จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 266 พวกเราไม่ติดค้างกันอีกแล้ว
โม่ฉือหานที่อยู่ข้างๆสีหน้าเย็นเยียบเคียดแค้น เส้นเลือดที่ขมับปูดโปน “น่าตายนัก เจ้ากรมอู๋ ทั้งๆที่เมื่อคืนเจ้ายอมรับกับข้าเองแท้ๆว่า สมุดบัญชีเล่มนั้นเจ้าเป็นผู้เขียนขึ้นมาเอง ด้านบนเป็นเรื่องจริงทั้งนั้น โดยเฉพาะพวกที่เจ้าส่งให้ฮองเฮา”
เจ้ากรมอู๋ตกใจแทบตาย “ฝ่าบาท หลีอ๋องทรมานข้าน้อยแทบตาย บีบให้ยอมรับผิดน่ะ ขอฝ่าบาทให้ความเป็นธรรมกับข้าน้อยด้วย”
ดวงตาดำขลับราวกับราตรีของฮ่องเต้หรี่ลงเล็กน้อย ถลึงตามองมาอย่างโกรธขึ้ง “หลีอ๋องจำเป็นต้องทำเช่นนี้กับทาสเช่นเจ้าด้วยรึ?”
“กราบทูลฝ่าบาท ตอนแรกหลีอ๋องแต่งงานกับคุณหนูหยุน ฝ่าบาทสั่งการว่า ยามคุณหนูหยุนออกเรือน ชุดแต่งงานให้ทำจากกรมชุดหลวง สั่งให้ข้าน้อยทำอย่างประณีต แต่หลีอ๋องไม่รักใคร่คุณหนูหยุนเลยสักนิด ดูท่าหลีอ๋องคงจะโกรธแค้นข้าน้อยด้วยเรื่องนี้ เลยจงใจทรมานข้าเพื่อแก้แค้น” เจ้ากรมอู๋อธิบายออกมาทันที
“หุบปาก หากข้าจะจัดการเจ้า ต้องรอจนถึงตอนนี้รึ ข้าให้คนไปตัดหัวเจ้าเลยก็ได้” โม่ฉือหานโกรธจัด
เจ้ากรมอู๋น่าตายนี่ กล้ากลับคำกลางคัน และยังแว้งกัดเขาอีก
คนของกรมชุดหลวงคนอื่นเห็นเจ้ากรมอู๋กลับคำดังนั้น ก็พร้อมใจกันกลับคำ ทุกคนพากันร้องไห้คร่ครวญ ทำราวกับว่าหลีอ๋องเป็นคนชั่วร้ายนัก
คนของร้านผ้าเห็นดังนี้ ก็พากันไม่ยอมรับไปตามๆกัน
สีหน้าโม่ฉือหานดำราวกับก้นหม้อ มือที่อยู่ในแขนเสื้อกำหมัดแน่น เสียงกระดูกลั่นกร๊อบกร๊อบ ดวงตาดำขลับปรายตามองทุกคนด้วยสายตาคมปลาบ “น่าตายนัก พวกเจ้ากล้าใส่ความข้ารึ?”
ฮ่องเต้รู้ดีว่าหลีอ๋องไม่มีทางทำเรื่องเช่นนี้แน่ หลีอ๋องอย่างเขาไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้ เพียงแต่ไม่คิดว่าเจ้ากรมอู๋นี่กับคนของร้านผ้าจะสามัคคีกันขนาดนี้ พร้อมใจกันแว้งกัดหลีอ๋องเหมือนกันหมด คราวนี้ยากละ
หยุนถิงที่กำลังปีนหน้าต่างกินไส้กรอกอดเบ้ปากไม่ได้ เดิมคิดจะดูอะไรสนุกๆ สุดท้ายก็สนุกจริงๆน่ะแหละ ไม่คิดว่า วันหนึ่งหลีอ๋องจะมาจนมุมอย่างนี้
“น่าตายนัก ตอนนี้ข้าจะฆ่าพวกเจ้าซะ!” โม่ฉือหานเดือดจัด คว้าเจ้ากรมอู๋ขึ้นมา จะฆ่าเขาในทันที
“หยุดนะ หลีอ๋องเจ้าคิดจะทรมานพวกเขาต่อหน้าข้า นี่มิเห็นข้าอยู่ในสายตาเลยรึ?” ฮ่องเต้แค่นเสียงเย็น
โม่ฉือหานถึงคืนสติ สลัดเจ้ากรมอู๋ทิ้งอย่างรังเกียจ “ข้าไม่ปล่อยเจ้าไว้แน่!”
“หยุนถิง ดูพอแล้วยังไม่รีบเข้ามาอีก!” ฮ่องเต้แค่นเสียงเย็น
ตั้งแต่วินาทีที่หยุนถิงปีนหน้าต่างดูละคร ฮ่องเต้ก็เห็นแล้ว นังหนูนี่มันน่านัก ไม่เข้ามาช่วยแล้วยังดูเรื่องสนุกอยู่ข้างนอกอีก
หยุนถิงหัวเราะแหะๆ กินไส้กรอกแล้วเดินเข้ามา “ไม่คิดเลยจริงๆว่า หลีอ๋องก็มีวันที่โดนข้ารับใช้คนหนึ่งบีบจนขาดสติเช่นนี้ หายากยิ่งนะ”
โม่ฉือหานเหล่มองหยุนถิงที่ทำหน้าสาสมใจ สีหน้ายิ่งทะมึนและเดือดดาลมากขึ้น “ข้าพอใจ”
“เหอะ พอใจหรือจนปัญญากันแน่” หยุนถิงย้อน
“เจ้า น่าตายนัก—“
“พอได้แล้วพวกเจ้าสองคนนี่ อย่าเจอหน้ากันทีไร ก็ทะเลาะกันทีหนึ่ง หยุนถิงเจ้ามาก็ดีแล้ว มีหนทางทำให้พวกนี้ยอมรับผิดหรือไม่?” ฮ่องเต้ถามหน้าทะมึน
“เรื่องนี้ได้อยู่ หม่อมฉันพึ่งคิดค้นยาที่ไว้ทรมานคนได้พอดี ขอเพียงหยดเดียวก็สามารถทำให้เจ็บปวดแสนสาหัส อยู่ไม่สู้ตาย ทั้งร่างราวกับโดนมดหลายพันหลายหมื่นตัวขบกัดก็ไม่ปาน วันนี้หม่อมฉันนำมาด้วยพอดีเลย” หยุนถิงควักห่อยาออกมาจากในกระเป๋าจำนวนหนึ่ง สาดไปที่คนที่นั่งบนพื้น
ซูกงกงเห็นดังนั้นเหมือนเจอพระมาโปรดก็ไม่ปาน มองอย่างใจจดใจจ่อเลยทีเดียว
เหล่าคนที่นั่งที่พื้นอยากจะหนี แต่หนีไม่ได้ เมื่อคืนโดนหลีอ๋องทรมานจนเหลือแค่ลมหายใจเฮือกสุดท้ายแล้ว ตอนนี้ยังมาโดนสาดผงยาจำนวนมาก พริบตาเดียวก็ได้ยินทั้งหมดร้องโหยหวน
คันคะเยอไปทั่วร่าง มีคนหนึ่งทนไม่ไหวไปเกา พอเกาก็เป็นรอยเลือดซิบๆ พอเกาก็เนื้อหลุดออกมา เลือดเนื้อปะปนกัน ทำเอาทุกคนตกใจจนหน้าซีดเผือด
ยิ่งเกาก็ยิ่งคัน ยิ่งคันก็ยิ่งเกา มีขาของคนหนึ่งเนื้อหลุดจนเห็นกระดูกขาวโพลนแล้ว คนผู้นั้นตกใจจนเป็นลมสลบไปเลย
หยุนถิงกดจุดใต้จมูกของเขาเลย “หากยังไม่สารภาพความจริงอีก ก็มีแต่นั่งรอความตายแล้วนะ”
คนผู้นั้นตกใจแทบอยากตาย รีบยอมรับทันที
หยุนถิงพอใจนัก ควักยาถอนพิษออกมาหนึ่งเม็ดยื่นให้เขา คนนั้นก็ไม่กล้าสงสัย รับมากินลงไป คราวนี้ก็ไม่คันแล้ว
คนอื่นเห็นอย่างนั้น พากันสารภาพตามตรงเป็นแถวๆ ไม่มีใครกล้าปิดบังอะไรอีกเลย
เจ้ากรมอู๋เห็นทุกคนทำเช่นนี้ แค้นจนอยากจะจับพวกมันมาสับเป็นหมื่นๆชิ้น น่าตายนัก เขาเองก็คันทรมานมาก แต่ยังอดทนไม่ร้องขออ้อนวอน
ฮ่องเต้พอใจมาก หยุนถิงเก่งจริง ลงโทษทุกคนตรงนั้นเลย
“ฝ่าบาท ในเมื่อเจ้ากรมอู๋ไม่ยอมรับสารภาพ ก็จับเขาขังคุกหลวงเถอะ” หยุนถิงเสนอ
“ได้ ทำตามที่เจ้าว่า” ฮ่องเต้ออกคำสั่งทันที
ทุกคนโดนพาตัวไปหมด ตำหนักข้างพลันเงียบขึ้นมาทันที
“ฝ่าบาท หากมิมีอะไรแล้ว หม่อมฉันขอตัวกลับก่อนนะเพคะ” หยุนถิงเอ่ยขึ้น
“เจ้ากรมอู๋ยังไม่สารภาพเลยนะ?” โม่ฉือหานแค่นเสียงเย็นบอก
“เรื่องยืมดาบฆ่าคน หลีอ๋ฮงถนัดที่สุดไม่ใช่หรือไง?”
ฮ่องเต้เลิกคิ้วอย่างคิดได้ ดวงตาดำขลับมีแววชื่นชม หยุนถิงเก่งจริงๆ “ออกไปเถอะ”
หยุนถิงกับโม่ฉือหานถอยออกมา หยุนถิงกินไส้กรอก ร้องฮัมเพลงไปพลางเดินหน้าต่อ
“เรื่องเมื่อครู่ขอบใจ!” มีเสียงเย็นของโม่ฉือหานลอยมาด้านหลัง
หยุนถิงชะงัก ไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองเลย เธอหันไปมองโม่ฉือหาน “เมื่อครู่เจ้าว่าอะไรนะ?”
โม่ฉือหานสีหน้าอดกลั้น กระดาก แต่ยังไงหยุนถิงก็ช่วยเหลือเขา ไม่งั้นโดนเจ้าพวกสารเลวนั่นแว้งกัดเข้าให้ ไม่เพียงไม่สามารถทำเรื่องที่เสด็จพี่มอบหมายได้สำเร็จ ยังหาเรื่องเดือดร้อนมาให้ตนเองอีกด้วย จะไม่ยิ่งแย่ไปกันใหญ่รึ
“ข้าบอกว่า ขอบใจเจ้าที่ช่วยเหลือเมื่อครู่”
“โอ๊ะโยะโหย ไม่คิดเลยว่าหลีอ๋องที่สูงส่งมาตลอดจะขอบใจข้าเป็นด้วย หายากยิ่งนัก แต่เทียบกับคำขอบใจ ข้าชอบตั๋วเงินมากกว่า” หยุนถิงพูด
แต่ไม่คิดเลยว่า โม่ฉือหานจะหยิบตั๋วเงินที่พกติดตัวมาด้วย ยัดใส่มือหยุนถิงทั้งหมด “ข้าไม่ติดค้างกับเจ้าแล้วนะ”
หยุนถิงเปิดออกดู มีถึงแสนกว่าตำลึงเลยทีเดียว “แต่ว่า นี่มันมากเกินไปล่ะมั้ง”
วันนี้จู่ๆโม่ฉือหานก็ใจป้ำอย่างนี้ มันทำให้หยุนถิงไม่ค่อยจะชินเลย แต่เงินที่ได้มาฟรีๆ เธอไม่ปฏิเสธอยู่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นของโม่ฉือหานอีก
จู่ๆเอาเงินหมอนี่มากขนาดนี้ หยุนถิงรู้สึกไม่ดีเท่าไหร่ เธอหยิบไส้กรอกอีกแท่งออกมาจากในมิติ ใช้ตั๋วเงินห่ออีก
ในสายตาโม่ฉือหาน เธอหยิบออกมาจากกระเป๋าที่พกติดตัว เลยไม่ได้คิดอะไรมาก
“อันนี้ให้เจ้า ทั่วทั้งสี่แคว้นมีแค่อันเดียว คู่ควรกับเงินของเจ้าแล้ว แบบนี้พวกเราก็ไม่ติดค้างกันแล้ว ต่อไปหากเจอเจ้า ข้าจะไม่ออมมือเช่นกัน” หยุนถิงยื่นไส้กรอกอันนั้นไป
โม่ฉือหานค่อนข้างแปลกใจ แต่ก็รับมา หยุนถิงหมุนตัวเดินจากไปทันที
จวบจนหยุนถิงเดินไปไกลแล้ว โม่ฉือหานถึงเปิดแกะตั๋วเงินที่ห่อออก พอเห็นของมันๆแดงๆด้านใน โม่ฉือหานขมวดคิ้ว เขาสงสัยว่าหยุนถิงจงใจเหยียดหยามเขาด้วยซ้ำ
แต่ของแบบนี้ทำไมดูเหมือนของที่หยุนถิงพึ่งกินเมื่อครู่ โม่ฉือหานทำสีหน้ารังเกียจ แต่เขาไม่ได้ทิ้ง กลับห่อตั๋วเงินกลับไปตามเดิม และเดินจากไป