นเคยในเรือนจวินหย่วนโยวขมวดคิ้วขึ้นมา
เขาจำไม่ได้ว่าตัวเองกลับมาได้อย่างไร นึกถึงหยุนถิง จวินหย่วนโยวรีบร้อนลุกขึ้นจากเตียง เพียงแต่ลุกขึ้นมาเร็วเกินไป รู้สึกหน้ามืด และเวียนศีรษะอย่างมาก
หยุนถิงเข้ามาก็เห็นภาพนี้เข้า รีบร้อนวิ่งเข้ามา “ซื่อจื่อท่านเป็นอย่างไรบ้าง ไม่สบายตรงไหนใช่ไหม?”
จวินหย่วนโยวมองดูเงาร่างที่คุ้นเคยตรงหน้า นัยน์ตาสีดำที่ลึกล้ำเต็มไปด้วยความเป็นห่วง “เจ้าได้รับบาดเจ็บหรือไม่ เป็นอะไรหรือเปล่า?”
“วางใจเถอะซื่อจื่อ ข้าสบายดี ซ่างกวนหรูก็ได้รับผลกรรมที่ตัวเองก่อแล้ว ตอนนี้ท่านเพิ่งฟื้นมา ร่างกายยังอ่อนแอมาก ดังนั้นท่านพักฟื้นให้ดีก็พอแล้ว” หยุนถิงกล่าวปลอบโยน
หัวใจที่ตึงแน่นของจวินหย่วนโยวถึงได้ผ่อนคลายลง “หยุนถิง ข้าไม่ได้แตะต้องซ่างกวนหรูนะ!”
หยุนถิงหัวเราะออกมาเบาๆ “ข้ารู้ ตอนนั้นซื่อจื่อยอมให้ไฟโทสะพุ่งเข้าสู่หัวใจก็ไม่แตะต้องซ่างกวนหรู ข้ารู้ว่าซื่อจื่อจริงใจกับข้า ทุกอย่างมันผ่านไปแล้ว”
มือใหญ่ของจวินหย่วนโยวคว้าหยุนถิงเข้าไปในอ้อมแขน กอดเอาไว้แน่น “หยุนถิง ขอบคุณที่ไว้ใจข้า”
“คนโง่ ข้าไม่เชื่อท่านแล้วจะเชื่อใครล่ะ” หยุนถิงก็กอดเขาเอาไว้แน่นเช่นกัน
พ่อบ้านได้ยินว่าซื่อจื่อตื่นแล้ว ก็ยกอาหารเข้ามาด้วยตัวเองทันที จัดวางเอาไว้โต๊ะใหญ่
หยุนถิงประคองจวินหย่วนโยวเดินเข้ามานั่งลง ที่ผ่านมาจวินหย่วนโยวเป็นคนคีบอาหารให้หยุนถิงตลอด วันนี้เปลี่ยนเป็นหยุนถิงบ้าง นางคีบอาหารตักน้ำแกงให้จวินหย่วนโยวอย่างอ่อนโยนเอาใจใส่ ราวกับแม่บ้านแม่เรือน
เป็นครั้งแรกที่จวินหย่วนโยวเห็นหยุนถิงที่อ่อนโยนเช่นนี้ จู่ๆก็รู้สึกว่าถูกวางแผนทำร้ายในครั้งนี้ก็ดูเหมือนจะไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไร ดูเหมือนเขาจะจำภาพอาลัยอาวรณ์รักกับหยุนถิงอย่างบ้าคลั่งได้รางๆ เพียงแต่ว่าสถานที่แห่งนั้นคือที่ไหน เขาลืมไปแล้ว จำไม่ได้แล้ว
หยุนถิงมองดูจวินหย่วนโยวยิ้มแหยๆให้กับอาหาร ก็สอบถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น “ซื่อจื่อ ท่านยิ้มอะไร ทำไมไม่กินล่ะ?”
“ดูเหมือนข้าจะจำได้ว่า ฮูหยินออดอ้อนขอความเมตตากับข้า เมื่อคืนเราบ้าระห่ำกันทั้งคืนใช่ไหม ดังนั้นวันนี้ร่างกายข้าถึงได้อ่อนแอเช่นนี้” จวินหย่วนโยวถาม
คำพูดประโยคเดียว ทำให้หยุนถิงหน้าแดงไปถึงต้นคอทันที หากไม่ใช่เพราะกลัวว่าทุกคนจะเป็นห่วง จวนซื่อจื่อต้องการคนจัดการกับสถานการณ์ทั้งมวล หยุนถิงอยากจะนอนบนเตียงสามวันสามคืนไม่ลุกขึ้นมาเลย
จนถึงตอนนี้ขาทั้งสองข้างยังปวดเมื่อยแทบตาย หยุนถิงจ้องมองจวินหย่วนโยวอย่างติเตียนครู่หนึ่ง “ซื่อจื่อท่านยังจะพูดอีก ข้าจะถูกท่านทรมานจนโครงเกือบจะทลายอยู่แล้ว ฤทธิ์ยานั่นแรงมากจริงๆ ยาแก้พิษของข้ายังไม่ได้ผล”
“เดิมทีเป็นวางแผนทำร้าย สุดท้ายกลายเป็นความช่วยเหลือของเราสองคน พูดขึ้นมาแล้วยังต้องขอบคุณสุรากานั้น” จวินหย่วนโยวหัวเราะเบาๆ
“ซื่อจื่อท่านยังหัวเราะออกมาได้อีก ข้าสืบดูแล้ว สาวใช้ตัวน้อยที่ใส่ความท่านคนนั้นได้รับคำสั่งมาจากฮองเฮา” หยุนถิงเล่าเรื่องที่สาวใช้ตัวน้อยแกล้งตาย และเรื่องที่นางเตรียมการจัดการทั้งหมดหลังจากที่กลับจวนแล้วออกมา
จวินหย่วนโยวฟังแล้วอดที่จะรู้สึกนับถือไม่ได้ “ฮูหยินสมกับที่เป็นนายหญิงของจวนซื่อจื่อ การเตรียมการจัดการเช่นนี้ละเอียดรอบคอบมากจริงๆ หากวันใดข้าเป็นอะไรไปจริงๆ จวนซื่อจื่อแห่งนี้มอบให้กับฮูหยิน ข้าวางใจ”
หยุนถิงยื่นมือไปปิดปากของจวินหย่วนโยวเอาไว้ทันที “ซื่อจื่อห้ามพูดอะไรที่ไม่เป็นมงคลเช่นนี้ ท่านกับข้าจะครองรักกันไปจนแก่เฒ่า”
ลักษณะท่าทางของจวินหย่วนโยวเต็มไปด้วยความอ่อนโยนและตามใจ “ตกลง”
หลังจากรับประทานอาหารเสร็จ ร่างกายของจวินหย่วนโยวก็ฟื้นฟูกำลังแล้ว หยุนถิงเห็นว่าเขาไม่เป็นไรแล้ว ก็ไปห้องเก็บสิ่งของเพื่อคัดลอกสินค้า
ในเมื่อครั้งนี้จะลงมือกับตระกูลมารดาของฮองเฮา ดังนั้นนางจะต้องหาของดีออกมากดขี่พวกเขาให้อยู่หมัด
ทันทีที่หยุนถิงออกไป จวินหย่วนโยวก็เรียกตัวหลงยีเข้ามา สั่งการติดต่อกันหลายคำสั่ง หลงยีนำองครักษ์เงามังกรออกไปจัดการทันที
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น ทั่วทั้งเมืองหลวงล้วนฮือฮาไปทั่ว เพราะเมื่อคืนน้องชายแท้ๆของฮองเฮาถูกคนซ้อมที่หอเทียนเซียงจนขาหักไปหนึ่งข้าง อวัยวะสืบพันธุ์ของเพศชายก็พิการไปด้วย จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้สติ
ถึงแม้อีกฝ่ายจะลงมือโหดเหี้ยม แต่บรรดาชาวบ้านกลับรู้สึกสาแก่ใจ พากันชื่นชมว่าซ้อมได้ดี สมควรถูกสั่งสอนแล้ว