จอมนางข้ามพิภพ บทที่281 ช่างน่าเบื่อยิ่งนัก มีเพียงหยุนถิงเท่านั้นแหละที่ทนเจ้าได้
ทุกคนต่างก็หันมามอง และคาดหวังการกระทำต่อไปของหยุนถิงเป็นอย่างมาก เพราะหยุนถิงมักจะทำให้ความรู้ความเข้าใจของทุกคนเปลี่ยนใหม่ไปครั้งแล้วครั้งเล่า และค่อยทำให้ทุกคนตื่นตกใจอยู่เสมอ
เห็นหยุนถิงหันมองซีหลิ่วที่อยู่ข้างๆ: “บอกทุกคนหน่อยสิว่าสิ่งที่เจ้าทำคืออะไร มีสรรพคุณอะไร”
ซีหลิ่วหันมองหยุนถิง หายใจเข้าลึกๆแล้วค่อยพูดว่า:”ยาทานี้ของข้าสามารถกำจัดสิวบนใบหน้าของคนออกได้ เป็นชนิดแบบสำหรับความงามและบำรุงผิวพรรณ ท่านแม่เหนื่อยมากที่ดูแลข้าทุกวัน ข้าเห็นว่าช่วงนี้บนใบหน้าของนางขึ้นสิวเยอะ ดังนั้นจึงทำสิ่งออกมานี้ ใช้เพียงแค่ไม่กี่ครั้งก็สามารถกำจัดสิวบนใบหน้าให้หายได้”
สีหน้าของผู้อาวุโสสามมืดครึ้มลง: “ทำของบ้าบออะไรกัน ร่างกายและผมเป็นสิ่งที่พ่อแม่มอบให้ เด็กคนหนึ่งกลับรู้จักวิธีกำจัดสิว เป็นเรื่องตลกชัดๆ”
“เป็นเรื่องตลกหรือไม่ ลองดูก็รู้” หยุนถิงทำเสียงเชอะ และชำเลืองมองนางกำนัลและขันทีที่กำลังมุงดู: “หน้าผู้ใดมีสิว ล้วนสามารถมาลองดูได้ โดยไม่เสียเงินใดๆ”
นางกำนัลและขันทีหลายคนต่างก็เคยได้รับความช่วยเหลือจากหยุนถิงมาก่อน เมื่อทุกคนได้ยินหยุนถิงพูดเช่นนี้ คนที่มีสิวบนใบหน้าก็รีบวิ่งเข้ามาในทันที
นางกำนัลห้า หกคนเดินออกมา คนที่สามารถทำให้คุณหนูหยุนปกป้องและสนับสนุนนั้น คงไม่เลวนัก และที่สำคัญคือไม่ต้องเสียเงินด้วย แน่นอนว่าทุกคนต่างก็จะไม่เกรงใจอยู่แล้ว
“อืม ด้วยความที่พวกเจ้าไว้วางใจซีหลิ่วมากเช่นนี้ เดี๋ยวจะส่งให้พวกเจ้าคนล่ะขวด” หยุนถิงพูดอย่างใจกว้าง และหยิบเครื่องมือด้วยตนเองแล้วมาช่วยทาลงบนในหน้าของพวกนาง
ทุกคนดีใจยิ่งนัก ไม่คิดว่าคุณหนูหยุนผู้สูงศักดิ์มาโดยตลอดนั้น จะมาทายาให้พวกเขาด้วยตนเอง รู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่ง
“หยุนถิง ข้าก็มีสิวขึ้นเช่นกัน เจ้าก็ช่วยข้าทาหน่อยเถอะ” โม่ฉือชิงอดไม่ได้ที่จะพูด ทันใดนั้นก็รู้สึกอิจฉานางกำนัลเหล่านั้นมาก
ไม่รอหยุนถิงตอบกลับ สีหน้าของจวินหย่วนโยวก็เย็นชาลง: “โม่ฉือชิง เจ้าอยากตายแล้วใช่หรือไม่”
เสียงอันเย็นชามาพร้อมกับบรรยากาศที่น่ากลัวและอึมครึม โม่ฉือชิงตกใจจนตัวสั่นเล็กน้อย รีบนั่งตัวตรง: “ข้าก็แค่ล้อเล่น เจ้าจะจริงจังเช่นนี้ทำไม”
จวินหย่วนโยวกลอกตาใส่เขา: “ข้าไม่เคยล้อเล่น”
“ช่างน่าเบื่อยิ่งนัก มีเพียงหยุนถิงเท่านั้นแหละที่ทนเจ้าได้”
“มีนางก็เพียงพอแล้ว!”
มู่เซียวเซียวเห็นว่าจวินซื่อจื่อทะเลาะกับองค์ชายสี่เพราะหยุนถิง ในดวงตามีความหึงหวงและอิจฉาแวบผ่านไป
สามารถทำให้ซื่อจื่อใส่ใจมากเช่นนี้ แต่น่าเสียดายที่ไม่ใช่ตน แต่เป็นหยุนถิง
“พี่รอง เจ้าว่าหยุนถิงสามารถพิสูจน์ได้จริงหรือ?” ชางหยุนสี่ทำหน้าสงสัย นางแค่อยากเห็นหยุนถิงขายหน้า
“ใครจะไปรู้ ถ้านางชอบอวดดี ก็ปล่อยนางไปเถอะ” ชางเยว่หมิงชำเลืองมองอินทรีทองที่บินอยู่บนฟ้า แสยะปากแล้วพูด
คราวนี้ ชางเยว่หมิงฉลาดขึ้นแล้ว ทำไมต้องโต้เถียงทะเลาะกันในที่สาธารณะด้วย เพียงแค่แอบลงมือร้ายลับหลังก็ได้แล้วไม่ใช่หรือ
ชางหยุนสี่เองก็เห็นนกอินทรีทองที่บินวนอยู่เหนือหัวของนางเช่นกัน จึงคิดอยากจะจัดการหยุนถิง แต่ก็ไม่กล้ากำเริบเสิบสาน เพราะนางถูกอินทรีทองโจมตีจนกลัวแล้ว
“ยาทานี้ต้องรอหนึ่งก้านธูปถึงจะเห็นผลลัพธ์ มาดูของเจ้าหนูนี้ก่อน เจ้ามาแนะนำ” หยุนถิงกล่าว
เสี่ยวอันจื่อมองดูทุกคนด้วยสีหน้าที่จริงจัง หยิบชามของเหลวที่เหมือนน้ำนั้นแล้วเดินไปหาผู้อาวุโสท่านนั้น
สีหน้าของผู้อาวุโสสามเย็นชาลง: “เจ้าจะทำอะไร?”
“ผู้อาวุโส ล่วงเกินแล้ว” เสี่ยวอันจื่อกล่าว จากนั้นก็คว้าน้ำหนึ่งกำมือแล้วขว้างไปใส่หน้าผู้อาวุโส
“เจ้า เจ้าหนู——”ผู้อาวุโสยังพูดไม่จบ คนทั้งคนก็ยืนนิ่งอย่างไม่ขยับใดๆ ดวงตาทั้งคู่ว่างเปล่าและไร้ชีวิตชีวา
“ท่านชอบอะไรเป็นพิเศษ บอกมาเถอะ?” เสี่ยวอันจื่อถาม
จากนั้นก็เห็นผู้อาวุโสสามเอ่ยขึ้นว่า: “ข้าชอบศึกษาเรียนรู้เรื่องยา เวลาว่างๆก็ไปดื่มชาที่โรงน้ำชา แต่หน้าต่างที่ข้าเลือกเป็นหน้าต่างที่อยู่ตรงข้ามกับหอโคมแดง สามารถมองเห็นหญิงสาวในนั้นได้พอดี เพลงที่ร้องนั้น และเอวบางที่บิด——-”
ทุกคนต่างก็หันมองมาด้วยความตกใจ: “นึกไม่ถึงเลยว่ายาของเด็กคนนี้จะควบคุมผู้อาวุโสได้ แถมยังทำให้เขาพูดความลับเช่นนี้ออกมาได้อีก”
“คิดไม่ถึงจริงๆเลยว่าผู้อาวุโสของหอเทพเซียนจะเป็นชายชราที่หลายใจเช่นนี้ ขายหน้าจริงๆเลย หากไม่ใช่เพราะน้ำยาของเด็กคนนี้ เกรงว่าทุกคนคงถูกเขาหลอกลวงไปแล้ว”
“ในฐานะผู้อาวุโส แก่แล้วยังไม่เจียมตัวเช่นนี้ ไร้ยางอายจริงๆเลย ตอนแรกข้ายังรู้สึกเป็นการเทิดเกียรติให้บรรพบุรุษยิ่งนักที่ได้เข้าหอเทพเซียน แต่ทำไมตอนนี้ข้ากลับรู้สึกว่าการถูกคัดออกนั้นเป็นโชคที่ดียิ่งนัก”
เมื่อได้ยินการสนทนาของฝูงชน สีหน้าของมู่ว่านว่านก็ดูแย่ลง: “พวกเจ้าหุบปากซะ ห้ามพูดไปมั่ว ต้องเป็นเพราะเด็กคนนี้ใช้คาถาบางอย่างทำให้ผู้อาวุโสสับสนไปแน่นอน”
“นี่เจ้ากำลังพูดโกหกหน้าไม่อายชัดๆ ทุกคนต่างก็เห็นอย่างชัดเจนว่านั้นคือผู้อาวุโสของหอเทพเซียน ใครจะไปสะกดจิตเขาได้ เรื่องที่เขาผ่านมาเยอะยิ่งกว่าอะไรอีก หากไม่ใช่เพราะเขาเป็นคนทำเอง เขาจะพูดออกมาได้หรือ” องครักษ์คนหนึ่งตอบโต้
สีหน้าของมู่ว่านว่านมืดครึ้ม โกรธยิ่งนัก รีบหันไปมองพี่ใหญ่
สีหน้าของมู่เซียวเซียวก็ดูไม่ดีเช่นกัน คิดไม่ถึงว่าผู้อาวุโสสามจะเป็นคนเช่นนี้ หากปล่อยให้เขาพูดต่อไป ก็จะทำให้หอเทพเซียนขายหน้า
เห็นมู่เซียวเซียวหยิบถ้วยชาบนโต๊ะขึ้นแล้วขว้างลงบนพื้นอย่างแรง
“ปัง!” เสียงของแตกที่คมชัดดังขึ้น
ทันใดนั้นผู้อาวุโสสามก็ได้สติขึ้นในทันที มองดูเด็กที่ยืนอยู่ข้างหน้าเขา: “เจ้าหนู เจ้าทำอะไรกับข้า เกิดอะไรขึ้นในเมื่อครู่นี้?”
“ผู้อาวุโสสาม เจ้ารีบบอกทุกคนว่าเจ้าไม่ได้ไปดื่มน้ำชาที่โรงน้ำชา ดูผู้หญิงในหอโคมแดงร้องเพลงและเต้นรำ?” มู่ว่านว่านว่านพูดอย่างโกรธเคือง
ผู้อาวุโสสามตัวแข็งทื่อ: “เจ้ารู้ได้อย่างไร?”
ประโยคหนึ่ง เท่ากับสารภาพออกมาโดยไม่ต้องบังคับ
“ทุกคนได้ยินแล้วใช่หรือไม่ ผู้อาวุโสสามเองก็ยอมรับแล้ว แก่แล้วไม่รู้จักเจียมตัวเช่นนี้ คนที่ประพฤติตัวไม่เหมาะสมเช่นนี้ก็สมควรเป็นผู้อาวุโสของหอเทพเซียนด้วยหรือ ข้าจะไปบอกให้เสด็จพี่ทราบเดี๋ยวนี้เลย หากให้ผู้อาวุโสเยี่ยงนี้มาเป็นผู้ตัดสิน เช่นนี้การแข่งขันคัดเลือกในวันนี้ก็ไม่จำเป็นต้องจัดแล้ว และไม่รู้ว่าความประพฤติและคุณธรรมของผู้อาวุโสคนอื่นๆของหอเทพเซียนเป็นอย่างไรกัน” โม่ฉือชิงรีบพูดขึ้นอย่างดังทันที
สีหน้าของผู้อาวุโสอีกสองคนมืดครึ้ม และจ้องมองผู้อาวุโสสามด้วยความโกรธ
“กล้าทำให้หอเทพเซียนขายหน้า หลีกไปซะ เดี๋ยวกลับไปส่องกระจกชะโงกดูเงาตัวเองที่หอเทพเซียน และห้ามออกมาเด็ดขาด” ผู้อาวุโสจ้องมองด้วยความโกรธ
ผู้อาวุโสสามรู้สึกไม่เต็มใจเล็กน้อย และไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เมื่อเผชิญกับการดุว่าของผู้อาวุโสสอง เขาก็ไม่กล้าโต้เถียง: “ออ”
“ทุกคน ข้าขอโทษสำหรับเรื่องที่เกิดขึ้น ผู้อาวุโสสามประพฤติมิชอบ หอเทพเซียนของพวกข้าจะไม่มีวันละเลยเด็ดขาด จะลงโทษเขาอย่างแน่นอน นับจากนี้ไปยกเลิกสิทธิการเป็นผู้ตัดสินของผู้อาวุโสสามทิ้ง ข้าขอรับรองกับทุกคนในที่นี้ว่า ข้าและผู้อาวุโสสี่ไม่มีปัญหาเช่นนี้อย่างแน่นอน และคนอื่นๆในหอเทพเซียนก็ไม่มีปัญหาเช่นนี้เหมือนกัน
การแข่งขันครั้งใหญ่ของหอเทพเซียน จัดขึ้นเพื่อคัดเลือกผู้ที่มีความสามารถพิเศษด้านการแพทย์จากสี่แคว้นนี้ อีกสามแคว้นได้ทำการคัดเลือกเสร็จสิ้นไปแล้ว หากแคว้นต้าเยียนไม่เข้าร่วมต่อ ไม่เพียงแต่หอเทพเซียนเท่านั้นที่จะสูญเสีย แต่ยังเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่สำหรับแคว้นต้าเยียนด้วย และไม่ยุติธรรมต่อผู้เข้าแข่งขันคนอื่นๆด้วยเช่นกัน ดังนั้นขอให้องค์ชายสี่อย่ารบกวนฝ่าบาทเลย “ผู้อาวุโสสองกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม ไม่สูงส่งไม่ต่ำต้อย
โม่ฉือชิงหันมองหยุนถิงโดยสัญชาตญาณ เห็นนางพยักหน้าเล็กน้อย จึงค่อยพูดว่า: “ในเมื่อผู้อาวุโสสองก็พูดเช่นนี้แล้ว เช่นนั้นข้าก็ให้แก่หน้าเจ้าหน่อยละกัน แข่งต่อเถอะ”
ผู้อาวุโสสองแอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก เหลือบมองหยุนถิง คิดไม่ถึงว่าองค์ชายสี่ผู้สูงศักดิ์เช่นนี้ทำอะไรก็ต้องดูสีหน้าของนางด้วย หยุนถิงผู้นี้ไม่ธรรมดาจริงๆเลย