จอมนางข้ามภิภพ – บทที่ 293 เจ้าไม่ต้องกังวล มีข้าอยู่ทั้งคน

จอมนางข้ามภิภพ

จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 293 เจ้าไม่ต้องกังวล มีข้าอยู่ทั้งคน

โม่เหลิ่งเหยียนที่อยู่ในรถม้ามองดูดวงตาคู่สวยของหยุนถิงปิดลง รู้สึกเป็นห่วงเล็กน้อย

จู่ๆนางก็บอกว่าอยากนอน หรือว่าจะไม่สบาย โม่เหลิ่งเหยียนยื่นมือไปแตะหน้าผากของหยุนถิง ก็ไม่ได้ร้อนนี่นา

หยุนเสี่ยวลิ่วที่อยู่ด้านข้างเห็นภาพฉากนี้ ลมหายใจติดขัดไปหมด เห็นซวนอ๋องแค่เป็นห่วงพี่ใหญ่เท่านั้น ถึงได้ถอนหายใจด้วยความโล่งอก

มิเช่นนั้นด้วยนิสัยจอมขี้หึงอย่างพี่เขยซื่อจื่อ หากรู้ว่าซวนอ๋องปฏิบัติต่อพี่ใหญ่อย่างไร จะไม่ระเบิดอารมณ์หรอกหรือ

“พี่ใหญ่เจ้าเข้าวังมาทำอะไร ไปพบกับใคร?” โม่เหลิ่งเหยียนถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“พี่ใหญ่พาข้าเข้าวังไปพบท่านแม่ จากนั้นก็ไปเยี่ยมอินทรีทอง ดูเหมือนว่าพี่ใหญ่จะโกรธมาก แล้วถามหลีอ๋องว่าใครทำร้ายอินทรีทอง” หยุนเสี่ยวลิ่วตอบไปตามความจริง

โม่เหลิ่งเหยียนเข้าใจในทันที หยุนถิงเข้าข้างคนของตัวเองที่สุด จะต้องโกรธแทบแย่เพราะอินทรีทองแน่นอน เขาก็เพิ่งรู้เรื่องที่อินทรีทองถูกจับเมื่อครู่นี้เหมือนกัน เดิมทีอยากจะหาโอกาสบอกหยุนถิง แต่คิดไม่ถึงว่านางจะรู้แล้ว

หลีอ๋องอยู่ตรงหน้าแท้ๆ แต่นางกลับให้ตัวเองส่งนางกลับจวนซื่อจื่อ เชื่อใจตัวเองเช่นนี้ มุมปากของโม่เหลิ่งเหยียนยกขึ้นเป็นมุมโค้งเล็กน้อย

รถม้ามาถึงจวนซื่อจื่ออย่างรวดเร็ว โม่เหลิ่งเหยียนอุ้มหยุนถิงเดินเข้ามา เมื่อพ่อบ้านเห็นก็ตกใจมาก สั่งให้คนไปรายงานจวินหย่วนโยวทันที

จวินหย่วนโยวรีบร้อนวิ่งออกมา เห็นโม่เหลิ่งเหยียนอุ้มหยุนถิง สีหน้าเคร่งขรึมทันที แต่ว่าเขาก็ไม่มีเวลามาหึงหวงเช่นกัน รีบรับตัวหยุนถิงมาทันที

“นางเป็นอะไรไป เกิดเรื่องอะไรขึ้น?” น้ำเสียงของจวินหย่วนโยวก็ยังประหม่าขึ้นมาเล็กน้อย

“ข้าพบนางที่พระราชวัง นางบอกว่าไม่เป็นไรแค่อยากจะนอนครู่หนึ่ง ให้ข้าส่งนางกลับมา ในเมื่อส่งคนกลับมาถึงแล้วข้าก็ขอตัวกลับก่อน” โม่เหลิ่งเหยียนหันหลังก็จากไปเลย

จวินหย่วนโยวอุ้มหยุนถิงกลับเข้าไปในลานทันที: “เสี่ยวลิ่ว เล่ารายละเอียดเล็กใหญ่ที่พี่ใหญ่เจ้าเข้าวังมาให้หมด”

“ขอรับ พี่เขย” หยุนเสี่ยวลิ่วรีบร้อนเอ่ยปาก

จวินหย่วนโยวเดาได้ในทันที หยุนถิงต้องได้รับการกระทบกระเทือนทางจิตใจเพราะเหตุการณ์ของอินทรีทองอย่างแน่นอน หลังจากอุ้มหยุนถิงกลับเข้าไปที่ลาน เขาก็กำลังจะไปเรียกท่านลั่ว

หยุนถิงตื่นขึ้นมา: “ซื่อจื่อ ข้าไม่เป็นไร ข้าเพียงแต่กำลังรักษาอินทรีทองเท่านั้น”

นางบอกจวินหย่วนโยวแล้วว่าตัวเองไม่ใช่หยุนถิง และพูดเรื่องที่ตัวเองมีมิติหนึ่งอัน ดังนั้นจวินหย่วนโยวจึงเข้าใจในทันที

“ข้าจะต้องให้คนช่วยอินทรีทองออกมาให้ได้!”

“ไม่ต้อง อินทรีทองตัวนั้นเป็นของปลอม ให้พวกเขาจัดการไปเถอะ” ดวงตาคู่สวยของหยุนถิงมีความโหดเหี้ยมแว๊บผ่านไปเล็กน้อย

“ต้องการให้ข้าทำอะไร?”

“ซื่อจื่อ ท่านส่งคนไปสังเกตการณ์ความเคลื่อนไหวคนของหอเทพเซียนเอาไว้” หยุนถิงกล่าวอย่างไม่เกรงใจ

“ได้”

………..

ในพระราชวัง

มู่ว่านว่านตื่นขึ้นมา ลืมตาขึ้นมามองดูทุกสิ่งที่อยู่บริเวณรอบๆ คนทั้งคนตะลึงงันไป

“พี่ใหญ่ ที่นี่คือที่ไหน?”

“น้องสาวเจ้าตื่นแล้ว ดีมากจริงๆ ที่นี่คือพระราชวัง เจ้าถูกอินทรีทองจู่โจมจนหมดสติไป นอนหลับไปสามวันถึงได้สติขึ้นมา โชคดีที่ตื่นขึ้นมาแล้ว เจ้าวางใจ พี่ใหญ่จับอินทรีทองเอาไว้ให้เจ้าแล้ว ฝ่าบาทตรัสแล้วว่าแล้วแต่เจ้าจะจัดการอินทรีทองตัวนั้น” มู่เซียวเซียวกล่าวตอบ

“เยี่ยมจริงๆ พี่ใหญ่ท่านรีบพาข้าไปที่นั่นเลย ข้าจะต้องสับเจ้าสัตว์ตัวนั้นเป็นชิ้นๆให้ได้!” มู่ว่านว่านกล่าวด้วยความโกรธแค้น

“ได้ เจ้ากินอะไรก่อนเถิด มีเรี่ยวแรงแล้วถึงจะสามารถจัดการมันได้” มู่เซียวเซียวยกโจ๊กเข้ามาหนึ่งถ้วย

มู่ว่านว่านอารมณ์ดีมากเป็นพิเศษ กินโจ๊กไปหนึ่งถ้วยใหญ่ ถึงได้ออกไปพร้อมกับพี่ใหญ่แล้วก็บรรดาอาวุโส

อินทรีทองถูกคนนำไปที่ลานประหารของพระราชวังแล้ว มีผู้คนรายล้อมอยู่มากมาย มองดูอินทรีทองที่ตัวใหญ่ขนาดนั้นทุกคนต่างก็ตกใจแทบแย่ หนึ่งในนั้นมีคนจำได้ว่า นั่นคืออินทรีทองของหยุนถิง

“คุณหนูหยุนเป็นคนที่เข้าข้างคนของตัวเองที่สุด นางถึงกับปล่อยให้คนของหอเทพเซียนจัดการอินทรีทองได้ตามใจ นี่มันผิดปกติเกินไปแล้ว” หนึ่งในนั้นกล่าวขึ้นมา

“เจ้าจะไปรู้อะไร อินทรีทองตัวนี้โจมตีคุณหนูว่าน ทำให้คนได้รับบาดเจ็บสาหัส ก็แค่สัตว์ตัวหนึ่งเท่านั้น ไหนเลยจะสำคัญกว่าคนได้”

บรรดาชาวบ้านต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์ ก็เห็นมู่เซียวเซียวกับมู่ว่านว่าน แล้วก็ผู้อาวุโสสามท่าน พร้อมด้วยหลีอ๋องเดินออกมาพร้อมกัน

โม่ฉือหานชำเลืองมองไปที่ฝูงชนครู่หนึ่ง แต่กลับมองไม่เห็นหยุนถิง นางเป็นคนที่เข้าข้างคนของตัวเองที่สุดไม่ใช่หรือ จะไม่สนใจอินทรีทองตัวนี้จริงหรือ

และคนที่อยู่ในฝูงชน ชางเยว่หมิงเห็นภาพฉากนี้ ริมฝีปากบางก็เกี่ยวเป็นรอยยิ้มเย้ยหยันขึ้นมาเล็กน้อย หากหยุนถิงปรากฏตัวขึ้นมาจริงๆเช่นนั้นก็จะเป็นการขัดราชโองการอย่างโจ่งแจ้ง ถ้าหากนางกล้าชิงลานประหารย่อมดีที่สุด ถึงเวลานั้นจะต้องถูกลงโทษอย่างแน่นอน

น่าเสียดาย จนกระทั่งมีดของมู่ว่านว่านตัดหัวของอินทรีทอง หยุนถิงก็ไม่ได้ปรากฏตัว นี่ทำให้ชางเยว่หมิงอยู่ไม่นิ่งแล้ว

ใช่ทำไมไม่เหมือนกับที่ตัวเองคิดเอาไว้ล่ะ?

มู่เซียวเซียวที่อยู่บนแท่นสูงก็ขมวดคิ้วเช่นกัน นางจงใจเสนอให้สังหารอินทรีทองที่ลานประหาร ก็เพื่อจะให้หยุนถิงขัดราชโองการ แต่นางกลับไม่มา ซึ่งมันทำให้นางไม่เข้าใจจริงๆ

อินทรีทองถูกสังหาร เวลาไม่เกินหนึ่งก้านธูปก็ถูกแพร่กระจายไปทั่วทั้งเมืองหลวงแล้ว หน้าประตูของจวนซื่อจื่อปิดเอาไว้อย่างแน่นหนา ไม่มีความเคลื่อนไหวเลยแม้แต่น้อย

ในคืนนั้น มู่ว่านว่านกับมู่เซียวเซียวก็กลับไปที่ที่พักเปลี่ยนม้าหลวงแล้ว เพราะสังหารอินทรีทองแล้ว มู่ว่านว่านอารมณ์ดีมากเป็นพิเศษ ในคืนนั้นยังดื่มสุราเพื่อฉลองโดยเฉพาะ

กลางดึก เงาร่างสามเงามุ่งหน้าไปยังที่พักเปลี่ยนม้าหลวงโดยตรง หลงเอ้อพ่นควันเข้าไปในเรือนผ่านหน้าต่าง เมื่อไม่ได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวในเรือนแล้ว ถึงได้เปิดประตูเข้าไปด้วยความระมัดระวัง หลงซานกับหลงซื่อแบกถุงกระสอบเอาไว้และยกเข้าไป หลังจากที่ทำทุกอย่างนี่เสร็จแล้ว ทั้งสามคนก็จากไปอย่างเงียบๆ

เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น เมื่อมู่ว่านว่านตื่นขึ้นมา ตอนที่เห็นศีรษะ และร่างกายของอินทรีทองที่เต็มไปด้วยเลือดวางอยู่บนเตียง ก็ตกใจจนกรีดร้องออกมา คนทั้งคนกลิ้งลงไปบนพื้น

“อ๊า ช่วยด้วย ใครก็ได้รีบมาเร็วๆ!”

เมื่อคนอื่นๆของหอเทพเซียนได้ยินเสียง ก็รีบวิ่งเข้ามาทันที ตอนที่เห็นศพของอินทรีทองปรากฏขึ้นมาในเรือน ก็สะดุ้งตกใจไปเช่นกัน

“อินทรีทองตัวนี้ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้ เด็กๆ รีบเอาออกไปเดี๋ยวนี้!” มู่เซียวเซียวออกคำสั่ง

“ได้”

มู่ว่านว่านวิ่งเข้ามา คว้าแขนของมู่เซียวเซียวมากอดเอาไว้: “พี่ใหญ่ช่วยข้าด้วย อินทรีทองตัวนี้ต้องมาล้างแค้นข้าแน่ๆ พี่ใหญ่ท่านต้องช่วยข้านะ”

“น้องสาววางใจได้ นี่จะต้องมีคนกลั่นแกล้งแน่นอน ข้าหาคนมาจัดการกับมันเอง”

ร่างของอินทรีทองถูกคนยกออกไป บนเตียงเต็มไปด้วยเลือด เห็นแล้วทำให้คนรู้สึกหวาดกลัวอย่างยิ่ง ให้ตายอย่างไรมู่ว่านว่านก็ไม่กล้าอยู่ในเรือนนี้ต่อแล้ว ติดตามมู่เซียวเซียวไปที่ห้องของนาง

มู่เซียวเซียวกำลังจะปลอบโยนนาง ขันทีที่มาถ่ายทอดราชโองการนอกประตูก็เข้ามา: “ฝ่าบาทได้ยินว่าคุณหนูรองตื่นแล้ว วันนี้จึงจัดงานเลี้ยงที่พระราชวังเพื่อเป็นการปลอบขวัญคุณหนูรองโดยเฉพาะ ผู้อาวุโสของหอเทพเซียนก็เข้าร่วมด้วยเช่นกัน”

“กงกง น้องหญิงรองของข้าเพิ่งได้รับความตกใจ ท่านจะ——” คุณหนูเซียวต้องการจะปฏิเสธ

“งานเลี้ยงที่ฝ่าบาทจัดขึ้นมา ยังไม่เคยมีใครกล้าปฏิเสธมาก่อน หรือว่าคุณหนูมู่จะไม่ให้เกียรติฝ่าบาท” กงกงกล่าวด้วยสีหน้าเย็นชา

“ย่อมไม่ใช่อยู่แล้ว ขอกงกงโปรดอย่าเข้าใจผิด”

“ข้าน้อยไม่กล้าเข้าใจคุณหนูเซียวผิดหรอก ตอนคุณหนูรองตัดหัวอินทรีทองเต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง ไหนเลยจะมีท่าทางตกใจ ข้าได้ถ่ายทอดคำพูดแล้ว ขอตัวก่อน” กงกงหันหลังก็จากไป

ก่อนหน้านี้เขาเคยได้รับความเมตตาจากหยุนถิงมาก่อน มู่ว่านว่านยโสโอหังถึงกับตัดศีรษะอินทรีทองของคุณหนูหยุน ดังนั้นเวลานี้กงกงถึงได้มีท่าทีเช่นนี้

สีหน้าของมู่เซียวเซียวไม่น่าดูอย่างยิ่ง บัดซบ ขันทีเล็กๆคนหนึ่งก็กล้าบังอาจต่อหน้านาง น่าชิงชังนัก

“พี่ใหญ่ ข้าไม่ไปได้ไหม?” มู่ว่านว่านสอบถามเสียงเบา

“จำเป็นต้องไป เราต้องไว้หน้าของฝ่าบาท ก็แค่งานเลี้ยงวันเกิด เจ้าไม่ต้องเป็นกังวลไป มีพี่ใหญ่อยู่ด้วยทั้งคน”

จอมนางข้ามภิภพ

จอมนางข้ามภิภพ

Status: Ongoing
นางเป็นบุตรีเอกแห่งจวนเฉิงเสี้ยง เป็นยัยอัปลักษณ์ไร้ค่าผู้ฉาวโฉ่ กลับมีรักแรกพบกับหลีอ๋อง คะยั้นคะยอจะอภิเษกสมรสกับหลีอ๋องอย่างไม่กลัวสิ่งใด ณคืนวันอภิเษกถูกหลีอ๋องทำอัปยศอดสูจนตายพอลืมตาขึ้นดันทะลุมิติมาอีกภพหนึ่งกลายเป็นศาสตราจารย์หมอพิษสมัยใหม่ควบสองบัณฑิต คนที่เคยรังแกนาง มันต้องเอาคืนเป็นร้อยเท่าพันเท่า นาง…จัดการกับพวกสันดานชั่วอย่างออกนอกหน้า หาเงินอย่างถ่อมตน มัสมบัติระรวยใต้หล้า เพื่อหลุดพ้นจากหลีอ๋อง เลยแต่งในฐานะนางสนมของซื่อจื่อ กลับคิดไม่ถึงว่าจะไปกระตุกหนวดเสือให้เข้าแล้ว เขาเป็นซื่อจื่อผู้ป่วยเสาะแสะ สุขุมอ่อนโยน เย็นชาเจ้าเล่ห์ ร่างมีพิษที่จะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน หยุนถิงเป็นคนช่วยเขาแก้พิษ ทำให้เขากลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง เขาสาบานว่า จะอยู่กินกับนางแต่เพียงผู้เดียว หลังแต่งงาน นางนวดเอวที่ปวดอยู่ เตะเขาลงจากเตียง:“รับจดหมายรักจากหญิงอื่น ยังกล้ามานอนกับหม่อมฉันอีกรึ?” เขารีบอธิบาย:“น้องนาง ข้าผิดไปแล้ว ใครกล้ามาแย่งข้าไปจากเจ้า ข้าจะตัดขานางให้รู้แล้วรู้รอด” นางยักคิ้วหลิ่วตา:ก็ท่านนี่แหละที่เป็นต้นเหตุ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท