จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 278 ข้าจะต้องเล่นงานเขาให้ตายแน่นอน
“เช่นนั้นข้าจะไม่ถูกคนของตระกูลมู่กินหรอกหรือ” โม่ฉือชิงเบะปาก
“ท่านเป็นถึงองค์ชายสี่ในราชวงศ์ปัจจุบัน มีฝ่าบาทคอยหนุนหลังท่าน ท่านจะกลัวอะไร ยิ่งไปกว่านั้นหลายปีมานี้ตระกูลมู่มีพฤติกรรมแบบไหนไม่มีใครไม่รู้ ไม่แน่ว่าทุกคนยังต้องขอบคุณท่านด้วยซ้ำ” หยุนถิงตอบ
โม่ฉือชิงคิดดูแล้ว รู้สึกว่ามีเหตุผลดี: “เจ้าพูดถูกแล้ว ถึงอย่างไรเสด็จพี่ก็เป็นคนให้ข้ารับช่วงต่อ เกิดเรื่องขึ้นมาก็มีเสด็จพี่คอยรับหน้าอยู่”
“พวกคนเก่าๆก็ไล่ออกให้หมด รับสมัครคนใหม่ ห้ามใช้คนของตระกูลมู่” หยุนถิงเตือนสติ
“ตกลง ทำตามที่เจ้าพูดมา”
ทั้งสองคนคุยกันอีกนานพักใหญ่ ระหว่างนั้นโม่ฉือชิงยังไม่ลืมหยิบพู่กันมาจดใส่กระดาษ จนกระทั่งฟ้ามืดถึงได้ออกจากจวนซื่อจื่อ
“คุยอะไรกับเขาน่ะ คุยกันนานขนาดนี้?” จวินหย่วนโยวเห็นว่าหยุนถิงยุ่งอยู่ ไม่ได้เข้ามารบกวน แต่แล้วก็ต้องรอไปทั้งวัน
“องค์ชายสี่มาขอคำชี้แนะว่าจะกอบกู้ชื่อเสียงร้านค้าของตระกูลมู่ ให้กลับมาเปิดใหม่อย่างไร ข้าก็เลยให้คำแนะนำกับเขาไปเล็กน้อย ท่านว่าฝ่าบาทยึดทรัพย์ตระกูลมู่ที่คร่ำหวอดในสามราชวงศ์ในชั่วข้ามคืน วิธีการที่รวดเร็วดุจฟ้าผ่านี่ช่างร้ายกาจจริงๆ” หยุนถิงอดทอดถอนใจไม่ได้
จวินหย่วนโยวเกี่ยวมุมปากขึ้นมา: “นับแต่โบราณใจของฮ่องเต้คาดเดาได้ยาก ต่อไปเจ้าไม่ไปพระราชวังได้ก็ไม่ต้องไป ฮ่องเต้หวาดระแวง การเข้าใกล้เขามากเกินไปไม่ใช่เรื่องดี”
“ข้าจำเอาไว้แล้ว”
“ฮูหยิน ข้างนอกมีประกาศติดเอาไว้ ขอเพียงเป็นประชาชนของแคว้นต้าเยียนล้วนสามารถสมัครเข้าร่วมการคัดเลือกศิษย์ของหอเทพเซียนในอีกไม่กี่วันให้หลัง ไม่ว่าจะเป็นชายหญิงเด็กหรือผู้ใหญ่” หลงเอ้อที่กลับมาจากข้างนอกรายงาน
หยุนถิงเลิกคิ้ว: “ไปเรียกซีหลิ่วกับเสี่ยวอันจื่อมา”
“ขอรับ” บ่าวรับใช้ไปเรียกทันที
ไม่นานนักเด็กสองคนก็เข้ามา: “พี่สาว ท่านหาพวกเรามีเรื่องอะไร?”
“ช่วงนี้พวกเจ้าก็เรียนความรู้เรื่องยากับข้าไปไม่น้อย อีกไม่กี่วันจะเป็นวันคัดเลือกของหอเทพเซียนแล้ว ข้าวางแผนจะให้พวกเจ้าไปสมัคร แพ้ชนะไม่สำคัญ สิ่งสำคัญคือการเข้าร่วม พาพวกเจ้าหาประสบการณ์” หยุนถิงเสนอแนะ
“พี่สาว ข้าทำได้จริงหรือ?” ซีหลิ่วกล่าวด้วยความตื่นเต้น
“คุณหนูใหญ่ ข้าฟังท่านหมดเลย”
“ได้แน่นอนอยู่แล้ว เราก็ไปหาประสบการณ์ พ่ายแพ้หรือตกรอบก็ไม่เป็นไร ถึงแม้พวกเจ้าจะชนะข้าก็ไม่อยากให้พวกเจ้าเข้าร่วม ไปที่หอเทพเซียนใช้งานไม่ได้จริงอย่างที่ข้าสอนพวกเจ้าแน่นอน” หยุนถิงเอ่ยปาก
“พี่สาว ข้าไป”
หยุนถิงลูบศีรษะของซีหลิ่วกับเสี่ยวอันจื่อ: “พวกเจ้าต้องมีความมั่นใจในตัวเอง ตอนที่พี่อายุเท่าพวกเจ้ายังรู้จักแต่เล่นเกมอย่างเดียว พวกเจ้าเก่งมาแล้ว”
องครักษ์นายหนึ่งออกไปสมัครทันที ทุกการเคลื่อนไหวของเขาถูกพี่น้องชางซื่อที่อยู่ในที่ลับของเวทีสมัครเห็นนานแล้ว
“คิดไม่ถึงจริงๆว่า หยุนถิงบอกว่าตัวเองไม่เห็นหอเทพเซียนอยู่ในสายตา แต่ก็ยังแอบให้คนมาสมัคร น้องสาวโอกาสในการแก้แค้นของเรามาถึงแล้ว” ชางเยว่หมิงกล่าวด้วยความโกรธแค้น
“พี่รอง หยุนถิงทำให้เราสองคนร่ายรำที่หอชุนเฟิง อับอายขายหน้าอย่างมาก ครั้งนี้ไม่ว่าอย่างไรก็จะต้องสับหยุนถิงเป็นหมื่นๆชิ้นให้ได้” ชางหยุนสี่กล่าวอย่างขบเคี้ยวเขี้ยวฟัน
“วางใจ ครั้งนี้ข้าจะต้องทำให้ชื่อเสียงและเกียรติยศของนางป่นปี้ไม่มีชิ้นดีให้ได้” ชางเยว่หมิงสาบาน
ทางด้านนี้หลีอ๋องและหยุนเฉิงเซี่ยงก็กำลังยุ่งอยู่กับเรื่องของหอเทพเซียนในอีกไม่กี่วันตลอด มู่ว่านว่านกับมู่เซียวเซียวเข้าวังเพื่อเข้าเฝ้าฮ่องเต้ ฝ่าบาทจัดให้พำนักที่ที่พักเปลี่ยนม้าหลวงในเมืองหลวง
“พี่ใหญ่ วันนี้ทำไมท่านต้องขอโทษด้วย แถมยังมอบของให้อีก หยุนถิงที่สมควรตายนั่นถึงกับกล้าลอบโจมตีข้า ข้าไม่ปล่อยนางไปแน่” มู่ว่านว่านกล่าวด้วยความโกรธเคือง
มู่เซียวเซียวเอ่ยปากอย่างไม่แยแส: “จวินหย่วนโยวโปรดปรานหยุนถิงคนเดียว ทั่วทั้งต้าเยียนต่างก็รู้กันดี หากเราใช้ท่าทีแข็งกร้าวสู้กลับ ไม่ได้ผลประโยชน์อะไรเลย เจ้าลืมแล้วหรือว่าก่อนเราออกมาท่านพ่อเคยบอกไว้ว่า พบปัญหาต้องใจเย็น และใช้สมอง”
“ดังนั้นพี่ใหญ่ ท่านกำลังบอกว่าข้าโง่?”
“หรือว่าไม่ใช่?”
มู่ว่านว่านเบะปาก: “ข้าก็แค่โกรธจนทนไม่ไหว ถือสิทธิอะไรที่ข้าต้องยอมให้นาง ข้ากลับรู้สึกว่าพี่ใหญ่กับจวินซื่อจื่อเหมาะสมกันมากกว่า หยุนถิงคนนั้นก็แค่ดอกไม้ประดับ นอกจากหน้าตาสวยนิดหน่อยแล้ว ก็ไม่ได้เก่งไปกว่าข้าถึงไหน”
มู่เซียวเซียวได้ยินคำพูดนี้ นัยน์ตามีความยินดีและพึงพอใจแว๊บผ่านไปเล็กน้อย แต่ว่าสีหน้ายังคงอ่อนโยนเหมือนปกติ
“น้องสาวอย่าพูดจาเหลวไหล วันนี้พวกเขารังแกเจ้า ข้าย่อมไม่ปล่อยพวกเขาไปแน่ เมื่อครู่ข้าไปสอบถามมาแล้ว ผู้ที่รับผิดชอบการจัดการแข่งขันคัดเลือกในครั้งนี้คือหลีอ๋องกับหยุนเฉิงเซี่ยง และหยุนเฉิงเซี่ยงก็เป็นพ่อของหยุนถิง หากเกิดความผิดพลาดอะไรขึ้นมาระหว่างการแข่งขัน พ่อของหยุนถิงยากที่จะหลีกเลี่ยงความผิดได้อย่างแน่นอน” มู่เซียวเซียววิเคาะห์
มู่ว่านว่านเต็มไปด้วยความประหลาดใจ: “พี่ใหญ่ท่านช่างฉลาดจริงๆ โอกาสที่ดีขนาดนี้ข้าจะต้องเล่นงานเขาให้ตายแน่นอน”
มู่เซียวเซียวไม่ได้ขัดขวาง ข่าวลือของหยุนถิงนางได้ยินมามากมาย นางก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าหยุนถิงจะเก่งกาจขนาดนั้นจริงหรือไม่
หลายวันต่อจากนั้น หยุนถิงก็ไม่ได้ออกจากจวนเลย แต่อยู่ใส่ยาให้รั่วจิ่งในจวนซื่อจื่อทุกวัน ปรับสมดุลร่างกาย ใช้ครีมยาที่สกัดจากหญ้ากิเลนและเสวี่ยหลิงเซียง นางคัดลอกเอาไว้มากมายในมิติ เช่นนี้ก็ไม่ต้องกังวลว่ารั่วจิ่งจะไม่ฟื้นตัวแล้ว
พริบตาเดียววันคัดเลือกศิษย์ของหอเทพเซียนก็มาถึง
เช้าตรู่ ด้านนอกลานแข่งขันของการแข่งขันคัดเลือกที่คึกคักที่สุดในเมืองหลวงของต้าเยียน ผู้คนมืดฟ้ามัวดิน รายล้อมไปด้วยชาวบ้าน
รอบแรกเป็นการแข่งขันกลางแจ้ง และเป็นการคัดเลือกขั้นต้นด้วย เพราะมีผู้สมัครจำนวนมาก ดังนั้นจึงจัดในพื้นที่เปิดโล่งทางตอนใต้ของถนนสายหลัก
หลีอ๋อง ซวนอ๋อง องค์ชายสี่ทั้งสามคนนั่งอยู่ในที่นั่งหลัก หมอหลวงหลิวแห่งโรงหมอหลวงพาบรรดาหมอหลวงนั่งอยู่ด้านขวา มู่เซียวเซียวกับมู่ว่านว่านตัวแทนของหอเทพเซียนนั่งอยู่ทางด้านซ้าย ชางเยว่หมิงกับชางหยุนสี่อยู่ในฐานะแขกคนสำคัญ ถูกจัดให้อยู่ในที่นั่งของแขกสำคัญ ทุกคนนั่งลงไปแล้ว องครักษ์วังหลวงมีหน้าที่รับผิดชอบรักษาความสงบเรียบร้อย การแข่งขันที่ยิ่งใหญ่ได้เริ่มต้นขึ้นเช่นนี้
“การแข่งขันรอบแรกคือการรู้จักยาสมุนไพร รอบละสิบคน จับฉลากจากในกล่องหนึ่งใบ แต่ละใบจะมีสมุนไพรสิบชนิด ทุกคนหยิบถาดของตัวเองไปหยิบยาที่ตู้ยาสมุนไพรที่อยู่ทางนั้น หยิบเสร็จแล้วก็ส่งไปให้หมอหลวงที่อยู่ทางด้านซ้ายตรวจสอบ ขอเพียงเป็นผู้ที่ตอบถูกหมดหมอหลวงก็จะแจกป้ายให้หนึ่งอัน มีเพียงคนที่ถือป้ายเท่านั้นถึงจะสามารถเข้าร่วมการแข่งขันรอบต่อไปได้” องครักษ์นายหนึ่งประกาศกฎระเบียบเสียงดัง ทันทีที่เสียงกลองดังขึ้น ทุกคนก็รีบเข้าแถวเพื่อจับฉลากทันที
“พี่รอง ทำไมข้าถึงไม่เห็นหยุนถิงล่ะ นางคงจะไม่ได้ไม่กล้ามาใช่ไหม?” ชางหยุนสี่เอ่ยปากถาม
“รอไปก่อน เจ้าดูสิข้างกายขององค์ชายสี่ยังมีที่นั่งว่างอยู่สองที่ ไม่แน่ว่าหยุนถิงอาจจะกำลังเดินทางมาอยู่” ชางเยว่หมิงตอบ
“ตกลง” ชางหยุนสี่กล่าวด้วยความได้ใจ
นางกับพี่รองจัดสถานการณ์ที่น่าอายเอาไว้ ขอเพียงแค่หยุนถิงเข้าร่วม นางจะต้องทำเรื่องตลกและน่าอายต่อหน้าผู้คนมากมายแน่นอน
แต่คิดไม่ถึงว่า การแข่งขันผ่านไปรอบแล้วรอบเล่า กลับไม่เห็นหยุนถิงเลย ทีนี้คนที่ร้อนใจไม่ได้มีเพียงพี่น้องชางซื่อ ยังมีพี่น้องตระกูลมู่ด้วย
“พี่ใหญ่ หยุนถิงคนนี้ไม่มาเข้าร่วมการแข่งขันคัดเลือกจริงๆ นางคงไม่ได้จะไม่อยากเข้าร่วมหอเทพเซียนจริงๆใช่ไหม?” มู่ว่านว่านเอ่ยปาก
“วันนี้เราคือกรรมการ ห้ามก่อเรื่อง” มู่เซียวเซียวกล่าวกำชับ
“อ้อ”
ถึงแม้มู่เซียวเซียวจะพูดเช่นนี้ แต่ในใจของนางก็กำลังสงสัยอยู่ หยุนถิงคนนี้ไม่อยากจะเข้าร่วมกับหอเทพเซียนจริงหรือ หรือว่านางแสร้งทำเป็นเล่นอุบายให้คนคาดเดาไม่ได้ และปรากฏตัวในนาทีสุดท้าย
จวนซื่อจื่อ
หยุนถิงที่กำลังใส่ยาให้กับรั่วจิ่ง จู่ๆก็จามขึ้นมา
“ฮูหยิน เจ้าเป็นหวัดใช่ไหม ถ้าอย่างไรพักผ่อนหน่อยดีไหม?” จวินหย่วนโยวกล่าวด้วยความเป็นห่วง
“ไม่ต้องหรอก ต้องมีคนด่าข้าอยู่แน่นอน วันนี้เป็นรอบคัดเลือกเชื่อว่าหลายคนกำลังรอดูข้าแสดงความเซ่อซ่าออกมา น่าเสียดาย ทำให้พวกเขาผิดหวังแล้ว” มุมปากของหยุนถิงยกขึ้นมาอย่างดูหมิ่น