จอมนางข้ามภิภพ – บทที่ 303 องค์หญิงใหญ่ผู้นี้ไม่ธรรมดาเลย

จอมนางข้ามภิภพ

จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 303 องค์หญิงใหญ่ผู้นี้ไม่ธรรมดาเลย

ชางหยุนสี่ออกจากเรือนหยุนถิงอย่างโกรธๆ เยว่เอ๋อร์รีบเข้ามาหา “คุณหนู ท่านจะช่วยองค์หญิงสี่จริงรึ ก่อนหน้านี้นางหาเรื่องท่านไม่น้อยเลยนะ?”

ถึงในงานเลี้ยงโคมมังกร เยว่เอ๋อร์ไม่ได้ไป แต่พอกลับมาก็ได้ยินพวกองครักษ์หลิงเฟิงพูด เยว่เอ๋อร์อดกังวลไม่ได้

“นางเป็นแค่องค์หญิงที่เอาแต่ใจจองหองคนหนึ่งเท่านั้นเอง ถึงจะคอยวางแผนเล่นงานข้ามาตลอด แต่ก็ไม่สำเร็จเลยมิใช่รึ สิ่งเหล่านี้แม้ว่าจะดูแย่มาก แต่ดีกว่าสุภาพชนจอมปลอมมากนัก อย่างน้อยก็ทำให้เจ้ารู้ตัวเตรียมการป้องกันไว้ก่อนได้” หยุนถิงอธิบาย

“ในเมื่อคุณหนูพูดเช่นนี้แล้ว ก็ฟังท่านละกัน”

นกพิราบสื่อสารสีขาวตัวหนึ่งบินมาหยุดตรงหน้าหยุนถิง หยุนถิงหยิบจดหมายที่ขานกพิราบ เห็นเนื้อหาด้านใน ยิ้มมุมปากบขึ้นมา

“คุณหนูใหญ่ มีเรื่องอะไรน่าดีใจรึ?” ซูหลินที่เดินเข้ามาเอ่ยถามอย่างสงสัย

“จ้าวเม่ยเอ๋อร์ส่งจดหมายมาบอกว่า ร้านยาในสี่แคว้นของหอเทพเซียนมีการขายยาปลอม ราษฎร์มากมายเกิดเรื่องขึ้น ตอนนี้หอเทพเซียนโดนสี่แคว้นต่อต้าน แคว้นเป่ยลี่ยังสั่งปิดร้านยาด้วย” หยุนถิงบอก

“ดียิ่งนัก หลายปีมานี้หอเทพเซียนเย่อหยิ่งจองหองมากเกินไป มักจะขึ้นราคาสูงยิ่งนัก สมควรโดนแล้วล่ะ” ซูหลินสะใจ

“ในเมื่อเป่ยหมิงฉี่ไว้หน้าข้าขนาดนี้ ของที่ส่งไปแคว้นเป่ยลี่ครั้งหน้าเพิ่มจำนวนเข้าไปอีกหมื่นชิ้น คิดซะเป็นของขวัญขอบคุณที่ข้ามอบให้เขา อีกอย่างขอให้เขาช่วยสืบเรื่องอ๋องเก้านั่นให้ด้วย” หยุนถิงบอกอย่างพอใจ

“เจ้าค่ะ” ซูหลินรีบไปจัดการทันที

หลิงเฟิงเดินเข้ามาจากด้านนอก “ฮูหยิน องค์หญิงใหญ่ให้คนส่งเทียบเชิญมาขอรับ”

“องค์หญิงใหญ่?” หยุนถิงขมวดคิ้ว

“นางเป็นพี่สาวแท้ๆของฝ่าบาท สนิทสนมกับฝ่าบาทไม่น้อย และเป็นองค์หญิงเพียงคนเดียวที่อยู่ในเมืองหลวงด้วย นิสัยเย่อหยิ่งแข็งกร้าว ไม่ใช่คนนิสัยดีอะไรเลย

ฮ่องเต้รัชกาลก่อนอยากให้นางแต่งไปเจริญสัมพันธไมตรี สุดท้ายนางกลับร่วมหลับนอนกับคนเลี้ยงม้าคนหนึ่ง และยังโดนฮ่องเต้มาเห็นเข้า ทำให้ฮ่องเต้เดือดดาลยิ่งนัก เลยส่งนางเข้าตำหนักเย็น

ถึงการแต่งงานเจริญสัมพันธไมตรีจะยกเลิกไป แต่ชื่อเสียงขององค์หญิงใหญ่ก็ป่นปี้เพราะเหตุนี้เช่นกัน หลังจากฮ่องเต้องค์ก่อนเสด็จสวรรคต ฮ่องเต้ปล่อยองค์หญิงใหญ่ออกมา พระราชทานจวนให้นาง และเลี้ยงดูบั้นปลายชีวิตนาง

เพียงแต่องค์หญิงใหญ่ผู้นี้เลี้ยงชายบำเรอไว้ในเรือนหลังมากมาย วันๆเอาแต่จัดงานเลี้ยงน้ำชา งานแต่งโคลงกลอน งานเลี้ยงชมดอกไม้อะไร และชอบเชื้อเชิญตระกูลดังมากมายในเมืองหลวงมาเสมอ

ติดที่ฐานะของนาง ทุกคนไม่กล้าไม่ไป แต่ทุกครั้งที่ไป ได้เห็นชายบำเรอเหล่านั้นดีดพิณร้องเล่นละคร รู้สึกรังเกียจนัก ต่อมาคนส่วนมากเลยไม่ไปกัน” หลิงเฟิงพูดสิ่งที่ตนรู้ออกมา

หยุนถิงฟังอย่างละเอียด “ต่อมาคนเลี้ยงม้าคนนั้นเป็นอย่างไรบ้างล่ะ?”

หลิงเฟิงอึ้งไป ฮูหยินเหมือนจะเข้าใจประเด็นผิดไปกระมัง แต่ยังตอบอย่างนอบน้อมว่า “ว่ากันว่า ตอนนั้นฮ่องเต้องค์ก่อนจะสั่งประหารคนเลี้ยงม้าคนนั้น แต่องค์หญิงขอร้องอ้อนวอน ขอให้คนเลี้ยงม้าอยู่เป็นเพื่อนนาง สุดท้ายไม่รู้ทำไม เช้าวันต่อมาคนเลี้ยงม้าคนนั้นก็ตายอยู่ในตำหนักเย็น ไม่มีใครรู้สาเหตุ”

หยุนถิงยิ้มมุมปากอย่างเย็นชา เดาเรื่องได้คร่าวๆ “องค์หญิงใหญ่ผู้นี้ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ”

“ฮูหยินเหตุใดพูดเช่นนี้เล่า?”

“ยอมทำลายชื่อเสียงตนเอง ใช้คนเลี้ยงม้าคนหนึ่งมาทำลายการแต่งงานเจริญสัมพันธไมตรี องค์หญิงใหญ่ผู้นี้เด็ดเดี่ยวนัก” หยุนถิงยื่นมือไปรับเทียบเชิญมาดู

“คุณหนู ถ้าอย่างไรท่านอย่าไปเลย องค์หญิงใหญ่ผู้นี้ชื่อเสียงไม่ค่อยดีนักนี่นา?” เยว่เอ๋อร์ถามอย่างเป็นห่วง

“ชื่อเสียงของข้าที่เป็นคุณหนูเจ้าแย่เสียยิ่งกว่าองค์หญิงใหญ่เสียอีก กลัวอะไร”

เยว่เอ๋อร์มุมปากกระตุก คิดๆแล้วก็จริงแฮะ

“ห้ามไป! องค์หญิงใหญ่ไม่ธรรมดา นางเองก็ไม่เคยคบค้าสมาคมกับจวนซื่อจื่อมาสิบกว่าปีแล้ว จู่ๆมาส่งเทียบเชิญให้เจ้ามันไม่ธรรมดาเลย” จวินหย่วนโยวเดินเข้ามาจากด้านนอก

“หากองค์หญิงใหญ่คิดจะทำอะไรข้าจริง คงไม่ส่งเทียบเชิญมาให้ข้าอย่างเอิกเกริกเช่นนี้ดอก ข้าเองก็อยากจะรู้จักองค์หญิงใหญ่ผู้นี้ดูสักหน่อย” หยุนถิงอธิบาย

“ข้าไปเป็นเพื่อนเจ้าด้วย” จวินหย่วนโยวบอกอย่างรักใคร่

วันต่อๆมา หยุนถิงจะไปทายาให้รั่วจิ่งทุกวันตามเวลา บวกกับยาราคาแพงมากมายเช่นนี้ ตอนนี้ขาของรั่วจิ่งหายดีแล้ว วิธีฟื้นฟูร่างกายที่หยุนถิงสอนเขา รั่วจิ่งทนความเจ็บปวดพยายามฝึกฝนอย่างหนัก

เพราะร้านยาในสี่แคว้นของหอเทพเซียนเกิดปัญหา ทำให้โดนราษฎร์ทั้งสี่แคว้นต่อต้าน การแข่งขันสองรอบในแคว้นต้าเยียนแต่เดิมนั้น เดิมทุกคนเห่อเหิมกันเสียไม่มี สุดท้ายกลับไม่มีใครเข้าร่วมแล้ว

ไม่นานก็ผ่านไปสามวัน จวินหย่วนโยวกับหยุนถิงทานอาหารเที่ยงเสร็จแล้ว ทั้งสองคนนั่งรถม้ามุ่งตรงไปยังจวนองค์หญิงใหญ่

ยังไม่ทันเข้าจวน ตั้งแต่หน้าประตูก็ได้ยินเสียงดีดพิณร้องเพลงจากด้านใน จวินหย่วนโยวยื่นมือมาจูงมือหยุนถิง

ทั้งสองคนสบตากันยิ้ม พลางเดินเข้าไปข้างใน

ในเรือนที่กว้างใหญ่ จัดวางดอกไม้ใบหญ้าหายาก การจัดวางดูหรูหราประณีต แค่ดูก็รู้ว่าเป็นคนรู้จักใช้ชีวิต

ในสวนดอกไม้ด้านใน มีคนมากมายรวมตัวกันอยู่ ล้วนเป็นคุณหนูคุณชายฮูหยินของตระกูลผู้ดีของแคว้นต้าเยียน เพียงแต่สีหน้าพวกเขากลับไม่สู้ดี ราวกับกินแมลงวันเข้าไป ดูท่ามาที่นี่ด้วยความจำยอม เพราะฐานะองค์หญิงใหญ่ และกลัวองค์หญิงใหญ่จะเกลียด

และชายหนุ่มขุดขาวมากมายรอบตัวพวกเขา ทั้งยกชาเทน้ำ เล่นพิษร้องเพลง ดูแล้วสมเป็นอาหารตานัก

หยุนถิงมองชายพวกนั้นอย่างละเอียด “องค์หญิงใหญ่สายตาไม่เลว ชายบำเรอเหล่านี้หน้าตาหล่อเหลานัก”

“ห้ามดู!” จวินหย่วนโยวแค่นเสียงเย็น

หยุนถิงเห็นสีหน้าทะมึนของเขาแล้วรีบกลับคำทันที “ถึงพวกเขาจะหน้าตาดี แต่ก็เทียบหนึ่งในหมื่นส่วนของซื่อจื่อไม่ติดเลย ในสายตาข้ามีแต่ซื่อจื่อ”

คิ้วที่ขมวดมุ่นของจวินหย่วนโยวถึงคลายลง จากนั้นก็สีหน้าเย็นชาอีก “เจ้าเอาข้าไปเทียบกับชายบำเรอพวกนี้?”

“เอาล่ะซื่อจื่อ ข้าแค่เปรียบเทียบให้ฟัง ทำไมต้องจริงจังขนาดนี้ด้วย ไปเถอะ พวกเราเข้าไปดูกัน” หยุนถิงดีใจนัก

จวินหย่วนโยวได้แต่เดินตามไป หยุนถิงไม่ได้สนใจคุณหนูคุณชายพวกนั้นเลย มุ่งตรงไปที่อาหารเลิศรสเหล่านั้นแทน

ไม่เหมือนงานเลี้ยงชมดอกไม้งานแต่งโคลงกลอนที่อื่น ของกินทุกอย่างคือหนึ่งคนต่อหนึ่งโต๊ะ ของจวนองค์หญิงใหญ่เป็นโต๊ะยาวหลายตัว น้ำชาขนม ผลไม้ของกิน—ล้วนจัดวางไว้เป็นแถวยาวมาก ด้านข้างมีวางถาดเอาไว้ ทุกคนอยากกินสิ่งใดก็หยิบได้เองตามใจ

“น้ำชาขนมนี่อร่อยถูกใจข้านัก” หยุนถิงรับถาดมา และหยิบสองถาดใหญ่ในนั้นอย่างไม่เกรงใจ พลางหาที่นั่งนั่งลง

หยุนถิงกินไปพลาง มองดูชายบำเรอพวกนั้นที่ดีดพิณร้องเพลงไปพลาง มีความสุขเสียจริง

“คิดไม่ถึงจริงๆ คุณหนูหยุนจะพาซื่อจื่อมาที่นี่ ช่างหน้าไม่อายเสียจริง แต่งงานแล้วยังจับจ้องมองชายบำเรอพวกนี้อีก” น้ำเสียงแหลมเสียดหูพูดขึ้นอย่างไม่พอใจ

หยุนถิงหันไปมองด้านข้าง สตรีชุดฟ้าคนหนึ่ง ใบหน้างดงาม สีหน้าเย็นชา ดูแล้วไม่ใช่คนนิสัยดีอะไรเลย

“เจ้าตาบอดหรือไง ใครบอกว่าข้ามาดูชายบำเรอ ข้ามากินอาหารเลิศรสที่จวนองค์หญิงต่างหาก” หยุนถิงย้อน

สีหน้าชิงหลัวจวิ้นจู่บูดบึ้งยิ่งนัก ถลึงตาใส่อย่างโกรธขึ้ง “เจ้ายังมีหน้ามาพูดโกหกอีก จวินหย่วนโยวเจ้าไม่คิดจัดการสตรีของตนหน่อยรึ?”

คนอื่นกลัวจวินหย่วนโยว ชิงหลัวจวิ้นจู่ไม่กลัวดอก นางไม่เชื่อว่า ในใต้หล้านี้จะมีบุรุษใดสามารถทนเห็นสตรีของตนมองชายบำเรออยู่ได้

ดวงตาคมปลาบของจวินหย่วนโยวปรายมา “ฮูหยินของข้าอยากจะทำอะไรก็ทำ ขอเพียงนางมีความสุขก็พอแล้ว”

จอมนางข้ามภิภพ

จอมนางข้ามภิภพ

Status: Ongoing
นางเป็นบุตรีเอกแห่งจวนเฉิงเสี้ยง เป็นยัยอัปลักษณ์ไร้ค่าผู้ฉาวโฉ่ กลับมีรักแรกพบกับหลีอ๋อง คะยั้นคะยอจะอภิเษกสมรสกับหลีอ๋องอย่างไม่กลัวสิ่งใด ณคืนวันอภิเษกถูกหลีอ๋องทำอัปยศอดสูจนตายพอลืมตาขึ้นดันทะลุมิติมาอีกภพหนึ่งกลายเป็นศาสตราจารย์หมอพิษสมัยใหม่ควบสองบัณฑิต คนที่เคยรังแกนาง มันต้องเอาคืนเป็นร้อยเท่าพันเท่า นาง…จัดการกับพวกสันดานชั่วอย่างออกนอกหน้า หาเงินอย่างถ่อมตน มัสมบัติระรวยใต้หล้า เพื่อหลุดพ้นจากหลีอ๋อง เลยแต่งในฐานะนางสนมของซื่อจื่อ กลับคิดไม่ถึงว่าจะไปกระตุกหนวดเสือให้เข้าแล้ว เขาเป็นซื่อจื่อผู้ป่วยเสาะแสะ สุขุมอ่อนโยน เย็นชาเจ้าเล่ห์ ร่างมีพิษที่จะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน หยุนถิงเป็นคนช่วยเขาแก้พิษ ทำให้เขากลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง เขาสาบานว่า จะอยู่กินกับนางแต่เพียงผู้เดียว หลังแต่งงาน นางนวดเอวที่ปวดอยู่ เตะเขาลงจากเตียง:“รับจดหมายรักจากหญิงอื่น ยังกล้ามานอนกับหม่อมฉันอีกรึ?” เขารีบอธิบาย:“น้องนาง ข้าผิดไปแล้ว ใครกล้ามาแย่งข้าไปจากเจ้า ข้าจะตัดขานางให้รู้แล้วรู้รอด” นางยักคิ้วหลิ่วตา:ก็ท่านนี่แหละที่เป็นต้นเหตุ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท