จอมนางข้ามภิภพ – บทที่ 304 ถ้าไม่ได้โง่เกินไป ก็หาเรื่องตาย

จอมนางข้ามภิภพ

จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 304 ถ้าไม่ได้โง่เกินไป ก็หาเรื่องตาย

คำพูดเดียวทำสีหน้าชิงหลัวจวิ้นจู่บูดบึ้งยิ่งกว่าเดิม นางไม่คิดเลยว่า จวินหย่วนโยวจะพูดเช่นนี้ คนทั่วไปต่างรู้ดีว่าเขารักใคร่โปรดปรานหยุนถิงแต่ผู้เดียว แต่ไม่คิดว่าจะถึงขั้นนี้

คนอื่นต่างรู้ดีว่าจวินหย่วนโยวไม่ใช่อะไรที่ใครจะหาเรื่องได้ ทุกคนเลยไม่เข้ามาหาเรื่องอย่างรู้แกว

“ไม่คิดเลยจริงๆว่า จวินหย่วนโยวที่เย็นชาอำมหิตมาตลอด จะรักใคร่คุณหนูหยุนเพียงนี้!” เสียงเย้ายวนเสียงหนึ่งพูดขึ้น

หยุนถิงหันไปมอง สตรีอายุราวสามสิบกว่าคนหนึ่ง ชุดกระโปรงยาวสีแดงส่งเสริมเรือนร่างอรชรของนาง ใบหน้างดงามเย้ายวน ดูมีเสน่ห์ยิ่งนัก ยิ้มละไมเย้ายวนดึงดูดวิญญาณ หว่างคิ้วฉายความเป็นผู้ใหญ่และความรู้ซึ้ง ทำให้คนยากจะดึงสายตาออกไป

ดวงตาหยุนถิงมองเขม็ง ถึงจ้าวเม่ยเอ๋อร์จะมีเสน่ห์เย้ายวน แต่ก็เป็นสตรีที่ยังไม่ออกเรือน เทียบกับองค์หญิงใหญ่แล้วยังห่างไกลอีกหลายขุม

“คารวะองค์หญิงใหญ่” จวินหย่วนโยวเอ่ยปาก หยุนถิงรีบคารวะทันที

คนอื่นๆพอเห็นองค์หญิงใหญ่ ก็ลุกขึ้นคารวะทันที

“เอาล่ะ จวนข้าไม่ได้เรื่องมากนัก วันนี้ทุกคนไม่ต้องตื่นเต้น มาที่นี่เพื่อมีความสุขกันนะ” องค์หญิงใหญ่พูดอย่างตรงไปตรงมา

“เพคะพ่ะย่ะค่ะ”

ถึงปากทุกคนจะพูดอย่างนี้ แต่ใครล่ะจะกล้าสบายๆจริงๆ แต่ละคนสีหน้ากระอักกระอ่วนยิ่งนัก ราวกับกินแมลงวันเข้าไป อึดอัดใจยิ่งนัก

ทันใดนั้นมีองครักษ์เข้ามาจากด้านนอกคนหนึ่ง พุ่งเข้ามาหาจวินหย่วนโยว กระซิบข้างหูเขา

สีหน้าที่เย็นชาแต่เดิมของจวินหย่วนโยวพลันฉาบไปด้วยน้ำแข็งขึ้นมาชั้นหนึ่ง บรรยากาศรอบตัวเย็นจนติดลบ

“ซื่อจื่อ ท่านมีอะไรก็ไปทำเถอะ ไม่ต้องสนใจข้า” หยุนถิงเอ่ยขึ้น

จวินหย่วนโยวเหล่มองนาง “ได้ ให้หลงเอ้อร์อยู่เป็นเพื่อนเจ้า”

เขาบอกกล่าวแก่องค์หญิงใหญ่ จากนั่นพาหลิงเฟิงและองครักษ์คนนั้นจากไป

พอจวินหย่วนโยวไป บรรยากาศสวนดอกไม้ที่กว้างใหญ่พลันผ่อนคลายขึ้นมาก

หยุนถิงพลันผ่อนคลายลง ซื่อจื่ออยู่ที่นี่ด้วย เธอก็เกร็งเหมือนกัน

“หยุนถิง คราวนี้จวินหย่วนโยวไปแล้ว ข้าจะดูสิว่าใครจะคุ้มครองเจ้าได้อีก! อย่าถือดีว่าตนงดงาม เลยคิดว่าจะทำให้จวินซื่อจื่อรักใคร่เจ้าได้ตลอดไป ไม่ช้าก็เร็วเจ้าก็จะแก่ตัวเนื้อหนังหย่อนยานถึงเวลานั้นดูสิว่าเจ้าจะยังจองหองได้อย่างไร!” ชิงหลัวจวิ้นจู่พูดอย่างเดือดดาล

“ข้าก็ถือตนว่าอ่อนวัยสวยงามยั่วยวนซื่อจื่อไง ซื่อจื่อเองก็ชอบใบหน้านี้ของข้า ซื่อจื่อรักใคร่ข้า รักใคร่ข้า รักใคร่ข้า แต่จะว่าไปท่านหญิงท่านอารมณ์ร้อนขนาดนี้ แค่ดูก็รู้ว่าธาตุหยินหยางไม่สมดุล พอดีเลยที่นี่มีชายบำเรอมากขนาดนี้ หากสนใจถูกใจผู้ใด ขอร้ององค์หญิงใหญ่ประทานให้ท่านสิ จะได้ช่วยขับไล่ความร้อนให้ท่านด้วย” หยุนถิงย้อน

“หยุนถิงเจ้ากล้าเหยียดหยามข้า!” ชิงหลัวจวิ้นจู่ตะคอกอย่างเดือดดาล พุ่งเข้ามา เงื้อมือขึ้นจะตบหยุนถิง

องค์หญิงใหญ่ที่อยู่บนบัลลังก์มองเห็นทั้งหมดในสายตา แต่ไม่ได้เอ่ยห้ามปราม นางก็อยากเห็นฝีมือของหยุนถิงเหมือนกัน

ระยะนี้ หยุนถิงโด่งดังไปทั่วทั้งเมือง จะให้องค์หญิงใหญ่ไม่สนใจนั้นยากมาก

หลงเอ้อร์ที่อยู่ข้างๆจะลงมือ โดนหยุนถิงใช้สายตาปรามไว้ “จะฆ่าไก่ต้องใช้ดาบฆ่าวัวเลยรึ”

จากนั้นทุกคนก็เห็นหยุนถิงคว้าหมับข้อมือชิงหลัวจวิ้นจู่ไว้ พลางผันมือตบหน้านางฉาดใหญ่

“เพี๊ยะ!”

“อ๊า!” เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดดังขึ้น ชิงหลัวจวิ้นจู่ล้มลงไปกองกับพื้นทันที ฝ่ามือโดนบาดเป็นรอยแผล เจ็บจนสีหน้านางซีดเผือด

“ข้าเป็นท่านหญิงที่ฝ่าบาททรงแต่งตั้งด้วยองค์เอง เจ้ากล้าทำร้ายข้า อยากตายรึ!” ชิงหลัวจวิ้นจู่กัดเขี้ยวเคี้ยวฟัน

“ท่านหญิงแล้วอย่างไร ข้าเป็นองค์หญิงที่ฝ่าบาทแต่งตั้งด้วยองค์เองเหมือนกัน ฝ่าบาทยังรับข้าเป็นน้องสาวบุญธรรมเลย เดิมข้าอยากถ่อมตน ไหนเลยมักมีคนหาเรื่องตายใช้ฐานะมากดขี่คน ท่านหญิงเจอข้าแล้วยังไม่คารวะรึ?” หยุนถิงย้อนถาม

คำพูดเดียวทำชิงหลัวจวิ้นจู่สีหน้าซีดเผือด นางลืมเรื่องนี้ไปได้อย่างไร

ฝ่าบาทแต่งตั้งหยุนถิงเป็นองค์หญิง รับเป็นน้องสาวบุญธรรม ได้ประกาศออกไปแก่ใต้หล้าแล้ว ทุกคนต่างรู้กัน นางช่างโง่จริงๆ

มองดูท่าทางเย่อหยิ่งจองหองของหยุนถิงแล้ว ชิงหลัวจวิ้นจู่อดกลั้นความโกรธนี้ไม่ไหวแล้ว

“ก็แค่องค์หญิงเท่านั้นเอง เก่งกาจอะไรกัน ตอนนี้ข้าจะคารวะเจ้าเอง!” ชิงหลัวจวิ้นจู่ลุกขึ้นมาจากพื้นอย่างเดือดดาล เดินเข้าไปหาหยุนถิง

หากนางกลับดึงมีดสั้นที่แซมผมแทงเข้าหาหยุนถิง

หยุนถิงยิ้มเย็นมุมปาก จับข้อมือนางอย่างเร็วแรงแม่น พลิกกลับไปแทงที่ไหล่ตนเองอย่างเกรงใจเลยสักนิด

“อ๊า! เจ็บนะ หยุนถิงเจ้ากล้าฆ่าข้ารึ!” ชิงหลัวจวิ้นจู่เจ็บปวดจนสีหน้าซีดเผือด

เลือดสดสีแดงไหลรินจากไหล่ ดูน่าตกใจนัก

“ปิ่นในมือชิงหลัวจวิ้นจู่ก็ของท่านเอง ทั้งๆที่ท่านคิดอาศัยจังหวะคารวะลอบฆ่าข้า แต่กลับโดนข้าพบเข้า เจ้าทำข้าข้าก็ทำคืนเท่านั้นเอง ทุกคนในที่นี้เห็นกันอย่างชัดเจน เอาอย่างนี้เราไปหาฝ่าบาทให้ทรงพิจารณาความดีไหม?” หยุนถิงเสนอ

ชิงหลัวจวิ้นจู่ใจฝ่อลงทันที ตอบอ้อมแอ้มว่า “เรื่องเล็กน้อยแค่นี้อย่าไปรบกวนฝ่าบาทเลย แค่แผลเล็กน้อยเท่านั้นเอง”

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เช่นนั้นก็ฟังเพลงต่อแล้วกัน” หยุนถิงผลักนางออก

ชิงหลัวจวิ้นจู่เดือดดาลยิ่งนัก แทบอยากจะจับหยุนถิงมาสับเป็นหมื่นๆชิ้น แต่ตอนนี้ไหล่เจ็บจนอยากตาย นางบอกกล่าวกับองค์หญิงใหญ่ และรีบไปหาท่านหมอรักษาทันที

คนอื่นก็ตกใจกันหมด ใครก็ไม่กล้าพูดอะไร

หยุนถิงเสียอีกที่สีหน้าเรียบเฉย กินดื่มต่อไป ราวกับเมื่อครู่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

องค์หญิงใหญ่หรี่ตาลงเล็กน้อย มองพิจารณาหยุนถิง ใบหน้างามล่มเมือง งดงามเป็นหนึ่งไม่มีสอง โดยเฉพาะดวงตางามคู่นั้นมีแววเย็นเยียบ โดดเดี่ยว ไม่ยี่หระ เรือนร่างอรชร ท่าทางมีอำนาจ ประหนึ่งราชันย์ตั้งแต่เกิดเหล่มองสรรพสิ่งในใต้หล้า

มันทำให้องค์หญิงใหญ่ยิ่งแปลกใจหนักขึ้น สตรีที่สามารถทำให้จวินหย่วนโยวรักใคร่โปรดปรานเพียงผู้เดียว ต้องไม่ได้มีท่าทางอย่างที่เห็นภายนอกแน่

ด้านข้างชายบำเรอผู้หนึ่งกำลังเทน้ำชาให้ฮูหยินท่านหนึ่ง สุดท้ายไม่ระวังโดนมือฮูหยินคนนั้น เลยโดนฮูหยินคนนั้นผลักกระเด็นออกไป และผลักชาร้อนถ้วยนั้นรดแขนชายบำเรอไปด้วย ทำเอาเขาเจ็บปวดจนหน้าซีดเผือด

“เจ้าคนชั้นต่ำอย่างเจ้า กล้ามาแตะต้องมือข้า นายท่านของข้ารับใช้มาสามรัชสมัย เจ้าคนชั้นต่ำไร้ยางอายเช่นเจ้าคู่ควรมาเทน้ำชาให้ข้ารึ ในฐานะบุรุษ ไม่คิดปกป้องบ้านเมือง ไม่พึ่งพาตนเอง กล้าทำพฤติกรรมไร้ยางอาย ยอมเป็นเครื่องบำเรอให้ผู้อื่นเช่นนี้ออกมา คู่ควรเป็นคนรึ ไสหัวไป!” ฮูหยินไท่ผิงโหวชี้หน้ากราด บอกอย่างไม่แยแส

ชายบำเรอผู้นั้นสีหน้าหวาดหวั่นยิ่งนัก คุกเข่าลงกับพื้นทันที รีบขอโทษขอโพย “ฮูหยิน ข้าขออภัย ข้ามิได้ตั้งใจ ขออภัยด้วย”

ฮูหยินไท่ผิงโหวไม่อภัยให้เลยสักนิด นางหยิบชาร้อนจอกนั้นขึ้นมาราดใส่ตัวชายบำเรอคนนั้นทันที

หยุนถิงขมวดคิ้ว แค่ฮูหยินไท่ผิงโหวคนหนึ่งกล้ามาเหิมเกริมต่อหน้าองค์หญิงใหญ่ สั่งสอนคนขององค์หญิงใหญ่ เรื่องนี้มันพิกลนัก

หากมิใช่โง่เกินไป ก็ต้องหาเรื่องตาย

พอหันไปมององค์หญิงใหญ่ คนธรรมดาต้องเดือดดาลโกรธจัดแล้ว เพราะจะตีหมายังต้องดูเจ้าของด้วย ยิ่งไปกว่านั้นเป็นองค์หญิงใหญ่ที่จองหองเอาแต่ใจ

หยุนถิงคิดถึงทุกความเป็นไปได้แล้ว พอเห็นสีหน้าชายบำเรอบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด แต่ไม่กล้าส่งเสียง มีหลายฝีเท้าพุ่งเข้ามา แย่งชาร้อนกานั้นโยนลงพื้น

“เพี๊ยะ!” กาน้ำชานั้นลงพื้นแตกละเอียด น้ำชาแตกกระเซ็น ทำเอาทุกคนตกใจไปตามๆกัน

จอมนางข้ามภิภพ

จอมนางข้ามภิภพ

Status: Ongoing
นางเป็นบุตรีเอกแห่งจวนเฉิงเสี้ยง เป็นยัยอัปลักษณ์ไร้ค่าผู้ฉาวโฉ่ กลับมีรักแรกพบกับหลีอ๋อง คะยั้นคะยอจะอภิเษกสมรสกับหลีอ๋องอย่างไม่กลัวสิ่งใด ณคืนวันอภิเษกถูกหลีอ๋องทำอัปยศอดสูจนตายพอลืมตาขึ้นดันทะลุมิติมาอีกภพหนึ่งกลายเป็นศาสตราจารย์หมอพิษสมัยใหม่ควบสองบัณฑิต คนที่เคยรังแกนาง มันต้องเอาคืนเป็นร้อยเท่าพันเท่า นาง…จัดการกับพวกสันดานชั่วอย่างออกนอกหน้า หาเงินอย่างถ่อมตน มัสมบัติระรวยใต้หล้า เพื่อหลุดพ้นจากหลีอ๋อง เลยแต่งในฐานะนางสนมของซื่อจื่อ กลับคิดไม่ถึงว่าจะไปกระตุกหนวดเสือให้เข้าแล้ว เขาเป็นซื่อจื่อผู้ป่วยเสาะแสะ สุขุมอ่อนโยน เย็นชาเจ้าเล่ห์ ร่างมีพิษที่จะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน หยุนถิงเป็นคนช่วยเขาแก้พิษ ทำให้เขากลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง เขาสาบานว่า จะอยู่กินกับนางแต่เพียงผู้เดียว หลังแต่งงาน นางนวดเอวที่ปวดอยู่ เตะเขาลงจากเตียง:“รับจดหมายรักจากหญิงอื่น ยังกล้ามานอนกับหม่อมฉันอีกรึ?” เขารีบอธิบาย:“น้องนาง ข้าผิดไปแล้ว ใครกล้ามาแย่งข้าไปจากเจ้า ข้าจะตัดขานางให้รู้แล้วรู้รอด” นางยักคิ้วหลิ่วตา:ก็ท่านนี่แหละที่เป็นต้นเหตุ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท