จอมนางข้ามภิภพ – บทที่ 280 สิทธิที่ว่าข้าเห็นเจ้าขัดหูขัดตา

จอมนางข้ามภิภพ

จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 280 สิทธิที่ว่าข้าเห็นเจ้าขัดหูขัดตา

โม่ฉือหานเหลือบมองเขาด้วยความรังเกียจครู่หนึ่ง: “รีบไปเลย!”

โม่ฉือชิงยืนขึ้นและเดินตรงไปด้านหลังเวทีสูง เพียงแต่ว่าเขาไม่ได้ไปที่ห้องน้ำ แต่เดินอ้อมฝูงชน ตรงไปทางด้านซีหลิ่วกับเสี่ยวอันจื่อ

เขาเคยเห็นเด็กสองคนนี้ที่จวนซื่อจื่อ รู้ว่าพวกเขาคือคนของหยุนถิง เห็นพวกเขาผ่านเข้ารอบแล้ว รีบมาแสดงความยินดีทันที

“ท่านแม่ ข้าผ่านรอบคัดเลือกแล้ว เหมือนฝันไปเลย” ซีหลิ่วกล่าวด้วยความตื่นเต้น

“น้าซู ข้าก็ผ่านแล้วเหมือนกัน” บนใบหน้าของเสี่ยวอันจื่อก็เต็มไปด้วยความสุขเช่นกัน

เบ้าตาของซูหลินแดงก่ำด้วยความปลื้มใจ ตอนเช้านางส่งลูกสองคนมา มองดูอยู่ด้านล่างเวทีตลอด ประหม่ามากกว่าเด็กๆเสียอีก ซูหลินหลั่งน้ำตาออกมาแล้ว

“ช่างดีจริงๆ ข้ารู้อยู่แล้วว่าพวกเจ้าต้องผ่านแน่นอน นี่ล้วนเป็นความชอบของคุณหนูใหญ่ทั้งนั้น เพราะนางสอนได้ดี เรากลับไปบอกข่าวดีให้คุณหนูใหญ่เดี๋ยวนี้แหละ” ซูหลินกล่าวด้วยความตื่นเต้น

“ตกลง”

“เสี่ยวอันจื่อ ซีหลิ่วยินดีกับพวกเจ้าด้วย สมกับเป็นคนที่หยุนถิงสอน” องค์ชายสี่กล่าวชม

“ขอบพระทัยองค์ชายสี่มาก” ซูหลินคำนับ

“กับข้าไม่ต้องเกรงใจหรอก รีบกลับไปเถอะ บอกหยุนถิงว่าการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศคืออีกสามวันให้หลัง รอคอยการแสดงออกของพวกเจ้า” โม่ฉือชิงก็ปลื้มใจอย่างยิ่ง

“ตกลง”

ซูหลินกับองครักษ์สองนายพาเด็กๆจากไป โม่ฉือชิงเหลือบมองทุกคนที่กำลังแข่งขันอยู่บนเวทีสูงนั่นครู่หนึ่ง หันหลังไปคอยดูพวกที่ตกแต่งร้านค้าของตระกูลมู่

ส่วนการแข่งขันที่น่าเบื่อแบบนี้ โม่ฉือชิงไม่สนใจหรอก

จวนซื่อจื่อ หยุนถิงให้พ่อบ้านทำอาหารหรูหราเอาไว้เต็มโต๊ะในคืนนั้นแลย ฉลองที่ซีหลิ่วกับเสี่ยวอันจื่อผ่านการคัดเลือกในรอบแรก ทั่วทั้งจวนซื่อจื่อกินดื่มและพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน ครึกครื้นอย่างยิ่ง

ไม่ช้าก็ถึงการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศของหอเทพเซียนในอีกสามวันให้หลัง

ทั่วทั้งต้าเยียนคนที่ผ่านการคัดเลือกมีถึงสองสามร้อยคน ดังนั้นการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศจึงจัดขึ้นที่สนามฝึกพระราชวัง

คนที่ผ่านเข้ารอบการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศก็มาถึงสนามฝึกกันแต่เช้า วันนี้คนที่นั่งบัญชาการยังคงเป็นหลีอ๋อง ซวนอ๋อง กับองค์ชายสี่และคนอื่นๆ

เพราะฮ่องเต้ส่งซูกงกงไปถ่ายทอดคำพูด ให้จวินหย่วนโยวกับหยุนถิงก็เข้าร่วมด้วย เพียงแต่ว่าการแข่งขันเริ่มต้นขึ้นแล้วสองคนนี้ก็ยังไม่มา

“ครั้งนี้คุณหนูหยุนยังไม่มาอีก?” ชางเยว่หมิงถาม

“องค์ชายรองดูจะห่วงใยคุณหนูหยุนมาก เจ้าถามเช่นนี้คือต้องการจะวางแผนทำร้ายหยุนถิงใช่ไหม?” โม่ฉือชิงกล่าวอย่างไม่เกรงใจเลยแม้แต่น้อย

ชางเยว่หมิงสีหน้าดำมืดทันที: “องค์ชายสี่เจ้าอย่าพูดจาเหลวไหล——”

“จวินซื่อจื่อ คุณหนูหยุนมาถึงแล้ว!” กงกงคนหนึ่งตะโกนขึ้นมา

คนอื่นๆล้วนพากันมองมา จวินหย่วนโยวสวมชุดคลุมสีดำ เข้ากันกับรูปร่างที่สูงเพรียวของเขา ใบหน้าที่เย็นชาราวกับมีดที่ลับคม ขอบและมุมชัดเจน รูม่านตาดำเฉียบคมลึกล้ำ รอบๆตัวแฝงไปด้วยการปฏิเสธคนไม่ให้ใครเข้าใกล้ที่เย็นยะเยือก

และหยุนถิงที่อยู่ด้านข้าง สวมชุดผู้ชายสีขาวทั้งชุด ท่าทางกล้าหาญทรงพลัง หล่อเหลาอย่างมาก ยืนอยู่ข้างกายของจวินหย่วนโยว ทั้งสองคนหนึ่งขาวหนึ่งดำดึงดูดสายตานับไม่ถ้วนในชั่วพริบตา

“หยุนถิง ทำไมเจ้าถึงสวมชุดผู้ชายมาล่ะ?” โม่ฉือชิงถาม

“ซื่อจื่อของข้ากลัวว่าข้าแต่งชุดผู้หญิงแล้วจะงดงามเกินไป จะทำให้พวกท่านหลงใหล และส่งผลกระทบต่อการแข่งขัน” หยุนถิงกล่าวอย่างไม่ถ่อมตนเลยแม้แต่น้อย

โม่ฉือชิงเบ้ปาก แต่กลับไม่ได้โต้แย้ง

หยุนถิงนั่งลง หยิบถุงกระดาษออกมา และแทะเมล็ดแตงโม

“เจ้ายังนำเมล็ดแตงโมมาด้วยหรือ ให้ข้าหน่อย ใช้ฆ่าเวลาได้พอดี” โม่ฉือชิงเอ่ยปาก

หยุนถิงหยิบออกมาจากกระเป๋าอีกหนึ่งถุง โยนให้เขา ดังนั้นทั้งสองคนจึงเริ่มแทะเมล็ดแตงโมกันขึ้นมา

“หยุนถิงเจ้าถึงกับแทะเมล็ดแตงโมในสนามแข่งขัน นี่มันจะเกินไปแล้วนะ!” มู่ว่านว่านกล่าวด้วยความโกรธ

หยุนถิงมองไปทางนางอย่างดูหมิ่น: “ข้ากินอะไรแล้วมันเกี่ยวอะไรกับเจ้าด้วย ฝ่าบาทไม่ได้ทรงตรัสว่าห้ามแทะเมล็ดแตงโมนิ ข้าไม่ได้แทะเมล็ดแตงโมบ้านเจ้าเสียหน่อย ยุ่งอะไรด้วย?”

“เจ้า เจ้าถึงกับหยาบคายเช่นนี้ ช่างสมควรตายจริงๆ!”

“ทำไม คุณหนูรองมู่ยังอยากจะถูกตบอีกหรือ?” จวินหย่วนโยวถามกลับอย่างแข็งกร้าว

คำพูดประโยคเดียว มู่ว่านว่านปิดแก้มที่ถูกจวินหย่วนโยวตบจากระยะไกลเมื่อหลายวันก่อนโดยสัญชาตญาณ อารมณ์โกรธก็หายไปทันที

“ซื่อจื่อโปรดอภัย น้องสาวข้าคนนี้เสียมารยาทไป ขอซื่อจื่อโปรดอย่าได้ถือสา” มู่เซียวเซียวกล่าวด้วยสีหน้าไม่พอใจ

“ขอโทษฮูหยินของข้าซะ!” จวินหย่วนโยวออกคำสั่ง

“ถือสิทธิอะไร นางเป็นคนแทะเมล็ดแตงโมก่อนแท้ๆ อีกอย่าง ข้าก็ไม่ได้พูดอะไรด้วย?” มู่ว่านว่านกล่าวด้วยความไม่พอใจ

“ก็สิทธิที่ข้าเห็นเจ้าขัดหูขัดตา หากไม่อยากถูกคนของข้าจับโยนออกไปจากพระราชวังต้าเยียน ก็ขอโทษซะ!”

เผชิญหน้ากับความแข็งกร้าวและเย็นชาของจวินซื่อจื่อ มู่ว่านว่านย่อมไม่ใช่คู่ต่อสู้อยู่แล้ว มองไปทางพี่ใหญ่ของตัวเองโดยสัญชาตญาณ นางที่ต้องการจะขอความช่วยเหลือเห็นพี่ใหญ่พยักหน้าให้นาง ถึงได้ขอโทษด้วยความไม่เต็มใจ

“ขอโทษ!”

“ข้าไม่ได้ยิน” หยุนถิงจงใจกล่าว

มู่ว่านว่านค้อนนางอย่างแรงครู่หนึ่ง: “ขอโทษ!”

เสียงพูดที่ดังลั่น ทั่วทั้งสนามฝึกล้วนได้ยินกันหมด ต่างก็พากันทอดถอนใจว่าซื่อจื่อช่างโปรดปรานคุณหนูหยุนคนเดียวจริงๆ ต่อไปอย่าได้ไปล่วงเกินคุณหนูหยุนเด็ดขาด

หยุนถิงรู้สึกพอใจอย่างยิ่ง แทะเมล็ดแตงโมต่อไป

เมื่อเห็นว่าถึงคิวซีหลิ่วกับเสี่ยวอันจื่อแล้ว พวกเขาทั้งคู่ล้วนเป็นเด็กถูกจัดให้อยู่กลุ่มเดียวกัน

หยุนถิงไม่ได้รู้สึกเป็นห่วงเลยแม้แต่น้อย พวกเขาล้วนเป็นคนที่ตัวเองสอนมาเองกับมือ

เมื่อเห็นว่าพวกเขาทั้งคู่จัดการปรุงครีมยาเสร็จแล้ว ส่งไปให้กับหมอหลวง บรรดาหมอหลวงตรวจสอบเสร็จทีละคน จากนั้นก็ให้ผู้อาวุโสสามท่านของหอเทพเซียนตรวจสอบ สุดท้ายก็ให้องครักษ์กับขันทีที่อยู่ด้านข้างสรุปผลลัพธ์ทันที

“ซีหลิ่วกับเสี่ยวอันจื่อตกรอบ!”

สีหน้าของหยุนถิงเคร่งขรึมทันที: “เพราะเหตุใด?”

คนอื่นๆเห็นนางเอ่ยปาก ล้วนพากันมองมาด้วยความอยากรู้อยากเห็น

“คุณหนูหยุน ยาที่เด็กสองคนนี้ปรุงใช่ครีมยาที่ไหน นี่มันเหลวไหลชัดๆ พวกเขาเอาครีมยาที่พึ่งพาและข่มซึ่งกันและกันผสมเข้าด้วยกัน นี่ถ้าหากให้คนใช้มันจะไม่เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นมาหรอกหรือ!” ผู้อาวุโสท่านหนึ่งเอ่ยปาก

ซีหลิ่วกับเสี่ยวอันจื่อที่อยู่ด้านข้างเต็มไปด้วยความผิดหวัง ประหม่าจนไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี

“ท่านแม่ขอโทษด้วย” ซีหลิ่วก้มหน้าลง

ซูหลินปลอบโยนเด็กทั้งสองคน: “ไม่เป็นไร ตกรอบก็ไม่เป็นไร เราก็แค่มาหาประสบการณ์เท่านั้น”

ถึงแม้ก่อนที่จะมา หยุนถิงก็บอกกับพวกเขาแล้ว แต่ถูกคัดออกในทันที ในใจของเด็กทั้งสองคนก็ยังรู้สึกอึดอัดอย่างมาก

หยุนถิงลุกขึ้นเดินเข้ามา แววตาเย็นชาเยาะเย้ย: “ผู้อาวุโสท่านนี้ ท่านยังไม่ได้ลองผลลัพธ์ด้วยซ้ำ แค่เพราะตัวเองไม่เคยเห็นมาก่อน อาศัยแค่ประสบการณ์สมัยเก่าของท่านก็จะมาคัดคนออก ท่านเอาหน้ามาจากไหน!”

“เจ้า ผู้หญิงอย่างเจ้าพูดจาไร้มารยาทเกินไปแล้ว ข้าเป็นถึงผู้อาวุโสของหอเทพเซียน เคยเห็นลูกศิษย์กับครีมยามานับไม่ถ้วน ของเล่นเด็กเช่นนี้ไม่คู่ควรกับการเข้าร่วมการแข่งขันเลยด้วยซ้ำ!” ผู้อาวุโสท่านนั้นกล่าวด้วยความโกรธ

หยุนถิงเลิกคิ้วเหลือบมองไปทางบรรดาหมอหลวงที่อยู่ด้านหลัง: “พวกท่านก็คิดว่าไม่คู่ควรหรือ?”

หมอหลวงหลิวตกใจจนตัวสั่น สีหน้าของหมอหลวงคนอื่นๆก็ยิ่งไม่น่าดู ซื่อจื่อโปรดปรานคุณหนูหยุนคนเดียว ทั่วทั้งต้าเยียนต่างก็รู้ดี ฟังความหมายของคุณหนูหยุนคือคิดว่าผู้อาวุโสไม่ยุติธรรม หากพวกเจ้าเห็นด้วยกับผู้อาวุโส มันจะไม่ใช่การเป็นศัตรูกับคุณหนูหยุนหรอกหรือ หากว่าคัดค้าน มันจะไม่เป็นการทำลายความสัมพันธ์ของต้าเยียนกับหอเทพเซียนหรอกหรือ

“คุณหนูหยุน บางทีเรื่องนี้อาจจะมีการเข้าใจผิดกัน พวกเราเหล่าหมอหลวงตรวจสอบดูแล้ว ก่อนหน้านี้ไม่มีใครใช้วิธีปรุงยาที่ข่มกันเช่นนี้มาก่อนจริงๆ หากคุณหนูหยุนสามารถพิสูจน์ประโยชน์ของพวกมันได้ ผลลัพธ์ข้าสามารถพิจารณาใหม่ได้?” หมอหลวงหลิวกล่าวอย่างนุ่มนวล

เขาไม่ได้ปฏิเสธหยุนถิง ยิ่งไม่ได้กล่าวยืนยันตายตัว ถือว่าเป็นการไว้หน้าหยุนถิงแล้ว

“ตกลง ข้าจะพิสูจน์เดี๋ยวนี้!” หยุนถิงกล่าว

จอมนางข้ามภิภพ

จอมนางข้ามภิภพ

Status: Ongoing
นางเป็นบุตรีเอกแห่งจวนเฉิงเสี้ยง เป็นยัยอัปลักษณ์ไร้ค่าผู้ฉาวโฉ่ กลับมีรักแรกพบกับหลีอ๋อง คะยั้นคะยอจะอภิเษกสมรสกับหลีอ๋องอย่างไม่กลัวสิ่งใด ณคืนวันอภิเษกถูกหลีอ๋องทำอัปยศอดสูจนตายพอลืมตาขึ้นดันทะลุมิติมาอีกภพหนึ่งกลายเป็นศาสตราจารย์หมอพิษสมัยใหม่ควบสองบัณฑิต คนที่เคยรังแกนาง มันต้องเอาคืนเป็นร้อยเท่าพันเท่า นาง…จัดการกับพวกสันดานชั่วอย่างออกนอกหน้า หาเงินอย่างถ่อมตน มัสมบัติระรวยใต้หล้า เพื่อหลุดพ้นจากหลีอ๋อง เลยแต่งในฐานะนางสนมของซื่อจื่อ กลับคิดไม่ถึงว่าจะไปกระตุกหนวดเสือให้เข้าแล้ว เขาเป็นซื่อจื่อผู้ป่วยเสาะแสะ สุขุมอ่อนโยน เย็นชาเจ้าเล่ห์ ร่างมีพิษที่จะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน หยุนถิงเป็นคนช่วยเขาแก้พิษ ทำให้เขากลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง เขาสาบานว่า จะอยู่กินกับนางแต่เพียงผู้เดียว หลังแต่งงาน นางนวดเอวที่ปวดอยู่ เตะเขาลงจากเตียง:“รับจดหมายรักจากหญิงอื่น ยังกล้ามานอนกับหม่อมฉันอีกรึ?” เขารีบอธิบาย:“น้องนาง ข้าผิดไปแล้ว ใครกล้ามาแย่งข้าไปจากเจ้า ข้าจะตัดขานางให้รู้แล้วรู้รอด” นางยักคิ้วหลิ่วตา:ก็ท่านนี่แหละที่เป็นต้นเหตุ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท