จอมนางข้ามภิภพ – บทที่ 244 ซื่อจื่อต่อไปข้าไม่กล้าล่วงเกินท่านแล้ว

จอมนางข้ามภิภพ

จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 244 ซื่อจื่อต่อไปข้าไม่กล้าล่วงเกินท่านแล้ว

“หากท่านกล้าหลอกลวงข้า ผลที่ตามมาไม่ใช่สิ่งที่ท่านจะสามารถแบกรับได้” เสียงที่เย็นชาดุร้ายของหยุนถิง เต็มไปด้วยการตักเตือน

“ในเมื่อข้ามาหาเจ้าได้ ย่อมสืบทุกอย่างชัดเจนแล้ว” เป่ยหมิงฉี่กล่าวอย่างได้ใจ

“พูดมาเถอะ เงื่อนไขอะไร”

“ตอนงานเลี้ยงเทศกาลเรือมังกร เจ้าใช้อะไรทำร้ายอินทรีทอง?” เป่ยหมิงฉี่ถามออกมา

“ปืนพก เบาและพกพาสะดวก ไม่พลาดเป้าในร้อยก้าว อาวุธที่พกพาติดตัวตลอดเวลา ถึงแม้จะไม่มีวรยุทธก็สามารถใช้ได้เช่นกัน เล็งแม่นเป็นก็พอ ท่านแน่ใจว่าต้องการสิ่งนี้?” หยุนถิงถามอย่างราบเรียบ

เป่ยหมิงฉี่ฟังด้วยความตกตะลึงอย่างยิ่ง คิดไม่ถึงว่าของชิ้นเล็กๆชิ้นนั้นจะร้ายกาจเช่นนี้ สามารถยิงถูกอินทรีทองที่รวดเร็วราวกับสายฟ้า แสดงให้เห็นถึงความไม่ธรรมดา แต่ฟังน้ำเสียงของหยุนถิงแล้ว ดูเหมือนว่านี่จะไม่ใช่สิ่งที่ดีที่สุด

“หรือว่าเจ้ายังมีที่ดีกว่านี้อีก?” เป่ยหมิงฉี่เลิกคิ้วถาม

หยุนถิงล้วงปืนพกออกมาโดยตรง และวางผงยาเอาไว้บนโต๊ะอีกหนึ่งถุง “อันนี้คือยาจินชวง ข้าเพิ่งค้นคว้าออกมา ห้ามเลือดได้ในทันที หากใช้กับกองทัพ สามารถลดการบาดเจ็บล้มตายของบรรดาทหารได้ เช่นนี้ก็จะสามารถเก็บรักษากองกำลังของแคว้นได้ หากเป็นช่วงศึกสงคราม สามารถจินตนาการผลลัพธ์ได้เลย”

เป่ยหมิงฉี่ฟังด้วยความรู้สึกประหลาดใจ “ยาผงนี่วิเศษอย่างที่เจ้าพูดขนาดนั้นเลย?”

“แน่นอนอยู่แล้ว” หยุนถิงดึงแขนของเขามา ถลกแขนเสื้อของเขาขึ้น อีกมือหนึ่งมีมีดสั้นเพิ่มขึ้นมาเล่มหนึ่ง แล้วก็เฉือนไปที่แขนของเป่ยหมิงฉี่

เป่ยหมิงฉี่ยังตกตะลึงที่หยุนถิงดึงแขนของตัวเอง มองดูใบหน้าเล็กที่งดงามน่าทึ่งใบนั้นของนาง รู้สึกตกอยู่ในภวังค์เล็กน้อย แต่แล้วแขนก็มีความเจ็บปวดที่แทงเข้าไปในหัวใจส่งมา

“อ๊าก หยุนถิงเจ้าถึงกับกล้าทำร้ายข้า” เป่ยหมิงฉี่กล่าวอย่างแยกเขี้ยวยิงฟัน

“ใช้ท่านทดลองน่ะ หากใช้แขนของข้า ท่านจะต้องสงสัยประสิทธิภาพของยานี้อย่างแน่นอน” หยุนถิงหยิบผงยาถึงนั้นขึ้นมาแล้วเทลงไปบนแขนของเขา

เป็นเช่นนั้นจริงๆ แขนที่เดิมทีมีเลือดไหลอยู่ หยุดไหลในชั่วพริบตา

เป่ยหมิงฉี่มองด้วยความประหลาดใจอย่างยิ่ง “ประสิทธิภาพยาของเจ้าอัศจรรย์มากจริงๆ ข้าจะเอาสูตรของผงยาอันนี้นี่แหละ”

“ได้” หยุนถิงเดินไปที่โต๊ะหนังสือ หยิบกระดาษและพู่กันขึ้นมาเขียน จากนั้นก็ยื่นให้กับเป่ยหมิงฉี่

เป่ยหมิงฉี่รับมาแล้วมองดูครู่หนึ่ง “หยุนถิง เจ้าไม่กลัวว่าข้าจะหลอกเจ้าหรือ?”

“ไม่กลัว หากเจ้าอยากจะขายหน้าไปทั่วทั้งสี่แคว้น สามารถลองดูได้” หยุนถิงตอกกลับไป

มุมปากของเป่ยหมิงฉี่กระตุกขึ้นมา รีบยัดสูตรใบนั้นเข้าไปในอ้อมแขนราวกับของล้ำค่า “ซ่งกงกงผู้คุมงานในแปรพระราชฐานฉากหน้าเป็นคนของไทเฮา ความจริงถูกฮองเฮาติดสินบนไปนานแล้ว มีมามาที่หูหนวกเป็นใบ้คนหนึ่ง นางเป็นคนนำกำลังคนลอบสังหารจวินหย่วนโยว ยังมีกงกงที่ชื่อว่าเสี่ยวลิ่วจื่ออีกคน เขาเป็นสายของแคว้นชางเยว่”

“เป็นความจริงหรือ?” หยุนถิงถาม เป็นอย่างที่ตัวเองคาดเดาทุกประการจริงๆด้วย

“จริงยิ่งกว่าทองคำแท้เสียอีก ข้ายังหวังว่าวันหน้าจะทำข้อตกลงกับเจ้าอีกหลายๆครั้ง จะหลอกเจ้าได้อย่างไร” เป่ยหมิงฉี่เอ่ยปาก

“ในเมื่อท่านมีความจริงใจขนาดนี้ งั้นข้าก็จะมอบอะไรให้ท่านอีกหน่อย” หยุนถิงหยิบหม้อไฟกึ่งสำเร็จรูปสองกล่องมายื่นให้ อธิบายวิธีการโดยสังเขป

มองดูกล่องที่มีสีดำนั่น เป่ยหมิงฉี่รู้สึกสงสัยเล็กน้อย ยังอยากจะถามอะไร ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาจากหน้าประตู เขาหันหลังจากไปทางหน้าต่าง

จวินหย่วนโยวเข้ามาจากด้านนอก เห็นหน้าต่างสั่นไหวเข้าพอดี ขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย “กลางคืนดึกดื่นทำไมไม่ปิดหน้าต่าง ระวังจะเป็นหวัดนะ?”

“เมื่อครู่นี้เป่ยหมิงฉี่เพิ่งมา เขามาทำข้อตกลงกับข้า บอกข้าเรื่องสายลับในแปรพระราชฐานให้กับข้า” หยุนถิงเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยสังเขป

ช่วงกลางคิ้วที่เย็นชาดุร้ายของจวินหย่วนโยวขมวดขึ้นมาเล็กน้อย “สามารถหลบองครักษ์ลับและองครักษ์เงามังกรของจวนซื่อจื่อได้ เป่ยหมิงฉี่ผู้นี้มีความสามารถจริงๆด้วย”

“ซื่อจื่อ ตอนนี้ท่านมีแผนการอย่างไร?” หยุนถิงถาม

“แน่นอนว่าต้องเป็นแผนซ้อนแผนอยู่แล้ว กำจัดให้หมดในคราวเดียว แต่ว่ายังต้องการความช่วยเหลือของเจ้าด้วย” จวินหย่วนโยวกระซิบแผนการของตัวเอง

หยุนถิงฟังแล้วยังอดนับถือไม่ได้ “ซื่อจื่อ ท่านช่างหน้าเนื้อใจเสือจริงๆ แม้แต่ข้าก็ทอดถอนใจว่าสู้ไม่ได้”

“กล้าวางแผนทำร้ายเจ้ากับข้า ย่อมต้องให้พวกเขาชดใช้อยู่แล้ว” มุมปากของจวินหย่วนโยวยกเป็นมุมโค้งเล็กน้อย

ในคืนนั้น หลงยีก็นำคนเข้ามาสองสามคน อย่าว่าไป หยุนถิงมองแค่รูปร่างดูคล้ายกับคนพวกนั้นมากจริงๆ นางรีบไปทำหน้ากากหนังมนุษย์ในมิติทันที ปลอมตัวให้กับพวกเขา

กลางดึก แปรพระราชฐานที่กว้างใหญ่เงียบสงบอย่างยิ่ง

เงาร่างนับไม่ถ้วนมุ่งหน้าไปยังแปรพระราชฐาน กระโดดตัวไปยังห้องด้านข้างของบ่าวรับใช้ทางทิศตะวันออก หลังจากที่กลับไปครั้งก่อน หลงเอ้อก็จับตามองความเคลื่อนไหวของทั่วทั้งแปรพระราชฐานเอาไว้ตลอด

หลงยีนำทุกคนเข้ามา สมทบกับบรรดาพี่น้องที่รับผิดชอบเฝ้าติดตามดูความเคลื่อนไหวก่อนหน้านี้ มุ่งหน้าไปยังห้องของซ่งกงกง นางกำนัลหูหนวกเป็นใบ้ และเสี่ยวลิ่วจื่ออย่างชำนาญลู่ทาง

สองสามคนที่กำลังหลับสนิท ยังไม่ทันได้ตอบสนองกลับมาก็ถูกคนปาดคอแล้ว และนางกำนัลหูหนวกเป็นใบ้รู้สึกได้ถึงความเคลื่อนไหว ยังไม่ทันได้วิ่งหนีก็ถูกลูกศรของหลงยียิงทะลุหัวใจ

จนถึงตาย นางกำนัลหูหนวกเป็นใบ้ยังไม่รู้ว่าตัวเองเผยพิรุธออกมาได้อย่างไร

บรรดาองครักษ์เงามังกรหยิบผงสลายกระดูกที่ฮูหยินให้พวกเขาเอาไว้ก่อนหน้านี้ออกมาทันที เทลงไปบนศพของพวกเขา ชั่วพริบตาเดียวศพที่มีขนาดใหญ่ก็กลายเป็นแอ่งน้ำไป แม้แต่เสื้อผ้าก็สลายหายไปด้วย

และสามคนที่หยุนถิงปลอมตัวให้ ก็แยกย้ายกันไปแทนที่พวกเขา นอนลงและหลับต่อ

ทำเรื่องเหล่านี้เสร็จสิ้นแล้ว บรรดาองครักษ์เงามังกรก็จากไปอย่างเงียบเชียบอีกครั้ง ราวกับว่าเหตุการณ์นี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น ก็มีข่าวที่ครึกโครมไปทั้งเมืองหลวงอีกครั้ง คลังยุ้งฉางที่องครักษ์วังหลวงในความดูแลของมู่ฟงรับผิดชอบปกป้องอยู่ถึงกับถูกคนเผาทำลาย

บรรดาชาวบ้านไปดูกันตั้งแต่เช้าตรู่ พากันโศกเศร้าเสียใจไม่สิ้นสุด ถึงแม้องครักษ์วังหลวงจะสังเกตเห็นตั้งแต่เนิ่นๆ ยุ้งฉางหลายสิบแห่งมีเพียงสี่ห้าแห่งที่ถูกเผาทำลายไป ยุ้งฉางอื่นๆช่วยเอาไว้ได้ทันเวลาไม่ได้เกิดความเสียหายมากนัก แต่นี่ก็เพียงพอให้มู่ฟงเหลือบ่ากว่าแรงแล้ว

นั่นเป็นถึงคลังยุ้งฉางของแคว้นต้าเยียนเชียวนะ คืออาหารสนับสนุนของทั่วทั้งแคว้นต้าเยียน อาหารคือพื้นฐานของคนทุกคน หากไม่มีอาหาร จะกินอะไร จะอยู่อย่างไร

ทันทีที่ข่าวถูกส่งมาถึงพระราชวัง ฮ่องเต้ทรงกริ้วสุดขีด รอไม่ถึงพรุ่งนี้เช้าแล้ว ฟ้าเพิ่งจะสางก็เรียกพบบรรดาขุนนางมาประชุมเช้าทันที

ท้องพระโรง

มู่ฟงคุกเข่าอยู่บนพื้น ใบหน้าเต็มได้ด้วยความโมโหและโกรธแค้น บัดซบ ไม่รู้ว่าไอ้ระยำคนไหนมันกล้าเผายุ้งฉางของท้องพระคลัง นี่คือต้องการจะทำลายเขาใช่ไหม

ทำอย่างไรได้เหตุการณ์มันเกิดขึ้นกะทันหันเกินไป มู่ฟงสั่งให้คนไปดับไฟทันที ยังไม่ทันได้สืบหาสาเหตุของไฟไหม้ให้ชัดเจน ก็ถูกฝ่าบาทเรียกตัวไปพบแล้ว

ฮ่องเต้ที่นั่งอยู่บนบัลลังก์มังกรกริ้วจัด “มู่ฟงทางที่ดีเจ้าอธิบายต่อข้าให้ชัดเจน ยุ้งฉางของท้องพระคลังถึงกับถูกคนเผาได้ เจ้าทำหน้าที่ผู้บัญชาการองครักษ์หลวงอย่างไร!”

“ฝ่าบาทโปรดอภัยด้วย กระหม่อมจัดการให้มีคนดูแลรับผิดชอบยุ้งฉางโดยเฉพาะแล้ว ก็ไม่รู้ว่าทำไม จู่ๆยุ้งฉางถึงเกิดไฟไหม้ขึ้นมาได้ ขอฝ่าบาทโปรดให้โอกาสกระหม่อมทำความดีชดใช้ความผิดสักครั้ง กระหม่อมจะต้องสืบหาสาเหตุที่ชัดเจนให้ได้อย่างแน่นอน” มู่ฟงคุกเข่าขอความเมตตา

“เจ้าส่งคนไปเฝ้าคุ้มกันโดยเฉพาะ ก็คือการคุ้มกันเช่นนี้หรือ? นี่เป็นถึงยุ้งฉางของแคว้นต้าเยียน ยิ่งเป็นรากฐานแห่งแคว้น ตอนนี้กลับถูกเผาทำลาย หากเรื่องนี้ถูกเผยแพร่ออกไปยังจะไม่ถูกอีกสามแคว้นหัวเราะเยาะหรอกหรือ นึกว่าแคว้นต้าเยียนข้าขุดหลุมฝังศพด้วยตัวเอง

ข้าให้เวลาเจ้าสืบหาความจริงเกี่ยวกับไฟไหม้ยุ้งฉางให้ได้ภายในสามวัน นอกจากนี้ ยุ้งฉางที่ถูกเผาทำลายตระกูลมู่เจ้าต้องเติมให้เต็ม สามวันให้หลังหากยังหาคนร้ายไม่เจอ เจ้าก็ไม่ต้องเป็นผู้บังคับบัญชาขององครักษ์วังหลวงแล้ว!” ฮ่องเต้พิโรธจนถึงขีดสุด

จอมนางข้ามภิภพ

จอมนางข้ามภิภพ

Status: Ongoing
นางเป็นบุตรีเอกแห่งจวนเฉิงเสี้ยง เป็นยัยอัปลักษณ์ไร้ค่าผู้ฉาวโฉ่ กลับมีรักแรกพบกับหลีอ๋อง คะยั้นคะยอจะอภิเษกสมรสกับหลีอ๋องอย่างไม่กลัวสิ่งใด ณคืนวันอภิเษกถูกหลีอ๋องทำอัปยศอดสูจนตายพอลืมตาขึ้นดันทะลุมิติมาอีกภพหนึ่งกลายเป็นศาสตราจารย์หมอพิษสมัยใหม่ควบสองบัณฑิต คนที่เคยรังแกนาง มันต้องเอาคืนเป็นร้อยเท่าพันเท่า นาง…จัดการกับพวกสันดานชั่วอย่างออกนอกหน้า หาเงินอย่างถ่อมตน มัสมบัติระรวยใต้หล้า เพื่อหลุดพ้นจากหลีอ๋อง เลยแต่งในฐานะนางสนมของซื่อจื่อ กลับคิดไม่ถึงว่าจะไปกระตุกหนวดเสือให้เข้าแล้ว เขาเป็นซื่อจื่อผู้ป่วยเสาะแสะ สุขุมอ่อนโยน เย็นชาเจ้าเล่ห์ ร่างมีพิษที่จะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน หยุนถิงเป็นคนช่วยเขาแก้พิษ ทำให้เขากลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง เขาสาบานว่า จะอยู่กินกับนางแต่เพียงผู้เดียว หลังแต่งงาน นางนวดเอวที่ปวดอยู่ เตะเขาลงจากเตียง:“รับจดหมายรักจากหญิงอื่น ยังกล้ามานอนกับหม่อมฉันอีกรึ?” เขารีบอธิบาย:“น้องนาง ข้าผิดไปแล้ว ใครกล้ามาแย่งข้าไปจากเจ้า ข้าจะตัดขานางให้รู้แล้วรู้รอด” นางยักคิ้วหลิ่วตา:ก็ท่านนี่แหละที่เป็นต้นเหตุ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท