จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 270 ยังพูดอีกว่า เจ้าไม่ได้มาเพื่อนาง
“เหนื่อยน่ะ นังหนูนี่ทำการผ่าตัดมาทั้งวัน ตื่นเต้นขั้นสุดมาทั้งวัน ตอนนี้ยุ่งเสร็จแล้ว ตัวเองเลยเหนื่อยหมดแรง ให้คนไปยกเตียงอีกเตียงเข้ามา ให้นังหนูนี่พักผ่อนเสียหน่อย” ท่านลั่วถอนหายใจยาว
“ขอรับ” พ่อบ้านรีบให้คนไปยกเตียงมา จากนั้นเยว่เอ๋อร์กับซูหลินก็อุ้มหยุนถิงนอนลง พลางห่มผ้าห่มให้นาง
ห้องอันกว้างใหญ่ ทั้งสามคนพากันนอนหลับอย่างสงบยิ่งนัก ท่านลั่วเข้ามาตรวจดูเป็นระยะๆ ก็ยังไม่วางใจนัก
พ่อบ้านกลับให้องครักษ์เงามังกรเฝ้าไว้ให้ดี ห้องครัวยิ่งเตรียมอาหารเอาไว้ตลอดเวลา บรรยากาศทั่วทั้งจวนซื่อจื่อตึงเครียดอย่างมาก
พอโม่เหลิ่งเหยียนได้ข่าวว่าจวินหย่วนโยวโดนคนทำร้าย บาดเจ็บสาหัส เดิมเขาควรจะสาแก่ใจ แต่เขากลับไม่รู้สึกยินดีสาสมใจเลยสักนิด ตรงกันข้ามกลับเป็นห่วงอย่างมากด้วย
เขารีบพาหมิงจิ่วซางมุ่งตรงไปยังจวนซื่อจื่อ และให้เหล่าพี่น้องของหอดวงจันทร์คอยแอบคุ้มกันจวนซื่อจื่ออย่างลับๆ
พอพ่อบ้านเห็นว่าเป็นซวนอ๋อง ก็รีบคารวะอย่างนอบน้อมทันที “มิทราบว่าซวนอ๋องมาด้วยเหตุใดรึ?”
“ข้าได้ยินว่าจวินหย่วนโยวเกิดเรื่อง เขาเป็นอย่างไรบ้าง หยุนถิงล่ะ?” โม่เหลิ่งเหยียนถามเปิดประเด็นเลย
พ่อบ้านอึ้งไป ซวนอ๋องได้ข่าวไวขนาดนี้ ปกติซวนอ๋องกับซื่อจื่อคือไม่ก้าวก่ายซึ่งกันและกัน เขามาครั้งนี้มีจุดประสงค์อะไรกันนะ?
พ่อบ้านยังลังเลว่าจะตอบอย่างไรดี ก็ได้ยินโม่เหลิ่งเหยียนถามอีกว่า
“หยุนถิงช่วยพี่สาวข้าไว้ ก็เป็นผู้มีพระคุณช่วยชีวิตของข้าด้วย หากตอนนี้ข้าคิดจะทำอะไรจวนซื่อจื่อ ก็ไม่มาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ดอก”
พ่อบ้านยิ้มแหะๆ “ซวนอ๋องล้อเล่นแล้ว ข้าเองก็ไม่มีหนทาง ซื่อจื่อกำลังพักผ่อน ฮูหยินรักษารั่วจิ่งมาทั้งวันแล้ว ก็กำลังพักผ่อนเช่นกัน หากซวนอ๋องไม่ว่าอะไร ไปห้องโถงด้านหน้าเถอะ ข้าจะจัดเตรียมน้ำชาให้”
“วางโต๊ะไว้นอกเรือน ข้าจะดื่มที่นี่” โม่เหลิ่งเหยียนแค่นเสียงเย็น
พ่อบ้านตกใจอยู่บ้าง ซวนอ๋องมาเฝ้านอกเรือนซื่อจื่อ หรือคิดจะคุ้มครองซื่อจื่อ มันดูแปลกไปหน่อยกระมัง
ดูท่าซวนอ๋องคงอยากจะเฝ้าฮูหยินกระมัง ถึงความคิดนี้จะไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่ แต่พ่อบ้านมองออกว่า ซวนอ๋องรู้สึกไม่ธรรมดากับฮูหยิน ไม่ใช่ความรักฉันท์ชายหญิงที่สุนทรีย์ แต่เป็นความรู้สึกชื่นชมและเคารพระหว่างสหาย
“ขอรับ ข้าจะไปเตรียมเดี๋ยวนี้” พ่อบ้านให้คนยกโต๊ะเข้ามาทันที
โม่เหลิ่งเหยียนและหมิงจิ่วซางนั่งลง บนโต๊ะมีถ้วยน้ำชา และขนม ชานม เนื้อมากมาย เต็มโต๊ะไปหมด
หมิงจิ่วซางเห็นโม่เหลิ่งเหยียนไม่ได้ดื่มชา แต่กลับถือชานมขึ้น ทนไม่ไหวบ่นว่า “ยังพูดอีกว่าเจ้าไม่ได้มาเพื่อนาง ของมากมายเต็มโต๊ะเจ้ากลับเลือกชานมที่หยุนถิงทำ?”
“ข้าเห็นก็หยิบ เจ้ามิได้อิจฉาอยากกินอาหารจวนซื่อจื่อมานานรึ? ยังไม่กินอีก?” โม่เหลิ่งเหยียนย้อน
หมิงจิ่วซางมุมปากกระตุก รีบสวาปามทันที ได้ยินมานานว่า อาหารใหม่ๆในเมืองหลวงนั้นออกมาจากมือหยุนถิงนี่เอง ดังนั้นหมิงจิ่วซางเลยสนใจอย่างมาก
คนหนึ่งดื่ม คนหนึ่งกิน ดูสบายๆ แต่ที่จริงแล้วทั้งคู่คอยจับตาดูความเคลื่อนไหวของจวนซื่อจื่ออยู่ตลอดเวลา
หากมีใครอาจหาญคิดจะเข้ามาลอบโจมตีตอนนี้ โม่เหลิ่งเหยียนไม่รังเกียจที่จะลงมือเลย เพราะก่อนหน้านี้หยุนถิงเคยช่วยเขาไว้
……
ตระกูลมู่
มู่คุนสลบไปสองวันหนึ่งคืนถึงฟื้นขึ้นมา พอฟื้นมาเห็นพ่อตนอยู่ข้างๆ ก็ร้องไห้โฮออกมา “ท่านพ่อ ช่วยข้าด้วย ข้าไม่อยากพิการ ขอร้องท่านต้องช่วยข้านะ!”
“คุนเอ๋อร์เจ้าวางใจเถอะ พ่อเชิญหมอหลวงหลิวมาแล้ว ให้เขารักษาเจ้าให้สุดความสามารถเลย ตอนนี้เจ้าต้องไม่คิดมากนะ พักผ่อนมากๆ” มู่ฉิงเซินปลอบ
“ท่านพ่อ ข้าหมดสิ้นทุกอย่างจริงใช่ไหม ต่อไปข้าจะมีสัมพันธ์กับสตรีไม่ได้แล้วจริงรึ?” มู่คุนถามอย่างทรมาน
“ลูกพ่อ ตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุดของเจ้าคือสุขภาพ รักษาสุขภาพให้ดี อย่างอื่นก็จะดีตาม”
“ไม่ ท่านหลอกข้า ท่านพ่อ ข้าพิการจริงๆแล้วใช่ไหม ต่อไปข้าจะต้องสิ้นลูกสิ้นหลานแล้วใช่ไหม—-“ มู่คุนตะคอกดังอย่างเดือดดาล ไม่อาจยอมรับความจริงได้ชั่วขณะ
มู่ฟงเดินเข้ามาจากด้านนอก สีหน้าเย็นชาทะมึน ยิ้มมุมปากอย่างสาแก่ใจว่า “น้องสาม พี่ใหญ่ล้างแค้นให้เจ้าแล้ว ครั้งนี้จวินหย่วนโดนคนของข้าเล่นงาน รั่วจิ่งที่อยู่ข้างกายเขาก็โดนทำลายวรยุทธ์ ตัดเส้นชีพจรขาด เรียกได้ว่าสาสมแล้ว”
มู่ฉิงเซินมองมาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “จัดการกวาดล้างสะอาดแล้วรึ จะให้จวินหย่วนโยวสืบรู้ไม่ได้เด็ดขาดว่าเป็นฝีมือตระกูลมู่เรา”
“วางใจเถอะท่านพ่อ ครั้งนี้ถึงจวินหย่วนโยวจะหนีไปได้ แต่ก็ทำให้องครักษ์เงามังกรสูญเสียไม่น้อยเลย บาดเจ็บสาหัส อีกครู่ข้าจะใช้สาเหตุด้วยเรื่องเผาไหม้กองเสบียงจับตัวจวินหย่วนโยวมา” มู่ฟงบอกอย่างได้ใจ
“พี่ใหญ่ พูดเช่นนี้หมายความว่า คนที่ทำร้ายข้าคือจวินหย่วนโยว ข้าไม่มีความแค้นใดๆกับเขามาก่อน แต่เขากลับทำข้าสิ้นลูกสิ้นหลาน ชั่วร้ายยิ่งนัก พี่ใหญ่ท่านจะปล่อยเขาไปไม่ได้เด็ดขาดนะ” มู่คุนบอกอย่างเคียดแค้น
“ทั่วทั้งเมืองหลวงต้าเยียน นอกจากจวินหย่วนโยวแล้ว ใครจะกล้าแตะต้องคนตระกูลมู่ของเรา วางใจเถอะน้องพี่ มีฮองเฮากับพี่ใหญ่อยู่ ต้องช่วยล้างแค้นให้เจ้าได้แน่” มู่ฟงบอกพลางหมุนตัวจากไป
ตอนนี้จวนซื่อจื่อไม่มีใครคุม เป็นจังหวะดีที่จะกำจัดจวินซื่อจื่อ
มู่ฟงพากองทหารหลวงมุ่งตรงไปจวนซื่อจื่อ องครักษ์หน้าประตูจวนซื่อจื่อเห็นดังนั้น ควักกระบี่ออกมาทันที
“ข้ารับบัญชาจากฝ่าบาทมาจับคนร้ายที่เผาทำลายกองเสบียง หากพวกเจ้าไม่เกี่ยว ก็รีบถอยไป ไม่เช่นนั้นข้าไม่ละเว้นแน่” มู่ฟงแค่นเสียงเย็น
ประตูใหญ่ถูกเปิดออกจากด้านใน โม่เหลิ่งเหยียนมองมาด้วยสีหน้าทะมึน “แม่ทัพมู่มาจวนซื่อจื่ออย่างเอิกเกริกเช่นนี้ ด้วยเหตุอันใดกัน?”
มู่ฟงไม่คิดเลยว่า ซวนอ๋องจะอยู่ที่นี่ “ข้าสืบทราบมาว่าคนร้ายที่เผาทำลายกองเสบียงก็คือจวินหย่วนโยว ข้ารับบัญชาจากฝ่าบาทมาค้นจวน!”
“จวินหย่วนโยวเผาทำลายกองเสบียง นี่มันไอ้สารเลวคนไหนแต่งเรื่องขึ้นมานี่ เขาไม่ว่างขนาดนี้เสียหน่อย” โม่เหลิ่งเหยียนแค่นเสียงเย็น
“เป็นจวินซื่อจื่อหรือไม่ มิใช่ซวนอ๋องเป็นผู้ตัดสิน ขอซวนอ๋องโปรดถอยไปด้วย มิเช่นนั้นอย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ” มู่ฟงพูดอย่างรำคาญ
“หากข้าไม่ถอยเล่า?” โม่เหลิ่งเหยียนแค่นยิ้มมุมปากอย่างหยามหยัน
“ซวนอ๋อง นี่ท่าน—“ มู่ฟงยังพูดไม่ทันจบ ก็มีร่างหนึ่งปราดเข้ามา เขายังไม่ทันรู้ตัว มีดสั้นในมือหมิงจิ่วซางก็พาดติดคอหอยมู่ฟงแล้ว
“กล้าเสียมารยาทต่อซวนอ๋อง ข้าว่าเจ้าคงไม่ต้องการหัวของเจ้าแล้วกระมัง” หมิงจิ่วซางทำท่าจะลงมือ
“ไว้ชีวิตด้วย โปรดไว้ชีวิตด้วย ข้าเองก็ได้ยินคนอื่นพูดมา ขอท่านละเว้นด้วย ซวนอ๋องขออภัยด้วย ข้าเป็นคนหยาบ เมื่อครู่ข้าล่วงเกินแล้ว” มู่ฟงกลับคำพูดทันที
“ที่นี่คือจวนซื่อจื่อ มิใช่ที่ที่เจ้าจะมาอวดเบ่งได้!” โม่เหลิ่งเหยียนตะคอกอย่างทรงอำนาจ
“ข้าเข้าใจ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้” มู่ฟงหวาดกลัวมาก พอเห็นหมิงจิ่วซางคลายมือ ก็รีบพาคนจากไปทันที
จวนซื่อจื่อที่กว้างใหญ่กลับสู่ความสงบอีกครั้ง
พ่อบ้านลั่วซาบซึ้งใจยิ่งนัก “ขอบพระคุณซวนอ๋องที่ยื่นมือเข้าช่วยเมื่อครู่”
หากมิมีซวนอ๋อง น่ากลัวว่ามู่ฟงจะไม่ยอมจากไปง่ายๆแน่ องครักษ์เงามังกรสูญเสียแสนสาหัสแล้ว ต่อให้ยังมีอีกสิบกว่าคน แต่เทียบกับกองทหารหลวงสามพันนายของเมืองหลวงแล้ว ต่อให้สู้กันขึ้นมาก็คงจะพ่ายแพ้ล้มตายทั้งสองฝ่ายเป็นแน่
“มิเป็นไร ข้าแค่ตอบแทนบุญคุณของหยุนถิงก่อนหน้านี้เท่านั้น”