จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 315 ขายหวีให้หลวงจีน
ผ่านไปนานโข จวินหย่วนโยวกับหยุนถิงถึงจูบเสร็จ หยุนถิงหอบหายใจเอนพิงหน้าอกจวินหย่วนโยว
ทั้งสองคนไม่มีใครพูดอะไร เอาแต่นั่งเอนพิงอีกฝ่ายเงียบๆ ฟังเสียงนกและแมลง ช่างอบอุ่นยิ่งนัก
หยุนถิงเองไม่ได้ผ่อนคลายอย่างนี้นานแล้ว เธอเอนพิงหน้าอกจวินหย่วนโยว ฟังเสียงหัวใจเขาเต้นอย่างเป็นจังหวะ ไม่นานเธอก็หลับไปจริงๆ
จวินหย่วนโยวได้ยินเสียงหายใจแผ่วเบาของนาง ยิ้มมุมปาก ก่อนจะหลับตาตาม
โม่ฉือหานที่ซ่อนตัวบนต้นไม้ห่างไปไม่ไกลนักมองอย่างตะลึง เขานึกว่าพวกเขาจูบต่อ ไม่คิดว่าทั้งสองคนจะเอนพิงกันสงบนิ่งอย่างนี้
มันทำให้โม่ฉือหานยิ่งอึดอัดมากขึ้น ทั้งๆที่ทั้งหมดนี้ควรจะเป็นของตน แต่บัดนี้กลับต้องมาทนเห็นหยุนถิงพลอดรักกับจวินหย่วนโยว โม่ฉือหานแค้นใจนัก
เขาเหาะจากไป จนห่างไปไกลมากถึงหยุดลง
โม่ฉือหานซัดหมัดหนึ่งใส่ต้นยไม้ใหญ่อย่างแรง ต้นไม้ใหญ่โดนซัดจนผ่าออกเป็นสองท่อนคาที่
“หลีอ๋องโกรธมากเลยรึ?” น้ำเสียงดูมีบางอย่างแอบแฝงดังขึ้น
โม่ฉือหานสีหน้าเย็นชา หันไปมองคนด้านหลัง
ร่างหนึ่งในชุดดำ หน้ากากปีศาจร้ายสีแดงอย่างเห็นได้ชัด คือเจ้าสำนักแห่งสำนักราตรี
“หนานเทียนหลิน ทำไมเป็นเจ้าได้ล่ะ?” โม่ฉือหานขมวดคิ้ว
ก่อนหน้านี้ไม่นาน สำนักราตรีโดนฆ่าล้างสำนักหมดภายในคืนเดียว หลังจากนั้นโม่ฉือหานยังส่งคนไปสืบ ที่แท้คือองครักษ์เงามังกรกับหอดวงจันทร์ร่วมมือกัน
ไม่คิดเลยว่า หนานเทียนหลินยังมีชีวิตอยู่ ยังกล้ามาหาตนอีก
“ใช่ ข้าเอง วันนี้ข้ามาเพื่อคุยเรื่องการร่วมมือกับหลีอ๋อง” หนานเทียนหลินพูดเปิดประเด็นทันที
“ข้ากับเจ้าอุดมการณ์ต่างกัน มิมีสิ่งใดต้องร่วมมือกัน!” โม่ฉือหานปฏิเสธทันที
“หรือว่าหลีอ๋องไม่อยากแย่งหยุนถิงคืนรึ ท่านทำใจยอมแพ้ให้จวินหย่วนโยวเช่นนี้ ครั้งหนึ่งหยุนถิงมีแต่ท่านเต็มสองตาเต็มหัวใจ ทั้งหมดที่จวินหย่วนโยวครอบครองในตอนนี้ควรเป็นของท่าน หากหลีอ๋องยอมร่วมมือกับข้า ข้ารับประกันว่าท่านจะได้สาวงามไปครอง!” หนานเทียนหลินรับประกัน
“เหอะ เจ้าจะเอาอะไรมารับประกันกับข้า มีจุดประสงค์อะไร พูดมาเถอะ?” โม่ฉือหานถามเสียงเย็น
“เชื่อว่าหลีอ๋องเองก็คงรู้แน่ว่า องครักษ์เงามังกรของจวินหย่วนโยวทำล้างสำนักราตรีของข้า นั่นเป็นเลือดเนื้อของข้ามาสิบกว่าปี ข้าย่อมต้องล้างแค้นกับเขาแน่ ต่อให้จับจวินหย่วนโยวมาสับเป็นหมื่นๆชิ้นก็ยังไม่สาสม
บัดนี้ข้าเหลือตัวคนเดียว เรี่ยวแรงน้อยนัก ดังนั้นเลยต้องการผู้ช่วย ข้าฆ่าจวินหย่วนโยวล้างแค้นให้พี่น้องข้า ส่วนหลีอ๋องก็ได้สาวงามไปครอง มิเท่ากับต่างได้สิ่งที่ต้องการ ชนะทั้งคู่รึ” หนานเทียนหลินแกล้งบอก
สีหน้าโม่ฉือหานเย็นราวกับน้ำแข็ง มือที่อยู่ในเสื้อกำแน่นอย่างไม่รู้ตัว
ใช่สิ ทั้งหมดนี้ของจวินหย่วนโยวเดิมควรจะเป็นของตน หยุนถิงเป็นของตน หัวใจของนางก็ควรจะเป็นของตน คิดถึงภาพที่หยุนถิงจุมพิตกับจวินหย่วนโยวเมื่อครู่ เส้นเลือดที่ขมับของโม่ฉือหานเต้นตุบๆ
ต่อให้เขาเจ็บแค้นหยุนถิงกับจวินหย่วนโยวแค่ไหน โม่ฉือหานก็ไม่คิดจะร่วมมือกับหมาจนตรอกอย่างหนานเทียนหลินนี่ดอก
“ข้าไม่มีทางร่วมมือกับเจ้า!”
หนานเทียนหลินยิ้มหยันมุมปาก ไม่โกรธพลางว่า “หลีอ๋องปฏิเสธข้าไม่เป็นไร ข้าเชื่อว่าวันหนึ่งท่านต้องยอมร่วมมือกับข้าแน่ ขอตัวก่อน!” พูดจบ ก็เหาะจากไป
โม่ฉือหานหงุดหงิดนัก เดินจากไปเลย
ฟ้าเริ่มมืดลง จวินหย่วนโยวกับหยุนถิงขึ้นรถม้า ไปวัดชิงหยุนที่อยู่ใกล้ที่สุด แค่เพียงชั่วหนึ่งก้านธูปก็ถึงแล้ว
“คืนนี้พวกเราค้างแรมที่นี่นะ อาหารเจของวัดชิงหยุนไม่เลว สามารถลองดูได้” จวินหย่วนโยวเสนอ
“ได้”
“คนมาไหว้พระที่นี่คงเยอะมากกระมัง?” หยุนถิงถาม
“ใช่ วัดชิงหยุนเป็นวัดที่คงอู๋ไต้ซือสร้างขึ้น คนมากมายมากันเพราะชื่อเสียงเขา แถมเซียมซีของที่นี่ก็แม่นมาก โดยเฉพาะเรื่องขอบุตรหรือคู่ครอง” ตอนจวินหย่วนโยวพูดคำนี้ เหล่มองท้องหยุนถิงโดยอัตโนมัติ
เขาพยายามมานานขนาดนี้แล้ว เหตุใดหยุนถิงถึงยังไม่ท้องเสียที
หยุนถึงเห็นสายตาซื่อจื่อ แก้มแดงเรื่อขึ้นฉับพลัน “ซื่อจื่อ อันที่จริงข้ายังไม่อยากมีลูก กองทัพขนหงส์ยังฟื้นฟูไม่สำเร็จ ร้านของข้ากับองค์ชายสี่ก็ยังไม่ได้เปิดอย่างเต็มที่ ประเด็นสำคัญคือข้ายังไม่ได้เตรียมพร้อม ดังนั้น—-“
“เจ้าไม่ต้องพูดดอก ข้าเข้าใจดี เจ้าต้องการมีเมื่อไหร่พวกเราค่อยมี” จวินหย่วนโยวพูดอย่างเข้าใจ
หยุนถิงซาบซึ้ง “ขอบคุณซื่อจื่อมาก”
รถม้ามาหยุดที่หน้าประตูวัดชิงหยุน จวินหย่วนโยวกับหยุนถิงลงจากรถม้า
“คุณหนูหยุน ได้ยินว่าท่านเกลียดความชั่วนัก ชอบเรียกร้องความเป็นธรรมเป็นที่สุด ยินดีให้โอกาสคน ดังนั้นข้าอยากติดตามท่าน ข้าไม่กลัวลำบากตรากตรำ ขอท่านได้โปรดรับข้าไว้ด้วย!” คนแต่งกายเป็นขอทานคนหนึ่งเดินเข้ามา
พริบตาเดียวก็เข้ามาห้อมล้อมสิบกว่าคน ทุกคนล้วนพูดว่าอยากติดตามหยุนถิง เพราะการได้ติดตามหยุนถิงก็เท่ากับกลายเป็นยอดคนแล้ว สามารถเกาะสองต้นไม้ใหญ่อย่างจวนตระกูลหยุนและจวนซื่อจื่อได้ ทุกคนย่อมเห่อเหิมกันเสียไม่มี
หยุนถิงปรายตามองทุกคน มีขอทาน ชายหนุ่ม หญิงสาว และยังมีเด็กอายุไม่กี่ขวบ มันทำให้เธอประหลาดใจนัก
“ขอบคุณทุกคนที่ยกย่องข้าเพียงนี้ คนอย่างข้าชอบให้โอกาสคนจริงๆ แต่ข้าไม่เลี้ยงคนไร้ประโยชน์ หากจะติดตามข้าต้องมีฝีมือจริง ข้าจะให้โจทย์หนึ่งข้อ หากทุกคนทำได้ ข้าจะรับไว้ติดตามข้า หากทำไม่ได้ เช่นนั้นต้องขอโทษด้วย” หยุนถิงเสนอ
“คุณหนูหยุนจะสั่งการสิ่งใดโปรดบอกเถิด พวกข้าจะทำให้ได้!” ชายร่างใหญ่คนหนึ่งพูดขึ้น
“ข้าจะออกเงินให้คนไปซื้อหวีจากตีนเขามา หากใครคิดหาทางขายหวีหนึ่งร้อยอันให้กับพระของวัดชิงหยุนได้ ถือว่าผ่านการทดสอบ ต่อไปก็จะสามารถติดตามข้าได้!” หยุนถิงตอบ
“เป็นไปได้อย่างไรกัน พระไม่มีผมสักหน่อย พวกเขาจำเป็นต้องใช้หวีรึ?” ชายคนหนึ่งปฏิเสธออกมาเลย
“นั่นสิ คุณหนูหยุน หากท่านอยากปฏิเสธพวกข้า ไม่ให้พวกข้าติดตามท่านก็บอกมาตามตรงเลย เหตุใดให้โจทย์ยากเยี่ยงนี้?”
“นี่มันเท่ากับลบหลู่ปัญหาของทุกคนนะ คุณหนูหยุนท่านจงใจกลั่นแกล้งกันเช่นนี้ ข้ามองท่านผิดไปจริงๆ” คนผู้นั้นพูดจบก็หมุนตัวจากไปทันที
คนอื่นๆก็พากันรู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้ เลยหมดใจ พากันจากไป
เหลือเพียงเด็กอายุแปดเก้าขวบหนึ่งคน สตรีผู้หนึ่ง และขอทานคนหนึ่งเท่านั้น
“พวกเจ้ายังไม่ไปรึ นี่มันไม่สามารถทำได้เลยนะ คุณหนูหยุนจงใจกลั่นแกล้งพวกเรา อย่าโง่ไปหน่อยเลย” คนผู้หนึ่งเดินจากไปแล้วยังไม่วายหันมาหัวเราะเยาะอีกสามคนที่เหลืออยู่
“คุณหนูหยุน ข้ายินดีที่จะลองดู” เด็กน้อยใบหน้าแดงก่ำ บอกตะกุกตะกักอย่างตื่นเต้น
“ได้ พวกเจ้าสามคนยินดีที่จะลองดู แสดงว่าพวกเจ้ามิใช่คนที่จะล้มเลิกอะไรง่ายๆ แกร่งกว่าคนพวกนั้นมากนัก ข้าชื่นชมนัก ข้าจะให้คนไปซื้อหวีมา พวกเจ้าสามคน รับหวีไปคนละหนึ่งร้อยอัน อีกสามวันให้หลังข้าจะรอผลจากพวกเจ้าที่นี่”
หยุนถิงพูด พลางให้องครักษ์คนหนึ่งไปซื้อหวีมาทันที ส่วนตนตามจวินหย่วนโยวเข้าไปในวัด
เรื่องที่หยุนถิงให้คนขายหวีให้กับพระถูกคนเดินผ่านไปมาลือกันไปทั่ว ไม่นานคนทั่วทั้งวัดชิงหยุนต่างรู้กันหมด แค่ชั่วเวลาข้าวมื้อหนึ่งก็แพร่กระจายสะท้านสะเทือนไปทั่วทั้งเมืองหลวงต้าเยียนอีกครั้ง