จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 305 ซื่อจื่อท่านโดนปล้นรึ
ฮูหยินไท่ผิงโหวอึ้งไปเลย “หยุนถิง เจ้ากล้ามายับยั้งข้า เจ้าอยากเป็นศัตรูกับจวนไท่ผิงโหวรึ?”
หยุนถิงยื่นมือออกมาช่วยพยุงชายบำเรอคนนั้นขึ้นมา “ฮูหยินไท่ผิงโหวสูงส่งกว่าคนอื่นรึ ชายบำเรอพวกนี้ล้วนมีพ่อมีแม่เหมือนกัน พวกเขาเองก็เคยเป็นสมบัติล้ำค่าของครอบครัวเช่นกัน
หากมิใช่เพราะชาติกำเนิด หรือฐานะครอบครัว หรือเจอเหตุยากลำบาก มีความจำเป็น อยู่ต่อไปไม่ได้แล้ว ใครจะอยากมาเป็นชายบำเรอกัน แล้วมีใครบ้างที่ยินดีอยากเป็นเครื่องบำเรอให้คนอื่น ก้มหัวทำตัวต่ำต้อย
คนมีการแบ่งแยกชาติกำเนิดสูงต่ำด้วยรึ อย่าดูถูกคนไม่ว่าใครก็ตาม บางทีพวกเขาในวันนี้เป็นของเล่นให้คนสำราญใจ ไม่แน่วันหน้าพวกเขาจะสามารถผงาดยืนหยัดในสังคม ทำให้ท่านเทียบเคียงไม่ติดเลยทีเดียว”
พอคำพูดนี้ออกมา ทำทุกคนตกตะลึง
โดยเฉพาะชายบำเรอพวกนั้นพากันมองมาทางหยุนถิงด้วยสีหน้าตกตะลึงเหลือเชื่อ ชายบำเรอผู้นั้นที่ถูกนางพยุงขึ้นมาดวงตาแดงก่ำทันที สั่นสะท้านไปทั้งตัวอย่างตื่นเต้น
ฮูหยินไท่ผิงโหวสีหน้าเย็นชา “หยุนถิง นี่เจ้าฝันกลางวันอยู่รึ ก็แค่ชายบำเรอกลุ่มหนึ่งเท่านั้น ชาติกำเนิดสูงต่ำอะไร พวกมันคู่ควรรึ?”
“คู่ควรหรือไม่ ไม่ใช่ท่านเป็นผู้ตัดสิน แต่เป็นตัวพวกเขาเอง คนเราไม่อาจเลือกชาติกำเนิดเองได้ แต่ชะตาชีวิตล้วนอาศัยตนเองเป็นผู้เปลี่ยนมันได้” หยุนถิงย้อนถาม
“เหตุผลน่ะใครพูดไม่เป็นบ้าง เจ้าเห็นใจพวกมันเพียงนี้ เจ้าก็ช่วยพวกมันสิ?” ฮูหยินไท่ผิงโหวบอกอย่างไม่พอใจ
“ขอร้องคนอื่นไม่สู้ช่วยตัวเอง หากตนเองไม่พยายาม เอาแต่ขี้เกียจและหาความสุข ต่อให้ข้าช่วยก็ไม่มีประโยชน์”
“พูดจาน่าฟัง ไม่ใช่เพราะเจ้าไม่กล้าขัดใจองค์หญิงใหญ่หรอกรึ?”
“ข้าไม่กล้าขัดใจจริงๆ ท่านกล้าท่านทำเองสิ?” หยุนถิงย้อนถาม
ฮูหยินไท่ผิงโหวถลึงตาใส่หยุนถิงอย่างเดือดดาล “เหลวไหลไร้สาระ เจ้าอย่ามายุแยงพวกเรานะ”
“เอาล่ะ ไม่ต้องเถียงกันแล้ว วันนี้จวนองค์หญิงของข้าช่างครึกครื้นเสียจริง คนมีการแบ่งแยกชาติกำเนิดสูงต่ำด้วยรึ คำพูดนี้ช่างดียิ่ง อาศัยเพียงคำพูดนี้ หยุนถิง ข้าขอคารวะเจ้า” องค์หญิงใหญ่ยกจอกเหล้าขึ้น
หยุนถิงรีบยื่นมือไปหยิบจอกเหล้าขึ้นมาทันที “องค์หญิงใหญ่เกรงใจแล้ว ข้าแค่พูดไปตามความรู้สึกเท่านั้น ข้าคารวะท่าน” พูดพลางเงยหน้าดื่มลงไป
ดวงตาองค์หญิงใหญ่มีแววพึงพอใจ พลางดื่มเหล้าจอกนั้นไป
ฮูหยินไท่ผิงโหวสีหน้ากระอักกระอ่วน “องค์หญิงใหญ่ หม่อมฉันพลันนึกขึ้นมาได้ว่า ที่บ้านยังมีกิจต้องทำ ขอตัวลาก่อนนะเพคะ”
“กลับไปเถอะ คนอื่นใครอยากไปก็ไปเถอะ” องค์หญิงใหญ่แค่นเสียงเย็นใส่
ทุกคนพร้อมกันพุ่งไปที่หน้าประตูทันที ต่างพากันไปหมดเลย
เหลือเพียงหยุนถิงที่ยังไม่จากไป
องค์หญิงใหญ่แปลกใจนัก “เหตุใดเจ้าไม่ไปล่ะ?”
“อาหารขององค์หญิงใหญ่รสชาติไม่เลวเลย และยังมีชายบำเรอหน้าตาหล่อเหลามาร้องรำทำเพลงดีดพิณด้วย วันเวลาแห่งความสุขเช่นนี้ข้าจะพลาดได้อย่างไรกัน” หยุนถิงตอบ
“ฮะฮะ สมเป็นหยุนถิง เจ้าไม่เหมือนผู้อื่นจริงๆ ข้าไม่ได้มองคนผิด” องค์หญิงใหญ่เอ่ยชื่นชม
“องค์หญิงชื่นชมไปแล้ว”
ต่อมาองค์หญิงใหญ่ดื่มไปคุยไปกับหยุนถิง มีความสุขยิ่งนัก
หยุนถิงเหล่เห็นน้ำมันทาเล็บบนเล็บองค์หญิงใหญ่พอดี “องค์หญิง เล็บของท่านงามนักเพคะ”
องค์หญิงใหญ่มองนิ้วมือตนเอง “เจ้าหมายถึงสิ่งนี้รึ ชิงเฟิงช่วยข้าวาดน่ะ หากเจ้าชอบ ข้าจะให้เขาวาดให้เจ้าหนึ่งชุดนะ”
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นข้าไม่เกรงใจองค์หญิงแล้วนะ” หยุนถิงเอ่ยปาก
“ชิงเฟิง หายากยิ่งที่คุณหนูหยุนชื่นชอบฝีมือทาเล็บของเจ้า มาช่วยวาดให้คุณหนูหยุนเถอะ” องค์หญิงใหญ่เอ่ยปาก
ชายบำเรอหน้าตาหล่อเหลาคมคายผู้หนึ่งเดินเข้ามาทันที และยังยกถาดอุปกรณ์มาอีกด้วย “คารวะคุณหนูหยุน”
“ลำบากเจ้าแล้ว วาดให้ข้าสักหน่อยก็ได้แล้ว” หยุนถิงสั่งการ
“ขอรับ”
ชิงเฟิงช่วยเธอทาเล็บทันที หยุนถิงมองอย่างละเอียด คล้ายๆกับการเพนท์เล็บในยุคปัจจุบัน แต่ใช้สีที่ทำจากดอกไม้มาย้อมสี คงอยู่ได้ไม่นานแน่
หยุนถิงพลันนึกถึงการเพนท์เล็บในยุคปัจจุบัน ผู้หญิงยุคโบราณก็รักสวยรักงาม เมื่อกี้เธอเห็นคุณหนูมากมายก็ทาเล็บ หากสามารถกระจายออกไปได้ ต้องได้รับความนิยมมากแน่
ไม่นานชิงเฟิงก็วาดให้หยุนถิงเสร็จ หยุนถิงพอใจมาก ยกครีมทามือให้ชิงเฟิงไปอันหนึ่ง
“นี่เป็นครีมทามือที่ข้าคิดค้นขึ้นมาใหม่ ข้าเห็นสองมือของเจ้าเนียนละเอียด ดูท่าคงจะดูแลเป็นอย่างดีในปกติ ถือว่เป็นของขวัญขอบคุณละกัน” หยุนถิงบอก
ชิงเฟิงตกใจอยู่บ้าง คุณหนูหยุนไม่ดูถูกเขาเลยแม้แต่น้อย และยังให้ของเขา ชิงเฟิงหันมององค์หญิงใหญ่ทันที
“ในเมื่อคุณหนูหยุนให้รางวัลเจ้า เจ้าก็รับไว้เถอะ” องค์หญิงใหญ่บอก
“ขอรับ ขอบคุณคุณหนูหยุนมาก” ชิงเฟิงรับมาพลางถอยไป
หยุนถิงอยู่คุยกับองค์หญิงใหญ่ครู่หนึ่ง จนฟ้ามืดถึงกลับ
ตอนพวกนางเข้าไป จวินหย่วนโยวก็เดินเข้ามาจากด้านนอก เสื้อผ้ามีแววยับย่น หว่างคิ้วมีแววเหนื่อยล้า บนหน้ายังมีคราบฝุ่น แต่สีหน้ากลับดูยินดีนัก
“ซื่อจื่อ นี่ท่านโดนปล้นมารึ?” หยุนถิงมองอย่างเป็นห่วง
“ผิด ข้าไปปล้นคนอื่นมา ไปล้างแค้นให้รั่วจิ่ง” จวินหย่วนโยวปลาบปลื้มยิ่งนัก
หยุนถิงถึงบางอ้อ มิน่าล่ะซื่อจื่อถึงมีสีหน้าเคร่งเครียดขนาดนั้นที่จวนองค์หญิงใหญ่ ที่แท้ก็พบเจอคนที่ลอบทำร้ายรั่วจิ่ง
“เช่นนั้น ยินดีกับซื่อจื่อด้วยนะ”
“คนที่ทำร้ายข้า ข้าไม่มีวันปล่อยมันไปแน่!” จวินหย่วนโยวบอกอย่างองอาจ จากนั้นเหล่มองเล็บมือหยุนถิง
“บนเล็บเจ้านั่นคืออะไรกัน?”
“น้ำมันทาเล็บไง ทำที่จวนองค์หญิงใหญ่น่ะ ตอนนั้นเห็นเล็บองค์หญิงใหญ่สวยดี ข้าเลยพูดขึ้นมา องค์หญิงใหญ่เลยให้คนทำให้ข้าด้วย” หยุนถิงตอบ
จวินหย่วนโยวสีหน้าเย็นชาทันที “ดังนั้น ชายบำเรอพวกนั้นเป็นคนทาเล็บให้เจ้ารึ?”
หยุนถิงมองออกถึงความไม่พอใจของจวินหย่วนโยว ยิ้มกระอักกระอ่วนว่า “ก็รู้สึกว่าสนุกดีนี่นา ซื่อจื่อท่านทำเป็นไม่เห็นแล้วกัน”
“ข้าเห็นแล้ว ไปล้างออกให้หมด” จวินหย่วนโยวสั่งด้วยสีหน้าทะมึน
“ไม่เอา สวยดีออก ข้ายังไม่เบื่อเลย” หยุนถิงพึ่งพูดจบ ก็โดนจวินหย่วนโยวดึงตรงไปที่อ่างน้ำในเรือนทันที และจับมือเธอยัดลงอ่างอย่างรุนแรง ช่วยล้างเล็บให้นาง
หยุนถิงเริ่มไม่พอใจ “ซื่อจื่อท่านบ้าอำนาจไปแล้วนะ แค่ทาเล็บเท่านั้นเอง ต้องขนาดนี้เลยรึ?”
“มือฮูหยินของข้า จะโดนชายบำเรอเหล่านั้นแตะต้องได้อย่างไร?”
หยุนถิงเบ้ปาก “ซื่อจื่อท่านทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ไปได้ ก็แค่ทาเล็บเท่านั้นเอง?”
“เขาแตะต้องมือเจ้าแล้ว!” น้ำเสียงจวินหย่วนโยวเย็นลงไปอีกหลายส่วน และช่วยล้างเล็บให้หยุนถิงอย่างแรง จนนิ้วมือทั้งสิบล้างสะอาดแล้ว จวินหย่วนโยวถึงเอามือหยุนถิงออกมา
หยุนถิงไม่พูดอะไร ถลึงตามองจวินหย่วนโยวด้วยสีหน้าไม่พอใจ
จู่ๆเธอก็รู้สึกว่า ผู้ชายบ้าอำนาจเกินไปไม่ใช่เรื่องดีเลย
หลงเอ้อร์ยื่นผ้าเข้ามาอย่างรู้งาน จวินหย่วนโยวรับมาช่วยเช็ดมือให้หยุนถิง
“ไปเอาของที่ใช้ทาเล็บมา!”
“ขอรับ” หลงเอ้อร์รีบไปจัดการทันที
หยุนถิงอดประหลาดใจไม่ได้ ซื่อจื่อจะเอาสิ่งนี้ไปทำอะไรกันแน่
ไม่นาน หลงเอ้อร์ซื้ออุปกรณ์ทำน้ำมันทาเล็บครบชุดที่เป็นที่นิยมที่สุดในเมืองหลวงมา “ซื่อจื่อ”
“วางลงเถอะ”
หลงเอ้อร์วางกล่องใหญ่นั่นวางบนโต๊ะหินในเรือน จวินหย่วนโยวดึงมือหยุนถิงเดินเข้ามา “นั่งลง”
“อะไรล่ะ?” หยุนถิงถามอย่างเซ็งๆ
“ในเมื่อเจ้าชอบทาเล็บ ข้าช่วยเจ้าวาด” จวินหย่วนโยวเปิดกล่องออก หยิบของด้านในออกมา