จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 318 จงใจกลั่นแกล้ง แต่กลับโดนเอาคืน
“ซื่อจื่อ ซวนอ๋องได้ยินเรื่องที่ข้าให้คนขายหวีให้กับพระ เลยมาดูอะไรสนุกๆน่ะ” หยุนถิงอธิบาย
จวินหย่วนโยวถลึงตามองเขา น้ำเสียงกร้าวแข็ง “ต่อไปอยู่ให้ห่างหยุนถิงไว้หน่อย!”
“หยุนถิงเป็นเพื่อนของข้า หากนางต้องการ ข้าก็พร้อมมาได้ทุกเมื่อ!” โม่เหลิ่งเหยียนทิ้งไว้หนึ่งคำ ก่อนจากไป
มองตามแผ่นหลังเย็นชาของเขา จวินหย่วนโยวโกรธจนหน้าดำมืด
“ซื่อจื่อ ท่านหึงอีกแล้วนะ ก่อนหน้านี้ซวนอ๋องช่วยข้าไว้มากจริงๆ ต่อไปพวกท่านอยู่กันอย่างสันติ ไม่แน่เกิดข้ามีอันตรายอีก ยังต้องให้เขาช่วยข้านะ” หยุนถิงบอก
“ห้ามพูดจาเช่นนี้อีก ข้าจะปกป้องเจ้าเอง” จวินหย่วนโยวสีหน้าเย็นชาลงทันที
หยุนถิงพอใจมาก กอดแขนจวินหย่วนโยวกลับเข้าวัดไปพักผ่อน
สองวันต่อมา หยุนถิงไปห้องครัวของวัดชิงหยุนเพื่อสอนทุกคนทำหม้อไฟอาหารเจ เปลี่ยนอาหารการกินของวัดชิงหยุนไปฉับพลัน ขนาดเจ้าอาวาสยังชมไม่ขาดปาก และเอาเมนูหม้อไฟอาหารเจเข้าในเมนูของวัดชิงหยุนทันที ในที่สุดก็ไม่ต้องกินแต่ผักกาดขาวเต้าหู้แล้ว
สองวันนี้ผู้คนสัญจรของวัดชิงหยุนมีมากอย่างไม่เคยมีมาก่อน และยังเพิ่มขึ้นเยอะมาก จนทำให้ขนาดโรงเตี๊ยมตีนเขาของวัดชิงหยุนก็ยังเต็ม ผู้คนมากมายนอนกับในหุบเขาหรือระหว่างทาง เพียงเพื่อผลลัพธ์ในวันที่สาม
ในที่สุดก็มาถึงวันที่สาม พอเช้ามาประตูของวัดชิงหยุนเปิดออก หยุนถิงกับจวินหย่วนโยวเดินออกมา ซวนอ๋องตามหลังมาติดๆ ข้างๆคือเจ้าอาวาสไต้ซือชิงหยวน และพระคนอื่นๆอีกมากมาย
ผู้คนมากมายนอกวัดพากันห้อมล้อมกันเข้ามา พากันตื่นเต้นไปตามๆกัน
“คุณหนูหยุน ท่านให้ขายหวีกับพระคงมิใช่จงใจกลั่นแกล้งพวกเรากระมัง สามวันนี้พวกข้าคิดหัวแทบแตก ที่คิดได้หรือคิดไม่ได้ก็คิดมาหมดแล้ว สุดท้ายก็ยังขายหวีไม่ได้เลยสักอันเดียว!” มีคนหนึ่งพูดขึ้นท่ามกลางฝูงชน
“นั่นสิคุณหนูหยุน หากท่านไม่อยากให้พวกเราติดตามก็บอกมาเลยตามตรง มิจำเป็นต้องกลั่นแกล้งกันเยี่ยงนี้เลย”
“พระไม่มีผมเลยสักเส้น ยังขายหวีให้กับเขา แบบนี้มันเท่ากับฝันกลางวันชัดๆ”
ประชาชนพากันกล่าวโทษหยุนถิง บอกว่าหยุนถิงจงใจกลั่นแกล้ง เล่นตลก
“คุณหนูหยุน พวกข้ามาช้าเลยรับหวีไม่ทัน หวีของตีนเขาวัดชิงหยุนก็ขายหมดแล้ว จะคิดอย่างไร?” อีกคนถามขึ้น
“คนที่รับหวีไม่ทันมายืนต่อแถวเรียงกัน บอกวิธีของพวกเจ้ากับข้าได้ หากวิธีใช้ได้ ก็ถือว่าผ่านการทดสอบ” หยุนถิงตอบ
ทุกคนพากันไปต่อแถวยาวเหยียด จากยอดเขาไปถึงตีนเขา
“ในหมู่คนที่ได้รับหวี มีใครขายได้หนึ่งร้อยอันบ้าง?” หยุนถิงถาม
“คุณหนูหยุน พวกเราทำได้แล้ว” คนที่พูดคือสามคนนั้นที่เหลืออยู่ก่อนหน้านี้ เจ้าอาวาสที่อยู่ข้างๆพยักหน้าเบาๆเป็นพยานให้
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ต่อไปพวกเจ้าสามคนติดตามข้า วิธีของพวกเจ้าอีกครู่บอกข้าก็พอ” หยุนถิงพอใจมาก
“ขอรับ” ทั้งสามคนตื่นเต้นนัก รีบยืนอีกข้างทันที
คนอื่นพากันอิจฉายิ่งนัก รีบแย่งพูดกับเซ็งแซ่
“คุณหนูหยุน ข้าคิดวิธีได้แล้ว ขายหวีให้พระได้ ให้พวกเขาเอาไว้แก้คัน เพราะถ้าคันหลัง ก็ใช้มือตัวเองไม่ได้!” คนหนึ่งในนั้นพูดขึ้น
“พวกเขาจะเกาให้กันไม่ได้รึ ต่อให้มีแค่คนเดียว ซื้ออย่างมากอันเดียวก็พอแล้ว คำตอบนี้ไม่ได้ คนต่อไป” หยุนถิงแค่นเสียงหึเบาๆ
“ยังมาเกาหลัง เจ้านี่ช่างคิดได้ ข้าเอง คุณหนูหยุนข้าคิดว่าให้พระต่อผม แบบนี้พวกเขาก็ใช้หวีได้แล้วมิใช่รึ?” คนที่สองพูดขึ้น
ยังไม่รอหยุนถิงเปิดปาก คนอื่นกลับหัวเราะเสียงดังด้วยสีหน้าดูถูก “พระต่อผมแล้วจะยังเรียกว่าพระได้อีกรึ เจ้าก็คิดออกมาได้”
“วิธีนี้ไม่ได้” หยุนถิงปฏิเสธ
“คุณหนูหยุน ขายหวีให้กับพระได้ ให้พวกเขาวางไว้หน้าพระพุทธรูป คนที่มาจุดธูปไหว้พระใช้หวีผม ถือว่าเป็นการแสดงความเคารพต่อพระพุทธองค์” คนที่สามพูดขึ้
หยุนถิงเหล่มองคนนั้น “เจ้าไปรอทางนั้นก่อน”
คนที่สามดีใจยิ่งนัก รีบพุ่งไปทันที
“คุณหนูหยุน เมื่อครู่ข้าก็คิดได้เช่นนี้ เขาพูดก่อน ข้าไม่ทันพูด” คนที่สี่แทรกขึ้นกลางปล้อง
“วิธีการของทุกคนต้องไม่เหมือนกัน หากคิดเหมือนกัน ข้าจะเลือกคนที่พูดก่อน” หยุนถิงตอบ
คนนั้นสีหน้าดำมืด จากไปอย่างเดือดดาล
คนด้านหลังพากันพูดเหตุผลและวิธีประหลาดมากมายออกมา ทำเอาหยุนถิงพูดไม่ออกเลยจริงๆ
ต่อมาจวินหย่วนโยวเลยให้หลิงเฟิงไปเอาเก้าอี้มาหลายตัว ให้ทุกคนนั่งลงฟัง พอฟังคราวนี้ก็ฟังตั้งแต่เช้าจนดึก จนฟ้ามืดถึงเสร็จสิ้น
โชคดีที่ สุดท้ายมีคนเหลือสิบกว่าคน วิธีก็เป็นแบบที่หยุนถิงเห็นด้วย
คนที่โดนปฏิเสธคนอื่นพากันเดือดดาลนัก “คุณหนูหยุน ท่านให้พวกเราคิดวิธีสามวัน แต่กลับปฏิเสธพวกเรา เช่นนั้นท่านบอกพวกเราซิว่า มีวิธีอะไรถึงขายหวีร้อยอันได้?”
พอมีคนนำ คนที่โดนปฏิเสธคนอื่นพากันเฮโลด้วย เพราะทุกคนต่างอดกลั้นความโกรธกันไว้อยู่เต็มอก
หยุนถิงมองคนพวกนั้นด้วยสายตาเย็นชา “ในเมื่อทุกคนอยากรู้ ข้าจะพูดสักสองสามวิธีแล้วกัน ที่นี่คือวัดชิงหยุน มีคนมาไหว้พระมาก ยังมีพระผู้สร้างอย่างคงอู๋ไต้ซือ ดังนั้นคนมากมายล้วนมาที่นี่เพราะได้ยินชื่อเสียง
คนมากมายล้วนมาซื้อธูป รวมเป็นจำนวนหนึ่งได้ ก็จะสามารถได้รับหวีที่ผ่านพิธีที่เจ้าอาวาสมอบให้ด้วยตนเอง สามารถให้เจ้าอาวาสสลักคำเกี่ยวกับพระพวกนั้นไว้ด้านบน
แบบนี้ทั้งสามารถให้กำลังใจความกระตือรือร้นของทุกคนได้ และก็ยังสามารถทำนุบำรุงวาสนาแห่งพระของวัดชิงหยุนได้ มิเท่ากับยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวรึ
มีหวีหนึ่งร้อยอันเป็นกำหนด ทุกการแกะสลักคำบนหวีจะไม่เหมือนกัน อย่างเช่น รวบรวมหวีห้าอันก็สามารถได้ฟังการเทศน์ศาสนาจากท่านเจ้าอาวาสหนึ่งครั้งโดยไม่เสียเงิน
พอรวบรวมหวีได้สิบอัน เจ้าอาวาสจะทำการทำนายตรวจดูดวงชะตาให้เจ้าด้วยตัวเอง รวบรวมหวีได้ร้อยอันก็สามารถได้เข้าพบคงอู๋ไต้ซือได้หนึ่งครั้ง ตามนี้—
และปกติแล้วคนที่มีหวี ยามจุดธูปหรือจ่ายเงินเติมน้ำมันก็จะสามารถได้รับสิทธิ์ลดหย่อนพิเศษ แบบนี้ทั้งเพิ่มพูนความกระตือรือร้นของทุกคน และยังเป็นการประชาสัมพันธ์วัดชิงหยุนด้วย มิเท่ากับยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวรึ”
ทุกคนฟังแล้วอึ้งกิมกี่ ใครก็ไม่คิดว่าจะสามารถทำเช่นนี้ได้ ขนาดพวกคนที่ไม่พอใจ เดือดดาล เคียดแค้นหยุนถิง ในตอนนี้ยังเลื่อมใสนางอย่างสุดซึ้งเลย
ซวนอ๋องที่ไม่ได้พูดอะไรมาตลอดดวงตาเต็มไปด้วยแววชื่นชมและเลื่อมใส สมเป็นหยุนถิง มีวิธีจริงๆ
นอกฝูงชน ฟู่อี้เฉินทำหน้ายิ้มย่อง “รีบเอาเงินมา หนึ่งหมื่นตำลึง ข้าบอกแล้วว่าหยุนถิงต้องชนะแน่”
เฉียวเย็นจือหน้ามุ่ย ตอนนี้เขาเสียใจนัก เดิมไม่มีอะไรหาเรื่องทำไมกัน เดิมคิดจะมาดูหยุนถิงขายหน้า สุดท้ายโดนหยุนถิงตอกหน้าเข้าให้อีก เขาได้แต่หยิบตั๋วเงินหนึ่งหมื่นตำลึงออกมาอย่างจำยอม
“ใช่ ต่อไปพนันเช่นนี้พวกเรามีให้มากหน่อยแล้วกัน” ฟู่อี้เฉินพูดอย่างได้ใจ
เขาได้ยินว่าหยุนถิงให้คนขายหวีให้กับพระ ก็รีบเร่งมาทันที ระหว่างทางเจอเข้ากับเฉียวเย็นจือ ฟู่อี้เฉินลากเขามาด้วยกัน จะได้เอาเงินเขาได้จำนวนหนึ่ง
ไม่คิดเลยว่า วันหนึ่งเขาจะอาศัยหยุนถิงหาเงินได้หนี่งหมื่นตำลึง มันช่างสะใจจริงๆ