จอมนางข้ามภิภพ – บทที่ 283 เสแสร้งเก่งจริงๆ

จอมนางข้ามภิภพ

จอมนางข้ามพิภพ บทที่283 เสแสร้งเก่งจริงๆ

เสียงที่คมชัดของเด็กทั้งสองดังขึ้น เคร่งขรึมและจริงจัง ทำเอาทุกคนตกตะลึงกันหมด

“นึกไม่ถึงเลยว่าเด็กสองคนนี้จะเป็นคนของคุณหนูหยุน ไม่น่าแปลกใจเลยที่พวกเขาไม่แยแสหอเทพเซียนเลย” คนคนหนึ่งอดไม่ได้ที่จะชื่นชม

“ทักษะทางการแพทย์ของคุณหนูหยุนนั้นดีมาก เพียงแค่เด็กธรรมดาๆสองคนก็สามารถสอนให้เป็นแบบนี้ได้ หากเป็นผู้ใหญ่ล่ะ สามารถจินตนาการออกเลย”

“สมกับเป็นคนของคุณหนูหยุนจริงๆเลย หยิ่งในศักดิ์ศรี ไว้เกียรติ จู่ๆข้าก็รู้สึกว่าตัวเองยังสู้เด็กสองคนไม่ได้เลย”

ทันใดนั้นทุกคนต่างก็เริ่มวิพากษ์วิจารณ์กันใหญ่เลย

สีหน้าของมู่ว่านว่านก็แย่ลงเรื่อยๆ หันไปจ้องมองหยุนถิงด้วยความโกรธ: “น่าเกลียดยิ่งนัก เจ้าจงใจให้เด็กสองคนมาตบหน้าหอเทพเซียนหรือ หยุนถิงเจ้าช่างร้ายกาจยิ่งนัก?”

หยุนถิงเลิกคิ้วและมองดูนาง: “หากเจ้าจะเข้าใจเช่นนี้ ก็ไม่ใช่ไม่ได้”

“ไอ้สารเลว ข้าจะไม่ยอมให้ใครมาเหยียดหยามหอเทพเซียนโดยเด็ดขาด หยุนถิงนี่เจ้าเป็นคนหาเรื่องใส่ตัวเองนะ!” มู่ว่านว่านทนไม่ไหวอีกต่อไป เข้าไปจู่โจมนางอย่างรวดเร็ว

สีหน้าของจวินหย่วนโยวจริงจังในทันที นัยน์ตาที่ดำสนิทนั้นฉายความโหดเหี้ยมและมืดมน

หลงเอ้อที่อยู่ฝูงชนก็รีบบินมาในทันที แต่เขายังไม่ทันไปแตะโดนมู่ว่านว่าน นกอินทรีทองบนฟ้านั้นก็บินมาโจมตีมู่ว่านว่านด้วยความเร็วที่เหมือนดั่งสายฟ้า

มู่ว่านว่านยังไม่ทันได้ตั้งตัว ก็ถูกอินทรีทองใช้ปีกตีกระเด็นออกไป

“อ๊ากก!” เสียงกรีดร้องดังขึ้น มู่ว่านว่านก็กระเด็นออกไป

จริงๆแล้วมู่เซียวเซียวสามารถรับมู่ว่านว่านเอาไว้ได้อยู่ แต่นางกลับไม่รับไว้ ทันทีที่มู่ว่านว่านล้มลงกับพื้น มู่เซียวเซียวจึงค่อยวิ่งไป

“น้องสาว เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?” มู่เซียวเซียวทำหน้ากังวล

“พี่——” มู่ว่านว่านสลบไป

“หมอหลวง หมอหลวงรีบมาช่วยรักษาน้องข้าเร็ว” มู่เซียวเซียวตะโกน

หมอหลวงหลิวและคนอื่นๆต่างก็ตกตะลึงกันหมด และรีบวิ่งไปช่วยตรวจมู่ว่านว่าน ยังไงนางก็เป็นคุณหนูรองของหอเทพเซียน หากเกิดเรื่องอะไรขึ้นจริงล่ะก็ พวกเขาเองก็ไม่สามารถอธิบายต่อฝ่าบาทได้

“หยุนถิง เจ้ากล้าทำร้ายคนต่อหน้าทุกคน หากว่านว่านเป็นอะไรไป ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไปแน่!” ผู้อาวุโสสี่ตะโกนด้วยความโกรธ

“ถูกต้อง เจ้าเหยียดหยามหอเทพเซียนของพวกข้ามาครั้งแล้วครั้งเล่า และตอนนี้ก็ทำร้ายว่านว่านอีก ข้าใช้ทุกวิถีทางให้เจ้าชดใช้ชีวิตอย่างแน่นอน!” ผู้อาวุโสสามกัดฟันด้วยความแค้น อยากจะฉีกหยุนถิงให้เป็นชิ้นๆ

ใช้เด็กสองคนมาเหยียดหยามเขา น่าเกลียดยิ่งนัก ผู้อาวุโสสามสาบานว่าจะสอนบทเรียนให้หยุนถิงได้จดจำ

“คำพูดนี้ของเจ้าแปลกยิ่งนัก แม้ว่าข้าจะเป็นเจ้าของนกอินทรีทองตัวนี้ แต่ข้าไม่ได้ให้มันโจมตีนี่นา หากไม่ใช่เป็นเพราะคุณหนูว่านอยากทำร้ายข้า อินทรีทองจะโจมตีนางได้อย่างไร ผู้ที่อยู่สถานการณ์มีต่างมากมาย เหตุใดอินทรีทองจึงไม่โจมตีผู้อื่นล่ะ?” หยุนถิงถามกลับ

“ถูกต้อง ข้าสามารถเป็นพยานได้ คุณหนูว่านนั่นแหละที่เป็นคนอยากโจมตีหยุนถิง ดังนั้นจึงถูกอินทรีทองโจมตีเพราะความสามารถไม่เท่าคนอื่น” โม่ฉือชิงรีบออกมาพูด

คนอื่นๆ ก็วิพากษ์วิจารณ์กันใหญ่ ทุกคนต่างก็เห็นฉากนี้กันหมด มู่ว่านว่านเป็นคนเริ่มก่อนจริง

เมื่อได้ยินข้อกล่าวหาของทุกคน สีหน้าของผู้อาวุโสสี่ก็โหดเหี้ยมและเคร่งขรึม ผู้อาวุโสสามก็แสดงสีหน้าราวกับว่าอยากกินหยุนถิง มีเพียงผู้อาวุโสสองเท่านั้นที่สีหน้าโหดเหี้ยมและจริงจัง

“หุบปากซะ แต่ละคนไม่กังวลว่านว่านเลย แต่กลับเริ่มโต้เถียงกันที่นี่ก่อนสักงั้น เรื่องนี้แม้ว่าว่านว่านจะเป็นคนออกมือก่อนก็ตาม แต่นางก็ไม่ได้ทำร้ายโดนคุณหนูหยุน

แต่อินทรีทองของคุณหนูหยุนทำร้ายคนเป็นความจริงที่ทุกคนเห็นกับตา หากว่านว่านเป็นอะไรไปจริง ข้าจะใช้กำลังอำนาจทั้งหมดของหอเทพเซียนจัดการเจ้าอย่างแน่นอน! “เสียงของผู้อาวุโสสองเย็นชาและเข้มงวด

จวินหย่วนโยวลุกขึ้นยืน นัยน์ตาอันดำทึบนั้นหรี่ลงเล็กน้อย เปล่งความเย็นชาและความชั่วร้ายออกมา ออร่ารอบกายอันตรายและเย็นชา

“จวนซื่อจื่อพร้อมรับมือทุกเมื่อ!”

ประโยคที่เย็นชาและไม่แยแสนี้ ทำให้ผู้อาวุโสสองและคนอื่นๆ ตกตะลึงกันหมด

จวินซื่อจื่อยอมใช้จวนซื่อจื่อมาต่อต้านกับหอเทพเซียน เขาปกป้องหยุนถิงถึงเช่นนี้เลยหรือ ซื่อจื่อเยี่ยงนี้ช่างทำให้คนอื่นๆอิจฉายิ่งนัก

หยุนถิงรู้สึกซาบซึ้งเป็นอย่างยิ่ง หันไปมองจวินหย่วนโยว สบตากัน เล่นหูเล่นตา

มู่เซียวเซียวมอดูสายตาที่จวินหย่วนโยวมองหยุนถิง อ่อนโยน โปรดปราน แม้กระทั่งยอมประกาศเปิดศึกกับหอเทพเซียน ในใจก็รู้สึกหึงหวงมาก

ชางหยุนสี่ชำเลืองมองมู่ว่านว่านที่หมดสติอยู่บนพื้น ด้วยท่าทางที่ดูถูกเหยียดหยาม: “ไอ้โง่ มองไม่เห็นอินทรีทองกลางบนฟ้าหรือไง หาที่ตายชัดๆ”

ทำไมจู่ๆ นางก็รู้สึกว่า เมื่อก่อนตัวเองโง่มาก และหลังจากได้รับการสั่งสอนจากอินทรีทองมาสองสามครั้ง ชางหยุนสี่ก็ฉลาดขึ้นแล้ว ทำไมต้องลงมืออย่างเปิดเผยด้วย โดยเฉพาะต่อหน้าไอ้สาระเลวนี้ หาที่ตายชัดๆไม่ใช่หรือ?

ชางเยว่หมิงเห็นด้วยยิ่งนัก ดังนั้นวันนี้จึงสงบเสงี่ยมเจียมตัวเป็นพิเศษ

เดิมทีอยากวางแผนให้หหยุนถิงขายหน้า แต่คิดไม่ถึงเลยว่านางไม่เข้าร่วมเลย เด็กสองคนนี้กลับเป็นคนของนาง เห็นนางปกป้องคนของตัวเองเช่นนี้ ดวงตาที่ทึบของชางเยว่หมิงก็มีแผนการบางอย่างเกิดขึ้น

“คุณหนูเซียว คุณหนูรองถูกอินทรีทองโจมตีจนหมดสติไปแล้ว ตอนนี้มีเพียงอาการบาดเจ็บภายนอกเล็กน้อย มีอาการบาดเจ็บภายในหรือไม่ต้องรอให้คุณหนูรองตื่นขึ้นมาก่อนแล้วค่อยดู นำคุณหนูรองไปพักผ่อนก่อนเถอะ” หมอหลวงหลิวกล่าว

จากนั้นมู่เซียวเซียวก็โล่งใจลง และหันกลับไปมองหยุนถิงด้วยสีหน้าที่เย็นชา: “คุณหนูหยุน น้องสาวของข้าบุ่มบ่ามล่วงเกินเจ้าจริง แต่ก็เป็นเพียงการโต้เถียงทางวาจาเท่านั้น และไม่ได้ทำให้เจ้าบาดเจ็บใดๆ แต่เจ้ากลับไม่รู้ผิดเยี่ยงนี้ คิดว่าหอเทพเซียนของพวกข้าไม่มีคนหรือ?”

เนื่องจากโกรธมากเกินไป สีหน้าของมู่เซียวเซียวจึงซีดเล็กน้อย เดิมทีใบหน้าที่สวยอยู่แล้วขอบตาก็แดงขึ้น เมื่อคนอื่นๆเห็นท่าทางที่จะร้องไห้แต่ก็พยายามที่จะไม่ร้องไห้นี้ของนาง และขอความยุติธรรมคืนให้กับน้องสาวตัวเอง ก็ชอบมู่เซียวเซียวขึ้นมาในทันที และในขณะเดียวกันก็เกิดความตำหนิและดูถูกต่อหยุนถิงเล็กน้อย

หยุนถิงชำเลืองมองนาง และท่าทางของทุกคนที่เห็นอกเห็นใจนาง ก็อดไม่ได้ที่จะชมว่านางนั้นเสแสร้งเก่งจริงๆเลย

“คุณหนูเซียวเป็นคนบอกเองว่าหอเทพเซียนไม่มีคน หรือว่าพวกเจ้าไม่ใช่คน เป็นสัตว์?”

“เจ้า——” มู่เซียวเซียวโกรธจะตายแล้ว จากนั้นก็สลบไป โชคดีที่สาวใช้ข้างๆนางพยุงนางเอาไว้

“คุณหนูใหญ่ ท่านเป็นอย่างไรไป?”

“ข้าไม่เป็นไร น้องสาวสำคัญกว่า ยกนางกลับไปพักผ่อนก่อนเถอะ” มู่เซียวเซียวพูดอย่างเป็นห่วง

“หยุดกันแข่งขัน เด็กๆ ยกคุณหนูรองกลับไป” ผู้อาวุโสสองทำเสียงเชอะ ลุกขึ้นและจากไป

โม่เหลิ่งเหยียนที่ดูมาโดยตลอดนั้น ยืนขึ้นและกล่าวว่า: “การแข่งขันไม่สามารถหยุดได้ ผู้อาวุโสสองไม่สามารถหยุดการแข่งขันเพียงเพราะคุณหนูรองของหอเทพเซียนหมดสติไป ไม่ยุติธรรมกับผู้อื่น หรือว่าหอเทพเซียนไม่ซื่อสัตย์เช่นนี้หรือ”

“เซวียนอ๋องท่านอย่ารังแกคนมากเกินไป หยุนถิงต่างหากที่เป็นคนทำร้ายผู้อื่นและทำลายการแข่งขัน” ผู้อาวุโสสามเถียงกลับ

นัยน์ตาที่กระหายเลือดและเย็นชาของโม่เหลิ่งเหยียนมองมา: “ผู้อาวุโสสามก่อนจะพูดคิดก่อนด้วย หยุนถิงไม่ได้ทำร้ายใคร แต่อินทรีต่างหากที่ทำร้ายคน เหตุผลกลับเป็นเพราะคุณหนูว่านเป็นคนเริ่มก่อน”

“เรื่องทะเลาะทำร้ายคนนั้น ข้าไม่สน แต่ฝ่าบาทสั่งให้ข้าคุมการแข่งขัน ดังนั้นก็ไม่อาจปล่อยให้ใครมาทำลายระบบการแข่งขันได้ คุณหนูว่านหมดสติยกออกไป หาลูกศิษย์ของหอเทพเซียนสองสามคนค่อยเฝ้าไว้ก็พอแล้ว”

“เดิมทีนางก็เป็นเพียงคนที่ไม่สำคัญอะไรอยู่แล้ว จะอยู่หรือไม่ก็ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับการแข่งขัน ดังนั้นจะส่งผลต่อการแข่งขันเพราะนางได้อย่างไร ผู้อาวุโสสองว่าไง? ”

คำพูดที่เย็นชา ทุกคำทุกประโยค คมชัดและตรง ชี้บ่งถึงประเด็นสำคัญ

จอมนางข้ามภิภพ

จอมนางข้ามภิภพ

Status: Ongoing
นางเป็นบุตรีเอกแห่งจวนเฉิงเสี้ยง เป็นยัยอัปลักษณ์ไร้ค่าผู้ฉาวโฉ่ กลับมีรักแรกพบกับหลีอ๋อง คะยั้นคะยอจะอภิเษกสมรสกับหลีอ๋องอย่างไม่กลัวสิ่งใด ณคืนวันอภิเษกถูกหลีอ๋องทำอัปยศอดสูจนตายพอลืมตาขึ้นดันทะลุมิติมาอีกภพหนึ่งกลายเป็นศาสตราจารย์หมอพิษสมัยใหม่ควบสองบัณฑิต คนที่เคยรังแกนาง มันต้องเอาคืนเป็นร้อยเท่าพันเท่า นาง…จัดการกับพวกสันดานชั่วอย่างออกนอกหน้า หาเงินอย่างถ่อมตน มัสมบัติระรวยใต้หล้า เพื่อหลุดพ้นจากหลีอ๋อง เลยแต่งในฐานะนางสนมของซื่อจื่อ กลับคิดไม่ถึงว่าจะไปกระตุกหนวดเสือให้เข้าแล้ว เขาเป็นซื่อจื่อผู้ป่วยเสาะแสะ สุขุมอ่อนโยน เย็นชาเจ้าเล่ห์ ร่างมีพิษที่จะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน หยุนถิงเป็นคนช่วยเขาแก้พิษ ทำให้เขากลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง เขาสาบานว่า จะอยู่กินกับนางแต่เพียงผู้เดียว หลังแต่งงาน นางนวดเอวที่ปวดอยู่ เตะเขาลงจากเตียง:“รับจดหมายรักจากหญิงอื่น ยังกล้ามานอนกับหม่อมฉันอีกรึ?” เขารีบอธิบาย:“น้องนาง ข้าผิดไปแล้ว ใครกล้ามาแย่งข้าไปจากเจ้า ข้าจะตัดขานางให้รู้แล้วรู้รอด” นางยักคิ้วหลิ่วตา:ก็ท่านนี่แหละที่เป็นต้นเหตุ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท