จอมนางข้ามภิภพ – บทที่ 254 เผยพิรุธ

จอมนางข้ามภิภพ

จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 254 เผยพิรุธ

“กระหม่อมถวายบังคมซื่อจื่อ” หยุนเฉิงเซี่ยงคารวะ

“ท่านพ่อ นี่มันเวลาอะไรแล้ว ท่านยังมัวคารวะอีก ท่านพี่เขยซื่อจื่อ พี่ใหญ่ข้าเป็นอย่างไรบ้าง นางต้องโดนคนใส่ความแน่ ขอท่านช่วยพี่ใหญ่ด้วยนะ” หยุนหลีพูดอย่างร้อนใจ

“ซื่อจื่อ ขอท่านช่วยถิงเอ๋อร์ด้วยเถอะ” ซูอี๋เหนียงอ้อนวอน

“ท่านพี่เขยซื่อจื่อ ต้องการให้พวกข้าทำอะไรหรือไม่ ขอเชิญสั่งการมาได้เลย” หยุนซูเสริมทับ

“ขอหยุนเฉิงเซี่ยงไม่ต้องเป็นกังวลไป หยุนถิงโดนใส่ความ ข้าต้องหาทางช่วยนางออกมาได้แน่ ตอนนี้นางปลอดภัยอยู่ในห้องขัง ข้าได้ส่งองครักษ์เงามังกรไปคุ้มครองนางแล้ว เดิมคิดว่าจะรอสืบได้เงื่อนงำอะไรแล้วค่อยบอกท่าน ข้าเลินเล่อเอง” จวินหย่วนโยวอธิบาย

หยุนเฉิงเซี่ยงถึงได้วางใจ “ข้าเชื่อในฝีมือของซื่อจื่อ เรื่องของถิงเอ๋อร์รบกวนซื่อจื่อแล้ว”

องครักษ์เงามังกรคนหนึ่งเข้ามาจากด้านนอก ถวายบังคมซื่อจื่อ และมองพวกหยุนเฉิงเซี่ยงโดยพลัน

หยุนเฉิงเซี่ยงรู้ในบัดดล “ที่บ้านข้ายังมีเรื่อง ขอตัวลากลับก่อนแล้วกัน” จากนั้นก็พาทุกคนจากไป

จวินหย่วนโยวไม่ได้ออกไปส่ง เขารีบถาม “สืบได้ความว่าอย่างไร?”

“ซื่อจื่อ เป็นฝีมือนางจ้าวของจวนตระกูลหยุนจริงๆ” องครักษ์เงามังกรรีบเล่าคำพูดของนางจ้าวออกมาทั้งหมด

บรรยากาศรอบตัวจวินหย่วนโยวเริ่มคืบคลานไปทั่วทั้งห้องทันที สีหน้าเย็นชาดุจน้ำแข็ง คางแข็งเปรี๊ยะ ยิ่งส่งผลให้ใบหน้าหล่อเหลากระหายเลือดนั่นดูอำมหิตโหดเหี้ยมมากขึ้น ดวงตาดำขลับประหนึ่งดวงตาอินทรีหรี่ลงน้อยๆ มีแววกระหายเลือดอันตราย

“ซื่อจื่อ ให้ข้าน้อยไปจับตัวนางจ้าวกับลูกสาวนางมาที่นี่ตอนนี้ดีหรือไม่?” องครักษ์เงามังกรถาม

มือที่วางแนบลำตัวของจวินหย่วนโยวกำแน่น จนได้ยินเสียงกระดูกลั่น หน้าอกผายขยายอย่างรุนแรงเพราะความโกรธ จวินหย่วนพยายามสะกดความโกรธและเคียดแค้นในอกให้สงบลง จนได้สติอีกครั้ง

“ไม่ต้องรีบร้อน แค่นางจ้าวผู้เดียว อย่างมากก็แค่บอกเรื่องปานบนแขนหยุนถิงไป นางน่าจะไม่มีฝีมือส่งคนเข้าออกวังหลวงได้ตามอิสระ ดังนั้นต้องมีนกต่อในวังหลวงแน่ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเราก็ทำทีว่าหลงกล”

พอฟังแผนการของจวินซื่อจื่อเสร็จ องครักษ์เงามังกรเลื่อมใสเขาจากใจ และรีบไปจัดการทันที

ส่วนนางจ้าวบอกหยุนหลิงอย่างสาสมใจ อารมณ์ดียิ่งนัก และกลับไปเรือนตน

นางพึ่งออกไป องครักษ์เงามังกรที่ซ่อนตัวอยู่ก็พาหยุนหลิงไปทันทีอย่างเงียบเชียบไม่มีใครรู้

รอจนนางจ้าวพบว่าหยุนหลิงหายตัวไป ก็เป็นเวลากลางคืนแล้ว นางจ้าวร้อนใจยิ่งนัก คนทั้งคนจู่ๆจะหายตัวไปได้อย่างไรกัน นางจ้าวเริ่มมีลางสังหรณ์ไม่ดีในใจ

นางรีบให้คนเตรียมรถม้าออกจากจวนทางประตูหลัง ไปหาใต้เท้าคนนั้นทันที นางจะไม่มีทางยอมให้ผู้ใดทำร้ายหลิงเอ๋อร์เด็ดขาด แต่ไม่คิดเลยว่า ร่องรอยของนางนั้นถูกจับตาดูโดยองครักษ์เงามังกรที่ซ่อนตัวอยู่นานแล้ว

……

พระราชวัง

เหมยเฟยและหลิ่วเฟยย่อมได้ยินเรื่องหยุนถิงอยูแล้ว แต่ทั้งคู่กลับไม่ได้มีความเคลื่อนไหวอะไรเลย ทำเพียงจับตาดูทุกอย่างอย่างลับๆ

หลิ่วเฟยใช้เหตุผลว่าไม่สบาย ต้องการให้หยุนถิงมาฝังเข็มให้นาง ถึงได้ให้ฝ่าบาทเห็นด้วยเรียกหยุนถิงมาพบ

วินาทีที่เห็นหยุนถิง หลิ่วเฟยลอบถอนหายใจโล่งอก “นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เหตุใดเจ้าถึงถูกใส่ร้ายว่าฆ่าจ้าวเหลียงเหริน ผู้ใดทำกัน?”

“ทำให้พระสนมเป็นกังวลแล้ว พูดตามตรงข้าเองก็ไม่รู้ว่าเป็นผู้ใด ที่สามารถฆ่าคนและหลบหนีหายไปจากพระราชวังอย่างเงียบเชียบไม่มีใครรู้เช่นนี้ได้ และยังรู้ปานบนตัวข้า น่าจะเป็นคนในวังร่วมมือกับคนจวนตระกูลหยุน” หยุนถิงตอบ

“ข้าจะช่วยเจ้าได้อย่างไร?” หลิ่วเฟยถามออกมาตรงๆ

“ขอบพระทัยพระสนม ข้ามีเรื่องหนึ่งที่อยากให้พระสนมช่วยจริงๆ” หยุนถิงยื่นหน้าเข้าหา กระซิบอะไรบางอย่างข้างหูหลิ่วเฟย

หลิ่วเฟยชื่นชมยิ่งนัก “วางใจเถอะ ข้าจะต้องทำให้ดีแน่”

หยุนถิงฝังเข็มให้นางเสร็จ ก็โดนองครักษ์พาตัวกลับคุกหลวงต่อ

คืนนั้น องครักษ์ที่รับผิดชอบลาดตระเวนเห็นตำหนักของจ้าวเหลียงเหรินมีคนชุดขาวยืนอยู่ในเรือน ผมยาวสยาย ลอยไปมา ปากยังร้องว่าตายอย่างไม่เป็นธรรม

เหล่าองครักษ์ตกใจยิ่งนัก ล้มลุกคลุกคลานหลบหนีกันจ้าละหวั่น

เงาร่างสีขาวสิบกว่าร่างลอยไปทั่วทุกตำหนักของวังหลัง จงใจลอยผ่านไปมาด้านนอกหน้าต่างของเหล่าสนม และร้องตะโกนเต็มเสียงว่าตนนั้นตายอย่างไม่เป็นธรรม

ทั่วทั้งตำหนักหลังตกใจขวัญหายกันยิ่งนัก ทุกคนต่างพูดกันว่า เป็นเพราะจ้าวเหลียงเหรินตายอย่างไม่เป็นธรรม วิญญาณกลับมาทวงชีวิตคืน

ส่วนองครักษ์เงามังกรที่รับหน้าที่จับตาดูพระราชวัง ยังอดขมวดคิ้วไม่ได้ พวกเขาเห็นอย่างชัดเจนว่า วิญญาณเหล่านั้นเป็นเพียงการปลอมตัวเป็นผีของคน วิธีนี้ชั่วร้ายนัก

แต่เหล่าองครักษ์เงามังกรก็ไม่คิดยุ่งเกี่ยวด้วย จะได้อาศัยโอกาสนี้จับตาดูความเคลื่อนไหวของสนมทุกคน ขอเพียงมีความผิดปกติเพียงนิด ต้องเกี่ยวข้องกับฆาตกรแน่

ก่อนหน้านี้ลวี่เอ๋อร์สาวใช้ข้างกายจ้าวเหลียงเหรินถูกจัดวางไว้ที่ห้องเก็บของ มีองครักษ์เฝ้าอยู่ นางเป็นพยานที่ดีที่สุด

สุดท้ายกลับมาเจอผีอาละวาด องครักษ์ต่างตกใจหนีกันอุตลุด ลวี่เอ๋อร์ที่อยู่ในห้องเห็นเงาคนที่ด้านนอกหน้าต่าง ก็ตกใจจนใบหน้าซีดเผือด ซุกตัวอยู่มุมห้อง

“เหลียงเหริน ท่านอย่ามาหาข้าเลย ข้าไม่ได้ให้ร้ายท่านนะ คุณหนูหยุนต่างหาก ข้าเห็นกับตาว่าท่านโดนนางฆ่า ท่านจะหาก็ไปหานางเถอะ” ลวี่เอ๋อร์พูดเสียงสั่นเทา

คนที่อยู่ด้านนอกได้ยินคำนี้ หรือว่าพระสนมจะคาดการณ์ผิด นางแกล้งทำให้ตกใจอีกหลายครั้ง พอเห็นลวี่เอ๋อร์ไม่ได้กลับคำ ถึงจากไป และรีบไปรายงานต่อหลิ่วเฟยเหนียงเหนียง

“หากสาวใช้คนนั้นมิได้พูดปด เช่นนั้นก็เห็นกับตาจริงๆ น่ากลัวจะมีคนปลอมแปลงใบหน้าเป็นหยุนถิง แสร้งให้นางเห็นเข้า ดูท่าเรื่องนี้จะไม่ธรรมดาเลย” หลิ่วเฟยวิเคราะห์

ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นก็รอดูความเคลื่อนไหวไปก่อน

เช้าวันต่อมา สนมจากทุกตำแหน่งล้วนตกใจกันหมด พากันวิพากษ์วิจารณ์เรื่องผีอาละวาดเมื่อคืน

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะนอนหลับไม่สนิทหรือไม่ สีหน้าสนมหลายคนซีดเผือด เหนื่อยล้า ฮ่องเต้เองก็ได้ยินข่าวมาเหมือนกัน ยิ่งเดือดดาลหนักขึ้น

ในฐานะกษัตริย์ของแคว้นหนึ่ง ย่อมไม่เชื่อว่ามีภูตผีปีศาจอยู่แล้ว เลยให้คนสืบสวนให้ดี กล้ามาแสร้งทำผีหลอกคนในวังหลัง เขาจะไม่ละเว้นโดยเด็ดขาด

ตำหนักเฟิ่งอี๋

ฮองเฮาเองก็ได้ยินข่าวมาเหมือนกัน แต่กลับไม่เดือดไม่ร้อน สงบนิ่งสบายนัก

มามาที่อยู่ข้างๆเอ่ยขึ้น “เหนียงเหนียง ได้ยินว่าวิญญาณของจ้าวเหลียงเหรินมาทวงชีวิตคืน เหล่าสนมด้านนอกพากันลืออื้ออึงไปหมดเลย”

“เรื่องภูตผีเป็นเรื่องไม่มีจริง ฝ่าบาทสั่งห้ามเรื่องนี้ที่สุด พวกนางหาเรื่องตาย ข้าจะห้ามได้อย่างไร พวกเรารอดูความเคลื่อนไหวก็พอ ทางคุกหลวงมีความเคลื่อนไหวอันใดหรือไม่?” ฮองเฮาบอกอย่างไม่แยแส

“กราบทูลเหนียงเหนียง การกินการอยู่ของคุณหนูหยุนล้วนส่งมาจากจวนซื่อจื่อทั้งนั้น ขนาดอาหารสามมื้อยังเป็นพ่อบ้านจวนซื่อจื่อนำมาให้ด้วยตนเอง คนของพวกเราหาโอกาสลงมือไม่ได้เลย” มามาตอบ

“ในเมื่อคุกหลวงไม่ได้ ก็ต้องด้านนอก ครั้งนี้ข้าจะไม่ยอมปล่อยหยุนถิงไปเด็ดขาด กล้ามาแตะต้องตระกูลมู่ของข้า คิดว่ารังแกข้าได้ง่ายๆรึ” ฮองเฮาแค่นเสียงเย็น

หลังจากกลับมา ฮองเฮาก็คิดมาตลอด เริ่มแรกจากน้องสามโดนทำให้พิการ จากนั้นเสบียงคลังที่พี่ใหญ่รับผิดชอบเกิดปัญหา เรื่องมันจะบังเอิญขนาดนี้ได้อย่างไรกัน

ฮองเฮาแน่ใจว่า นอกจากจวินหย่วนโยวแล้ว ไม่มีคนที่สองดอก

ในเมื่อเขากล้าแตะต้องตระกูลมู่อย่างลับๆ ฮองเฮาก็ไม่มีทางปล่อยจวินหย่วนโยวเอาไว้แน่ และสิ่งที่เขารักที่สุดคือหยุนถิง ดังนั้นครั้งนี้ฮองเฮาถึงได้ร่วมมือกับคนนอกต่อกรกับหยุนถิง

นางต้องการจะทำลายคนที่จวินหย่วนโยวรักใคร่ที่สุด นี่เป็นจุดจบของการมาแตะต้องตระกูลมู่

แต่กลับไม่รู้เลยว่า ทั้งหมดนี้ล้วนอยู่ในแผนการของจวินหย่วนโยว รอเพียงเวลาเก็บตาข่ายเท่านั้น

จอมนางข้ามภิภพ

จอมนางข้ามภิภพ

Status: Ongoing
นางเป็นบุตรีเอกแห่งจวนเฉิงเสี้ยง เป็นยัยอัปลักษณ์ไร้ค่าผู้ฉาวโฉ่ กลับมีรักแรกพบกับหลีอ๋อง คะยั้นคะยอจะอภิเษกสมรสกับหลีอ๋องอย่างไม่กลัวสิ่งใด ณคืนวันอภิเษกถูกหลีอ๋องทำอัปยศอดสูจนตายพอลืมตาขึ้นดันทะลุมิติมาอีกภพหนึ่งกลายเป็นศาสตราจารย์หมอพิษสมัยใหม่ควบสองบัณฑิต คนที่เคยรังแกนาง มันต้องเอาคืนเป็นร้อยเท่าพันเท่า นาง…จัดการกับพวกสันดานชั่วอย่างออกนอกหน้า หาเงินอย่างถ่อมตน มัสมบัติระรวยใต้หล้า เพื่อหลุดพ้นจากหลีอ๋อง เลยแต่งในฐานะนางสนมของซื่อจื่อ กลับคิดไม่ถึงว่าจะไปกระตุกหนวดเสือให้เข้าแล้ว เขาเป็นซื่อจื่อผู้ป่วยเสาะแสะ สุขุมอ่อนโยน เย็นชาเจ้าเล่ห์ ร่างมีพิษที่จะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน หยุนถิงเป็นคนช่วยเขาแก้พิษ ทำให้เขากลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง เขาสาบานว่า จะอยู่กินกับนางแต่เพียงผู้เดียว หลังแต่งงาน นางนวดเอวที่ปวดอยู่ เตะเขาลงจากเตียง:“รับจดหมายรักจากหญิงอื่น ยังกล้ามานอนกับหม่อมฉันอีกรึ?” เขารีบอธิบาย:“น้องนาง ข้าผิดไปแล้ว ใครกล้ามาแย่งข้าไปจากเจ้า ข้าจะตัดขานางให้รู้แล้วรู้รอด” นางยักคิ้วหลิ่วตา:ก็ท่านนี่แหละที่เป็นต้นเหตุ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท