จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 334 เจ้าแสดงละครให้มันน้อยๆหน่อย
โม่ฉือหานมองไปทางหยุนถิงโดยสัญชาตญาณ เห็นนางกำลังพูดคุยกับองค์ชายสี่ฟู่อี้เฉินและคนอื่นๆอย่างสนุกสนาน ในส่วนลึกของดวงตามีความเศร้าสลดแว๊บผ่านไปเล็กน้อย
“จับตามองคนพวกนั้นให้ดี ทันทีที่พวกเขามีความเคลื่อนไหล รีบมารายงานข้าทันที” โม่ฉือหานออกคำสั่ง
“ขอรับ” องครักษ์จากไปทันที
โม่ฉือหานไม่ได้ให้องครักษ์จับกุมคนเหล่านั้นทันที หากว่าตัวเองช่วยนางเอาไว้ หยุนถิงก็จะรู้สึกขอบคุณตัวเอง และจะเหมือนกับที่ปฏิบัติกับคนอื่นๆใช่ไหม
เวลาผ่านไปไม่เท่าไหร่ โม่ฉือหานที่โอหังอวดดี เกลียดชังและรังเกียจเดียดันหยุนถิงมาตลอด ถึงกับรู้สึกต่ำต้อยขนาดนี้
เพียงเพื่อให้หยุนถิงสังเกตเห็นเขา
นาทีนี้ แม้แต่ตัวโม่ฉือหานเองก็ไม่เคยได้สังเกตเลยด้วยซ้ำ
และด้านข้างฟ่านเสี่ยรั่วกับโจวอีเม่ยที่มาพร้อมกับเขา เห็นหลีอ๋องมองไปทางหยุนถิงด้วยสายตาลุ่มหลง ทั้งสองคนโกรธแค้นและอิจฉาแทบตาย
“ในอดีตท่านอ๋องไม่สนใจจะมองหยุนถิง แถมยังให้หนังสือหย่าเมียกับนาง ตอนนี้กลับมองนางเช่นนี้ หรือว่าท่านอ๋องเสียใจภายหลังแล้ว?” โจวอีเม่ยกล่าวด้วยถ้อยคำเสียดสีเย้ยหยัน
ไม่ง่ายกว่านางจะขอร้องให้ท่านอ๋องพานางมาด้วย แต่กลับคิดไม่ถึงว่า จะเห็นภาพฉากนี้
มือของฟ่านเสี่ยรั่วที่อยู่ในแขนเสื้อกำหมัดเอาไว้แน่น เล็บจิกเข้าไปในเนื้อก็ยังไม่รู้ถึงความเจ็บปวดเลยแม้แต่น้อย นางหายใจเข้าลึกๆเฮือกหนึ่ง ถึงได้เอ่ยปากขึ้นมา
“หน้าตาของคุณหนูหยุนฟื้นฟูแล้ว งดงามน่าทึ่ง พูดว่าเป็นสาวงามอันดับหนึ่งของแคว้นต้าเยียนก็ไม่ถือว่าเกินจริง ตอนนี้ยิ่งมีพรสวรรค์อันน่าทึ่ง ท่านอ๋องชื่นชมนางก็ไม่มีอะไรพอที่จะวิจารณ์ได้”
โจวอีเม่ยฟังจนใบหน้าดำมืดไปหมด“ฟ่านเสี่ยรั่วเจ้ายังสามารถเสแสร้งได้อีกหน่อยไหม คำพูดนี้ข้าฟังแล้วยังรู้สึกอิจฉา ในใจเจ้าก็ต้องอิจฉาแทบตายเหมือนกันใช่ไหม เอาแต่แสร้งทำท่าทางใจกว้าง ไม่เหนื่อยหรือ?”
ฟ่านเสี่ยรั่วถูกตอกกลับจนสีหน้าไม่น่าดูมากขึ้นมาเล็กน้อย“ท่านอ๋องชอบที่ข้าเป็นเช่นนี้แหละ ข้ายินดีเจ้ายุ่งอะไรด้วย กลับเป็นเจ้า ในฐานะที่เป็นคุณหนูของตระกูลที่มีชื่อเสียงแต่กลับสู้ผู้หญิงที่ถูกทิ้งคนหนึ่งไม่ได้ หากเจ้าไม่ได้จงใจอดอาหาร ท่านอ๋องเห็นแก่หน้าของพ่อเจ้าจะพาเจ้าออกมาได้อย่างไร หากพูดถึงเรื่องน่าสงสาร เจ้าต่างหากที่เป็นคนที่น่าสงสารที่สุด!”
โจวอีเม่ยถูกเปิดโปงให้ขายหน้าต่อหน้าสาธารณชน คนทั้งคนโมโหจนถึงขีดสุด ยกมือก็ตบหน้าฟ่านเสี่ยรั่วไปหนึ่งฉาก
“เพียะ!” เสียงที่คมชัดดังมา
“เจ้าถึงกับกล้าตบข้าหรือ?” ฟ่านเสี่ยรั่วจ้องมองด้วยความโกรธ
“ข้าตบเจ้านี่แหละ ก็แค่ครอบครัวตระกูลเล็กๆ เรียนออกมาจากหอเทพเซียนเท่านั้น เจ้ามีอะไรดีเลิศหรือ หอเทพเซียนสำนักของเจ้าตอนนี้แม้แต่ตัวเองก็เอาตัวไม่รอดแล้ว ข้าก็อยากรู้เหมือนกันว่าต่อไปเจ้ายังมีอะไรให้อวดดีอีก!” โจวอีเม่ยกล่าวอย่างเหยียดหยาม
ฟ่านเสี่ยรั่วกำลังจะตอบโต้ ก็เห็นหลีอ๋องที่เดินเข้ามาจากฝั่งตรงข้าม นางร้องไห้ปรับทุกข์ด้วยใบหน้าน้อยใจทันที
“พี่สาวทำไมถึงระบายความโกรธใส่ข้าเช่นนี้ ท่านเป็นคนบอกเองว่าท่านอ๋องถูกคุณหนูหยุนลวงวิญญาณไปแล้ว ตอนนั้นท่านอ๋องปฏิบัติต่อคุณหนูหยุนเกินไปแบบนั้น ตอนนี้กลับจ้องมองคุณหนูหยุนอย่างตกอยู่ในภวังค์ คำพูดที่น่าขายหน้าเช่นนี้ท่านพูดออกมาได้อย่างไร ท่านเป็นถึงพระชายารองของท่านอ๋อง ต้องคำนึงถึงหน้าตาของท่านอ๋องด้วยสิ”
ฟ่านเสี่ยรั่วกุมใบหน้าเอาไว้ ท่าทางที่ร้องไห้ก็ยังงดงามทำให้คนรู้สึกสงสาร
โจวอีเม่ยมองไปทางนางอย่างเหยียดหยาม“เจ้าแสดงละครให้มันน้อยๆหน่อย ก็มีแต่ท่านอ๋องนั่นแหละที่ถูกเจ้าหลอกได้ ตัวเจ้าเองเป็นคนแบบไหนไม่รู้หรือ”
“หุบปาก!” เสียงที่เย็นชามืดมนดังมา โม่ฉือหานเดินตรงเข้ามา
โจวอีเม่ยสะดุ้งตกใจ เมื่อครู่นี้นางเอาแต่จดจ่ออยู่กับความโกรธ ถึงกับลืมไปว่าสิ่งที่ท่านอ๋องไม่ชอบที่สุดก็คือการแย่งชิงในลานหลัง
“ท่านอ๋อง ข้า——-”
“ไม่รู้จักสำนึกผิด ที่นี่คือพื้นที่ล่าสัตว์ของราชวงศ์ เป็นที่ที่เจ้าจะมากำเริบเสิบสานได้หรือ ดูท่าข้าจะตามใจเจ้ามากเกินไปแล้ว เด็กๆส่งพระชายารองกลับจวนหลีอ๋อง กักบริเวณหนึ่งเดือน ไม่มีคำสั่งของข้าห้ามนางออกมาแม้แต่ครึ่งก้าว!” เสียงที่เย็นชาของโม่ฉือหาน ไม่อนุญาตให้มีข้อกังขา
“ขอรับ!” องครักษ์สองนายเข้ามาทันที
“ท่านอ๋อง ท่านทำเช่นนี้กับหม่อมฉันได้อย่างไร เป็นเพราะฟ่านเสี่ยรั่วแสดงละครเก่งเกินไป ทำไมท่านถึงมองธาตุแท้ของนางไม่ออก!” โจวอีเม่ยจากไปพร้อมกับร้องไห้ปรับทุกข์
ดวงตาคู่สวยของฟ่านเสี่ยรั่วมีความได้ใจแว๊บผ่านไปเล็กน้อย คนไร้สมองอย่างโจวอีเม่ย คำพูดสองสามประโยคก็เผยตัวตนที่แท้จริงออกมาจริงๆด้วย สมน้ำหน้า
“เจ้าก็กลับไปที่กระโจม ห้ามก่อเรื่องสร้างปัญหาอีก!” โม่ฉือหานทิ้งคำพูดเอาไว้ประโยคหนึ่ง ก็จากไปโดยตรง
ฟ่านเสี่ยรั่วชะงักงัน ท่านอ๋องไม่เคยปฏิบัติต่อตนเองเช่นนี้มาก่อน นึกถึงสายตาที่เขามองหยุนถิงเมื่อครู่นี้ ในใจของฟ่านเสี่ยรั่วมีความโกรธแค้นและไม่เต็มใจแว๊บผ่านไปเล็กน้อย
แน่นอนว่าฟ่านเสี่ยรั่วไม่ได้แสดงออกถึงความไม่พอใจใดๆบนใบหน้า กลับไปที่กระโจมอย่าง เคารพนบนอบและเชื่อฟัง
โม่ฉือหานที่โมโหกราดเกรี้ยว ทันทีที่หันหลังก็เห็นหยุนถิงที่อยู่ไม่ไกลออกไป นางกำลังฝึกยิงธนูกับจวินหย่วนโยว จวินหย่วนโยวช่วยนางถือลูกธนู ท่าทางที่ทั้งสองคนให้เกียรติและเคารพซึ่งกันและกันเช่นนั้น ทำให้นัยน์ตาของโม่ฉือหานยิ่งมีความอิจฉาเล็กน้อยแว๊บผ่านไป
“ฝ่าบาทเสด็จแล้ว!” ซูกงกงตะโกนเสียงดัง
ทุกคนยืนตัวตรงทันที และทำความเคารพด้วยความเคารพนบนอบ
ฮ่องเต้สวมชุดคลุมมังกรสีเหลืองสว่าง สีหน้าเคร่งขรึม ย่างก้าวมั่นคง รัศมีพลังแข็งแกร่งมาก เหมยเฟยผู้อ่อนโยนและสง่างามติดตามอยู่ข้างกาย ทั้งสองคนลงมาจากรถม้า
“ถวายบังคมฝ่าบาท คำนับเหมยเฟยเหนียงเหนียง!” ทุกคนกล่าวเสียงดัง
“ทุกคนลุกขึ้นเถอะ วันนี้อากาศดีเช่นนี้ เหมาะสมแก่การล่าสัตว์พอดี ปีนี้มีคนใหม่เข้าร่วมเยอะมาก ข้ากลับตั้งตารอคอย หยุนถิงอีกเดี๋ยวเจ้าอย่าทำให้ข้าผิดหวังล่ะ!” ฮ่องเต้จงใจเอ่ยชื่อหยุนถิงโดยเฉพาะ
หยุนถิงคำนับอย่างเคารพนบนอบ“ข้าจะทำอย่างสุดความสามารถแน่นอน!”
“ดี ทุกคนอย่ายืนกันอยู่เลย รีบเข้าไปเถอะ ผู้ชนะเลิศการล่าสัตว์ในปีนี้ ข้าจะให้รางวัลอย่างงามแน่นอน!” ฮ่องเต้ตรัส
“พ่ะย่ะค่ะ!”
ทุกคนยินดีอย่างยิ่ง ต่างก็ถือคันธนูและลูกธนู จูงม้าเดินไปทางพื้นที่ล่าสัตว์
หยุนถิงกับจวินหย่วนโยวย่อมเป็นหนึ่งในนั้นเช่นกัน องค์หญิงหลันรั่วมองดูจวินหย่วนโยวประคองหยุนถิงขึ้นรถม้าด้วยตัวเอง รู้สึกอิจฉาอย่างมาก กลอกตามองบนครู่หนึ่ง พาคนของนางเข้าไป
มู่เซียวเซียวและคนอื่นๆก็ตามเข้าไปเช่นกัน ใบหน้าของมู่ว่านว่านเต็มไปด้วยความสุขและตื่นเต้น หยิบคันธนูและลูกธนูก็จากไป ครั้งนี้นางสามารถล่าสัตว์อย่างดีแล้ว
ในตอนที่โม่เหลิ่งเหยียนมาถึง ทุกคนก็เข้าไปกันหมดแล้ว
“ซวนอ๋อง ทำไมเจ้าถึงเพิ่งมา?” ฮ่องเต้ตรัสถาม
“ระยะนี้กระหม่อมตรวจสอบเรื่องของตระกูลซ่างกวน ในที่สุดตอนนี้ก็มีเบาะแสแล้ว ฝ่าบาทโปรดทอดพระเนตร” ซวนอ๋องยื่นฎีกามาให้
ซูกงกงรับมา และถวายต่อฝ่าบาททันที
ฮ่องเต้เห็นเนื้อหาที่เขียนอยู่ในนั้น ใบหน้าบึ้งตึงด้วยความโกรธ“บัดซบ ตระกูลซ่างกวนช่างบังอาจยิ่งนัก ทำชั่วโดยไม่เห็นกฎหมายอยู่ในสายตาเช่นนี้ หลายปีมานี้เป็นเพราะข้าลูบหน้าปะจมูกตระกูลซ่างกวนไปแล้ว ข้าจะออกคำสั่งเดี๋ยวนี้!”
“ฝ่าบาท ไฉนถึงไม่รอให้การล่าสัตว์เสร็จสิ้นลงในอีกสองวันให้หลัง ถึงเวลาพระองค์กลับราชสำนักและออกคำสั่งไต่สวนด้วยพระองค์เอง เช่นนี้จะยิ่งสามารถแสดงถึงความน่าเกรงขามของฝ่าบาทนะเพคะ!” เหมยเฟยเสนอแนะ
โม่เหลิ่งเหยียนเลิกคิ้ว มองดูเหมยเฟยครู่หนึ่ง แต่กลับไม่ได้พูดอะไรเลย
“เหมยเฟยกล่าวถูกต้องแล้ว ก็ไม่ต้องรีบร้อนภายในวันสองวันนี้ ซวนอ๋องเจ้าส่งคนไปจับตาดูตระกูลซ่างกวนเอาไว้ ขอเพียงแค่มีความเคลื่อนไหวใดๆให้รีบรายงานข้าทันที สองวันให้หลังข้ากลับวังแล้วค่อยออกคำสั่งไต่สวน!” ฮ่องเต้ตรัสอย่างเย็นชา
“พ่ะย่ะค่ะ”
“ถึงแม้ซวนอ๋องจะมาสาย แต่ก็ทันกับการล่าสัตว์ในครั้งนี้ ไฉนถึงไม่ไปผ่อนคลายกับทุกคนล่ะ” เหมยเฟยเอ่ยปาก
เมื่อคิดว่าองค์หญิงหลันรั่วก็เข้าร่วมการล่าสัตว์ โม่เหลิ่งเหยียนกลัวว่านางจะทำสิ่งที่ไม่เป็นผลดีต่อหยุนถิง ถึงได้ตอบไปว่า“พ่ะย่ะค่ะ เช่นนั้นกระหม่อมก็ขอแสดงฝีมืออันต่ำต้อยแล้ว”
“ซวนอ๋องถ่อมตนไปแล้ว ความสามารถในการยิงธนูของเจ้าข้ารู้ดีที่สุด เข้าไปเถอะ” ฮ่องเต้ตรัสด้วยความพึงพอใจ
“พ่ะย่ะค่ะ”
เมื่อเห็นโม่เหลิ่งเหยียนจากไป เหมยเฟยก็ลุกขึ้นมา“ฝ่าบาท หม่อมฉันไปเดินรอบๆกับพระองค์ ดอกไม้ในพื้นที่ล่าสัตว์แห่งนี้กำลังบานสะพรั่ง”