จอมนางข้ามภิภพ – บทที่ 312 ทำตัวเองต้องโดนหนัก

จอมนางข้ามภิภพ

จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 312 ทำตัวเองต้องโดนหนัก

“เจ้าคิดยังไง?” จี๋ผินร้อนใจ หวาดกลัวพิกล

นางรู้สึกเสียใจขึ้นมา ทำไมต้องฟังคำพูดคนผู้นั้นต่อกรกับหยุนถิงด้วย เดิมคิดว่าตนวางแผนได้ไร้ที่ติแล้ว แต่กลับโดนหยุนถิงเอาคืน น่าตายนัก

หยุนถิงซื้อตัวคนข้างกายตนตั้งแต่เมื่อใดกัน ทำไมนางไม่รู้มาก่อนเลย?

“ข้ากับจี๋ผินเดิมไม่ก้าวก่ายกัน วันนี้หากมิใช่ท่านหาเรื่อง อยากจะฆ่าข้าให้ตาย ข้ามีหรือจะทำกับท่านอย่างนี้ ท่านทำตัวเองทั้งนั้น!” หยุนถิงบอกอย่างไม่แคร์

ขนาดคนพวกนั้นที่เดิมสนับสนุนจี๋ผิน ตอนนี้พากันยืนอยู่ข้างหยุนถิงหมดแล้ว

“เมื่อครู่พวกเราเห็นหมดแล้ว คือนางกำนัลผู้นี้ทำเสื้อผ้าคุณหนูหยุนเปียกชื้น จี๋ผินเหนียงเหนียงถึงได้เสนอพาคุณหนูหยุนไปเปลี่ยนเสื้อผ้า” ฮูหยินท่านหนึ่งพูดขึ้นเสียงเบา

“จี๋ผินก็จริงๆเลย คิดอยากเล่นงานคุณหนูหยุน คุณหนูหยุนน่ะเป็นผู้ที่นางจะคิดเล่นงานได้รึ”

“คราวนี้ทำตัวเองแล้วกระมัง”

“ซื่อจื่อเฉลียวฉลาดมีสติปัญญาที่สุด เขามีหรือจะมองไม่ออกว่าฮูหยินของตนเป็นตัวจริงหรือตัวปลอม ซื่อจื่อยังไม่ได้พูดเลยนะ คราวนี้จี๋ผินแย่แน่”

พอได้ยินเสียงกระซิบกระซาบของทุกคน จี๋ผินถึงตาใส่คนพวกนั้นอย่างเดือดดาล “พวกเจ้าหุบปากซะ!”

“เจ้าต่างหากที่หุบปากซะ!” ฮ่องเต้เดือดจัด

จี๋ผินตกใจตัวสั่น “ฝ่าบาท หม่อมฉันมิผิดนะเพคะ หม่อมฉันเพียงแค่ไม่อยากให้ท่านโดนหลอก หม่อมฉันจงรักภักดีต่อฝ่าบาท ขอฝ่าบาททรงพิจารณาด้วย!”

หยุนถิงยิ้มเย็น พยักหน้าใส่หลงซื่อที่อยู่ท่ามกลางผู้คน องครักษ์คนนั้นรีบลากชายผู้หนึ่งเข้ามา

“นี่คือฝ่าบาท พูดสิ่งที่เจ้ารู้ออกมาให้หมดซะ” หลงซื่อแค่นเสียงเย็น

ชายอายุสี่สิบกว่าคนนั้นตกใจเข่าอ่อน คุกเข่าลงกับพื้น “ข้าน้อยถวายบังคมฝ่าบาท!”

ฮ่องเต้มองสายตาเย็นชา “เขาคือใคร?”

“กราบทูลฝ่าบาท เขาคือสามีของซูมามา ลั่วเหล่าลิ่ว” หลงซื่อตอบ

“เจ้ามาทำอะไร รีบกลับไป” ซูมามาถลึงตาใส่อย่างเดือดดาล นางไม่อาจรอดได้ เหล่าลิ่วนี่มาทำไมกัน

“ยายแก่เจ้าใส่ร้ายคุณหนูหยุนได้อย่างไร ตอนนั้นข้าโดนคุณชายหลิ่วทุบตีทำร้าย โชคดีที่คุณหนูหยุนผ่านมาช่วยชีวิตข้าไว้ เจ้าไม่รู้บุญคุณคน กลับใส่ร้ายคุณหนูหยุนเพื่อกำไลอันเดียว เจ้ามันหลงผิดไปแล้วจริงๆ เจ้ายังเป็นคนอยู่หรือไม่?

ฝ่าบาท ข้าน้อยรู้เรื่องนี้เข้าก็รีบมาเลย นี่เป็นสิ่งที่ซูมามาเอากลับไปบอกว่า นายท่านประทานให้ ขอฝ่าบาทคืนความเป็นธรรมให้คุณหนูหยุนด้วย” ลั่วเหล่าลิ่วรีบควักกำไลอันหนึ่งออกมาจากในเสื้อ

ฮ่องเต้เหล่มอง สีหน้าพลันเย็นเยียบดุจน้ำแข็ง ดวงตาสีดำมีแววเหี้ยมเกรียมและประกายแสงกระหายเลือด เขาตวัดฝ่ามือใส่จี๋ผินไปหนึ่งฉาด

“เพี๊ยะ!”

“อ๊า! ฝ่าบาท ตบหม่อมฉันทำไม?” จี๋ผินอึ้งไปเลย

“นังแพศยา กำไลหยกที่ข้าประทานให้แก่เจ้า เจ้ากลับเอามาล่อลวงคนรับใช้ใส่ร้ายหยุนถิง ทำเรื่องเลวทรามต่ำช้าเช่นนี้ออกมา และยังอยู่ภายใต้สายตาข้าอีกด้วย หาเรื่องตาย!” ฮ่องเต้ระเบิดความโกรธ

“ฝ่าบาทไว้ชีวิตด้วย หม่อมฉันบริสุทธิ์จริงๆนะเพคะ!” จี๋ผินรีบขอร้อง

“บัดนี้พยานหลักฐานพร้อมสรรพ เจ้ายังไม่รู้จักยอมรับผิด ยังแก้ตัว ดูท่าปกติข้าจะตามใจเจ้ามากเกินไปแล้ว” ฮ่องเต้ตะคอกอย่างเดือดดาล

องครักษ์พาคนอีกคนเข้ามา คนผู้นั้นคือพ่อบ้านจวนตระกูลหยุน

“ข้าน้อยถวายบังคมฝ่าบาท ข้าน้อยเป็นพ่อบ้านจวนตระกูลหยุน นายท่านของข้าไม่สบาย ไม่อาจมาด้วยตนเองได้ ได้ยินว่ามีคนใส่ร้ายคุณหนูของเรา นายท่านให้ข้าน้อยรีบมาเป็นพยานให้คุณหนู

ฝ่าบาท ข้าน้อยทำงานรับใช้จวนตระกูลหยุนมาสิบกว่าปีแล้ว เห็นคุณหนูใหญ่เติบโตมากับตา ข้าน้อยเป็นพยานได้ว่าคุณหนูใหญ่นั้นเป็นตัวจริงเสียงจริงแน่นอน

ซูมามาผู้นี้ตอนนั้นเป็นแม่นมของจวนตระกูลหยุนจริงๆ แต่นางอยู่แค่ปีเดียวก็โดนไล่ออกไป เพราะลักเล็กขโมยน้อย

นางขโมยของมีค่าในจวนไปแลกเงิน โดนข้าน้อยจับได้ นายท่านของข้าเห็นแก่หน้าคุณหนูใหญ่ เลยมิได้ลงโทษนาง เพียงไล่นางออกจากจวนเท่านั้นเอง

แต่ไม่คิดเลยว่า ผ่านไปหลายปีแล้ว นางกลับชั่วร้ายเพียงนี้ กล้ากระทำการใส่ร้ายคุณหนูใหญ่ หากรู้เยี่ยงนี้ ตอนนั้นนายท่านไม่ควรละเว้นเจ้าเลย” พ่อบ้านจวนตระกูลหยุนตะคอกอย่างเดือดดาล

ซูมามาตัวอ่อนยวบลงพื้น สีหน้าซีดเผือด เรื่องแต่เก่าก่อนโดนเปิดโปง อับอายขายหน้าจนแทบแทรกแผ่นดินหนี

ฮ่องเต้ปรายตามองทุกคนบนพื้นด้วยสายตาเย็นชา สีหน้าทะมึนยิ่งนัก เดือดดาลทะลุฟ้า “เรื่องในวันนี้จี๋ผินวางแผนใส่ร้ายหยุนถิง กล้ามาใส่ร้ายหยุนถิงต่อหน้าธารกำนัล อีกทั้งซื้อตัวคนมาเป็นพยานเท็จ ลักพาตัวลูกคนอื่น จี๋ผินจิตใจชั่วร้าย โหดเหี้ยมอำมหิต นับตั้งแต่วันนี้ยึดตำแหน่งคืน ปลดเป็นสามัญชน ลงโทษประหารแยกร่าง ตระกูลจี๋ริบทรัพย์สิน ให้เนรเทศทุกคนไปชายแดน ห้ามกลับเข้าเมืองหลวงตลอดชีวิต

ซูมามาเป็นคนรับใช้จวนตระกูลหยุน ไม่เพียงไม่สำนึกบุญคุณที่หยุนเฉิงเซี่ยงยั้งมือไว้คราวนั้น บัดนี้ยังมาเป็นพยานเท็จใส่ร้ายหยุนถิงอีก ข้ารับใช้ที่ทยรศนายและยังจิใจโหดเหี้ยมเช่นนี้ ให้ลงโทษทุบตีจนตาย และแขวนศพไว้ที่หน้าประตูเมืองหนึ่งเดือน เพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่าง

ส่วนนางกำนัลผู้นี้ ถึงจะโดนบีบบังคับ แต่เห็นแก่ที่นางถูกจี๋ผินใช้ชีวิตคนในครอบครัวข่มขู่ ให้ลงโทษโบยยี่สิบทีแล้วขับไล่ออกจากวัง

ลั่วเหล่าลิ่วผู้นี้นำหลักฐานมาได้ทันท่วงที ช่วยคืนความบริสุทธิ์ให้หยุนถิง อีกทั้งไม่เห็นแก่สายสัมพันธ์เครือญาติ ให้รางวัลหนึ่งร้อยตำลึงเงิน

ถึงนางจ้าวจะเป็นพยานเท็จ แต่ก็โดนบีบบังคับ ลงโทษให้นาง—“

“ฝ่าบาท ถึงก่อนหน้านี้นางจ้าวจะเล่นงานข้า แต่ระยะนี้นางอยู่ในคุกหลวง ข้าคิดว่านางจ้าวคงคิดตกแล้ว ถึงวันนี้ตอนแรกนางจ้าวจะโดนบังคับให้เป็นพยานเท็จ แต่ความดีงามก็ทำให้นางพูดความจริง ขอฝ่าบาทเห็นแก่หน้าหม่อมฉัน ปล่อยนางจ้าวกลับจวนตระกูลหยุนเถอะ เชื่อว่าต่อไปนางต้องอยู่อย่างสงบเสงี่ยมแน่” หยุนถิงตัดบทคำพูดของฝ่าบาท

พอนางจ้าวได้ยินอย่างนั้น ซาบซึ้งใจยิ่งนัก รีบคุกเข่าลง “ขอบพระคุณคุณหนูใหญ่ยิ่งนัก ฝ่าบาท หม่อมฉันสำนึกผิดแล้วจริงๆ ต่อไปหม่อมฉันไม่กล้าอีกแล้ว ตอนนี้หม่อมฉันกลับเนื้อกลับตัวแล้วจริงๆ ต่อไปต้องดูแลคุณหนูใหญ่ให้ดี ขอฝ่าบาทให้โอกาสหม่อมฉันไถ่โทษด้วยเถอะ”

หยุนเสี่ยวลิ่วกับหยุนหลิงเห็นอย่างนั้น รีบคุกเข่าตาม “ขอฝ่าบาทละเว้นท่านแม่ข้าด้วยเถอะ ท่านแม่ข้านางสำนึกผิดแล้วจริงๆ ต่อไปจะกลับเนื้อกลับตัวแน่นอน”

ฮ่องเต้เลิกคิ้วมองหยุนถิง “ในเมื่อเจ้าพูดอย่างนี้แล้ว ข้าก็จะละเว้นนาง แต่หากมีครั้งหน้า ข้าจะให้นางลงไปอยู่เป็นเพื่อนซูมามา”

นางจ้าวตกใจตัวสั่นเทา รีบโขกศีรษะ “ขอบพระทัยฝ่าบาท หม่อมฉันไม่กล้าคิดทำชั่วอีกแล้ว ขอบพระทัยฝ่าบาท ขอบคุณคุณหนูใหญ่”

เหล่าองครักษ์เข้ามาลากตัวคนทั้งหมดออกไป

เหตุการณ์สงบลงแล้ว และกลุ่มคนที่มองดูละครสนุกเมื่อครู่ก็ซวยละ โดยเฉพาะชิงหลัวจวิ้นจู่และฮูหยินไท่ผิงโหว พวกนางสองคนตกใจอึ้งไปเลย ใครจะคิดว่าเรื่องจะพลิกกลับตาลปัตรขนาดนี้

ฮ่องเต้ถลึงตาใส่พวกนางสองคนอย่างเดือดดาล “ชิงหลัวจวิ้นจู่ รู้จักคนเพียงผิวเผิน แยกแยะผิดชอบชั่วดีไม่ถูก เกือบจะกลายเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดของจี๋ผิน บุตรสาวทำผิด ผิดที่บิดาไม่สั่งสอน ลงโทษยึดเงินเดือนหนึ่งปีของอันติ้งอ๋อง ต่อไปชิงหลัวจวิ้นจู่ไม่ต้องเข้าวังมาแล้ว

ส่วนฮูหยินไท่ผิงโหว ไม่เพียงไม่แยกแยะผิดชอบชั่วดี ยังพัดหวี่ใส่ไฟ พูดจาเสียดสีใส่ร้ายผู้อื่น ดูท่าชีวิตของไท่ผิงโหวจะสบายมากเกินไป ชายแดนทางเหนือมีโจรออกอาละวาด ข้าขอสั่งให้ไท่ผิงโหวพาครอบครัวย้ายไปชายแดนทางเหนือ หากไม่กำจัดโจรให้สิ้นซากในวันใด ก็ห้ามกลับเมืองหลวงโดยเด็ดขาด! พวกที่เมื่อครู่ก้าวออกมาสงสัยหยุนถิง ให้ลงโทษเงินเดือนหนึ่งปีทั้งหมด เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง เรื่องในวันนี้ข้าไม่หวังให้เกิดขึ้นเป็นครั้งที่สอง หยุนถิงก็คือหยุนถิง หากใครกล้าสงสัยฐานะของนางอีก ก็คือสงสัยการตัดสินใจของข้า ข้าจะไม่ละเว้นโดยเด็ดขาด!”

น้ำเสียงเย็นเยียบองอาจ ทรงอำนาจ สะท้านสะเทือนไปตามๆกัน

จอมนางข้ามภิภพ

จอมนางข้ามภิภพ

Status: Ongoing
นางเป็นบุตรีเอกแห่งจวนเฉิงเสี้ยง เป็นยัยอัปลักษณ์ไร้ค่าผู้ฉาวโฉ่ กลับมีรักแรกพบกับหลีอ๋อง คะยั้นคะยอจะอภิเษกสมรสกับหลีอ๋องอย่างไม่กลัวสิ่งใด ณคืนวันอภิเษกถูกหลีอ๋องทำอัปยศอดสูจนตายพอลืมตาขึ้นดันทะลุมิติมาอีกภพหนึ่งกลายเป็นศาสตราจารย์หมอพิษสมัยใหม่ควบสองบัณฑิต คนที่เคยรังแกนาง มันต้องเอาคืนเป็นร้อยเท่าพันเท่า นาง…จัดการกับพวกสันดานชั่วอย่างออกนอกหน้า หาเงินอย่างถ่อมตน มัสมบัติระรวยใต้หล้า เพื่อหลุดพ้นจากหลีอ๋อง เลยแต่งในฐานะนางสนมของซื่อจื่อ กลับคิดไม่ถึงว่าจะไปกระตุกหนวดเสือให้เข้าแล้ว เขาเป็นซื่อจื่อผู้ป่วยเสาะแสะ สุขุมอ่อนโยน เย็นชาเจ้าเล่ห์ ร่างมีพิษที่จะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน หยุนถิงเป็นคนช่วยเขาแก้พิษ ทำให้เขากลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง เขาสาบานว่า จะอยู่กินกับนางแต่เพียงผู้เดียว หลังแต่งงาน นางนวดเอวที่ปวดอยู่ เตะเขาลงจากเตียง:“รับจดหมายรักจากหญิงอื่น ยังกล้ามานอนกับหม่อมฉันอีกรึ?” เขารีบอธิบาย:“น้องนาง ข้าผิดไปแล้ว ใครกล้ามาแย่งข้าไปจากเจ้า ข้าจะตัดขานางให้รู้แล้วรู้รอด” นางยักคิ้วหลิ่วตา:ก็ท่านนี่แหละที่เป็นต้นเหตุ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท