จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 337 หยุนถิงคือซื่อจื่อเฟย
ทันทีที่คำพูดนี้ออกมา ทุกคนต่างก็ตกตะลึง จากนั้นก็มองไปทางองค์หญิงหลันรั่วด้วยสายตาที่มองดูปัญญาอ่อน ต่างก็สงสัยว่าในสมองของหลันรั่วคนนี้มีแต่ขี้เลื่อยใช่ไหม
หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น จะต้องรู้สึกซาบซึ้งและตื่นเต้นอย่างยิ่งแน่นอน อย่างไรเสียสามารถกลายเป็นบุคคลที่ได้รับเลือกในการแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ กลายเป็นราชบุตรเขย เป็นเรื่องที่เป็นเกียรติแก่วงศ์ตระกูล
และคนทั่วไปก็ไม่กล้าขัดราชโองการเช่นกัน ถึงแม้จะไม่ยินดีแต่ก็ไม่กล้าขัดฝ่าบาท แต่ไม่รวมจวินหย่วนโยว
เขาคือซื่อจื่ออันดับหนึ่งของแคว้นต้าเยียน ยิ่งรับผิดชอบดูแลองครักษ์เงามังกร แม้แต่ฝ่าบาทกับไทเฮายังต้องให้เกียรติ แล้วจะยินดีเป็นราชบุตรเขยให้คนอื่นได้อย่างไร
จวินหย่วนโยวโปรดปรานหยุนถิงคนเดียว รักหยุนถิงที่สุด นี่เป็นเรื่องที่รู้กันดีทั่วทั้งต้าเยียนรวมไปถึงสี่แคว้น นอกเสียจากจวินหย่วนโยวยินดีเอง มิเช่นนั้นใครกล้าบังคับเขา แล้วใครจะสามารถบังคับเขาได้
แม้แต่ฮ่องเต้ต้าเยียนก็จะชำเลืองมององค์หญิงหลันรั่วครู่หนึ่ง สีหน้าเย็นชาเฉยเมย ไม่มีการแสดงออกทางสีหน้าใดๆ
หากเป็นในเวลาปกติ สองแคว้นแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ย่อมเป็นเรื่องที่ปรองดองสงบร่มเย็นอยู่แล้ว ฮ่องเต้ก็หวังจะให้มันสำเร็จ แต่คนที่หลันรั่วเลือกกลับเป็นจวินหย่วนโยว ฮ่องเต้ก็ไม่กล้าตัดสินใจเช่นกัน
ถึงแม้จวินหย่วนโยวจะเป็นคนขี้โรค แต่หากเขาบ้าขึ้นมา เกรงว่าคงจะมีแม้แต่ความสามารถในการทำลายล้างทั่วทั้งแคว้นต้าเยียน เขาไม่กล้าล่วงเกินหรอก
นัยน์ตาสีดำที่คมกริบของโม่ฉือหานมีความได้ใจแว๊บผ่านไปเล็กน้อย ถึงแม้ในใจของเขาจะรู้ดีว่า เป็นไปไม่ได้ที่จวินหย่วนโยวจะรับปาก แต่ว่าหลันรั่วคนนี้สามารถทำให้เขารู้สึกขยะแขยง ก็ไม่เลวเช่นกัน
โม่เหลิ่งเหยียนยกถ้วยสุราขึ้นมาแล้วดื่มเองคนเดียว ไม่เห็นเป็นเรื่องสำคัญเลยแม้แต่น้อย
หยุนถิงเหลือบมองไปทางหลันรั่วด้วยสายตาเย็นชา“องค์หญิงหลันรั่วคนที่เดิมพันต่อหน้าสาธารณชนคือท่านใช่ไหม แพ้แล้วไม่ทำตามคำพูด ถึงกับได้คืบจะเอาศอก เช่นนี้มันจะมากเกินไปหน่อยแล้ว”
“กลางวันข้าก็แค่พูดไปอย่างนั้น ใครจะรู้ว่าเจ้าจะคิดเป็นเรื่องจริงจัง อย่างไรเสียที่ข้ามาแคว้นต้าเยียนครั้งนี้ก็เพื่อแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์
เสด็จพ่อข้าตรัสแล้วว่า นับแต่โบราณแคว้นต้าเยียนกับแคว้นเทียนจิ่วมีแค่ด่านลั่วยรื่อที่กั้นกลาง หากฝ่าบาทเห็นด้วยกับการแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ แคว้นเทียนจิ่วเรายินดีจะสละด่านลั่วยรื่อ ถอยไปยังเมืองเฟิง
และใช้เขตเมืองห้าสิบเมืองเป็นของหมั้น วัวและแกะ ผ้าพับนับไม่ถ้วน แก้วแหวนเงินทองหนึ่งร้อยลัง ลงนามสนธิสัญญาพันธมิตรถาวรกับแคว้นต้าเยียน ประคับประคองช่วยเหลือซึ่งกันและกัน สร้างสันติสุขตลอดไป” องค์หญิงหลันรั่วกล่าวอย่างลำพองตัว
แคว้นเทียนจิ่วกับแคว้นต้าเยียนใช้ด่านลั่วยรื่อเป็นชายแดนมาตลอด ในเมื่ออีกฝ่ายยินดีถอยออกไปห่างถึงร้อยลี้ ยกดินแดนและมอบเมืองให้แถมยังมีแก้วแหวนเงินทอง สำหรับแคว้นต้าเยียนแล้วถือว่าไม่เลวจริงๆ
“จวินซื่อจื่อ เจ้าจะว่าอย่างไร?” ฮ่องเต้เลิกคิ้วมองมา
เขาไม่ได้ออกคำสั่ง ยิ่งไม่ได้ตัดสินใจเองโดยตรง แต่สอบถามความคิดเห็นของจวินหย่วนโยว แสดงให้เห็นว่าให้เกียรติจวินหย่วนโยวเต็มที่
สีหน้าของจวินหย่วนโยวเย็นยะเยือกราวกับน้ำแข็ง นัยน์ตาสีดำเย็นชาดุจเหยี่ยว“ที่แท้ในสายตาขององค์หญิงหลันรั่ว ข้าก็มีค่าเพียงเท่านี้เอง!”
น้ำเสียงเย็นชา เชือดเฉือน ทำให้คนฟังรู้สึกหวาดกลัว
สีหน้าขององค์หญิงหลันรั่วกระอักกระอ่วนสุดขีด“พี่ซื่อจื่อท่านอย่าเข้าใจผิด พวกนี้เป็นเพียงแค่สินเดิมเท่านั้น หากท่านคิดว่ามันน้อยไป ข้ายังสามารถขอกับเสด็จพ่อได้อีก?”
“เจ้านึกว่า ข้าจะสนใจของพวกนี้หรือ?”
“ไม่ใช่อยู่แล้ว พี่ซื่อจื่อสง่างามและหยิ่งทะนงที่สุด สิ่งของธรรมดาพวกนี้ย่อมไม่สามารถเทียบได้อยู่แล้ว” หลันรั่วกล่าวตอบทันที
“เมื่อเป็นเช่นนี้ เจ้าก็เอาสิ่งของธรรมดาพวกนี้ของเจ้าไสหัวออกไปจากแคว้นต้าเยียน ชาตินี้ข้าไม่อยากเห็นเจ้าอีก!” จวินหย่วนโยวตอกกลับไปอย่างแข็งกร้าว
หลันรั่วถูกฉีกหน้าต่อหน้าธารกำนัล สีหน้าซีดขาว แต่นางก็ไม่ยินดีจะยอมแพ้แค่นี้“พี่ซื่อจื่อท่านอย่าโกรธไปเลย ข้ารู้ว่าท่านไม่อยากเป็นราชบุตรเขย อย่างไรเสียสำหรับผู้ชายแล้วมันก็เป็นเรื่องน่าขายหน้าเล็กน้อย ข้าสามารถแต่งงานกับท่าน เป็นซื่อจื่อเฟยของท่าน!”
จวินหย่วนโยวยิ้มเย้ยหยัน“ซื่อจื่อเฟย อย่างเจ้าก็คู่ควร?”
คำพูดประโยคเดียว ทำให้คนทั้งคนขององค์หญิงหลันรั่วแข็งทื่อไปหมด พี่ซื่อจื่อถึงกับบอกว่าตัวเองไม่คู่ควร
“พี่ซื่อจื่อ ข้าเป็นถึงองค์หญิงแห่งแคว้นเทียนจิ่ว หากแม้แต่ข้ายังไม่คู่ควร บนโลกใบนี้ยังมีใครคู่ควรกับท่านอีก?” หลันรั่วกล่าวด้วยความโมโห โกรธเคืองจะตายอยู่แล้ว
จวินหย่วนโยวยื่นมือไปจับมือของหยุนถิง ป่าวประกาศอย่างแข็งกร้าว“หยุนถิงคือซื่อจื่อเฟยของข้า บนโลกใบนี้ก็มีแต่หยุนถิงเท่านั้นที่คู่ควรกับตำแหน่งซื่อจื่อเฟย
นับตั้งแต่วันแรกที่หยุนถิงแต่งงานกับข้า ข้าก็เขียนชื่อนางเอาไว้บนลำดับศักดิ์วงศ์ตระกูลของตระกูลจวินในตำแหน่งซื่อจื่อเฟยแล้ว ดังนั้นหยุนถิงไม่ได้เป็นนางสนมของข้า แต่เป็นซื่อจื่อเฟยของข้า
เพียงแต่ว่าหยุนถิงไม่ชอบทำตัวเป็นจุดสนใจ ไม่ชอบความยุ่งยากและการเข้าสังคม ถึงได้ประกาศต่อภายนอกว่าเป็นนางสนม ให้ทุกคนเข้าใจผิดเช่นนี้เป็นความผิดพลาดของข้าเอง
ส่วนลำดับศักดิ์วงศ์ตระกูลของตระกูลจวิน ฝ่าบาทกับหลีอ๋องล้วนเคยเห็นแล้ว พวกเขาสามารถเป็นพยานให้ข้าได้ ชาตินี้ข้าจะรักหยุนถิงเพียงผู้เดียว และจะมีนางเป็นภรรยาเพียงคนเดียวเท่านั้น จะไม่รับสนมเด็ดขาด”
น้ำเสียงหนักแน่น จริงจัง ทำให้คนเกรงขาม
ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ล้วนตกตะลึงไป จู่ๆในอากาศที่กว้างใหญ่ก็เงียบงันอย่างแปลกประหลาด ได้ยินแม้แต่เสียงลมพัดผ่าน
ข่าวนี้ร้อนระอุมากเกินไปแล้ว นี่มันผกผันเกินไปแล้ว ชั่วขณะหนึ่งทุกคนตอบสนองกลับมาไม่ได้เล็กน้อย
“เสด็จพี่ พระองค์เคยเห็นลำดับศักดิ์วงศ์ตระกูลของตระกูลจวินจริงหรือ?” องค์ชายสี่เอ่ยปากโดยไม่แม้แต่จะคิดเลยด้วยซ้ำ
สีหน้าของฮ่องเต้จริงจัง พยักหน้าเบาๆ“จวินซื่อจื่อเคยให้ดูจริงๆ หยุนถิงคือซื่อจื่อเฟยของเขา!”
คำพูดประโยคเดียวของฝ่าบาท เพียงพอที่จะยืนยันฐานะของหยุนถิง
ทุกคนฮือฮากันขึ้นมา ต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์ทันที
“จวินหย่วนโยวเจ้าใจแคบเกินไปหน่อยแล้ว ข้านึกอยู่แล้วว่าผู้หญิงที่มีความสามารถอันน่าทึ่งอย่างหยุนถิง จะยินดีเป็นแค่สนมของเจ้าได้อย่างไร ที่แท้นางก็เป็นซื่อจื่อเฟยนี่เอง” องค์ชายสี่บ่น
“นางคู่ควรกับฐานะซื่อจื่อเฟยจริงๆ!” โม่เหลิ่งเหยียนก็กล่าวออกมาหนึ่งประโยคเช่นกัน
“จวินหย่วนโยวเจ้าเก็บความลับได้แนบเนียนมากจริงๆ ตอนงานเลี้ยงวันเกิดของฮูหยินเฒ่าฟู่ข้ายังจงใจหาเรื่องหยุนถิง จู่ๆทำไมข้าถึงรู้สึกว่าตัวเองโง่ขนาดนี้!” ฟู่อี้เฉินกล่าวด้วยความหดหู่และคับข้องใจ
“มิน่าจวินซื่อจื่อถึงโปรดปรานคุณหนูหยุนคนเดียว นางสนมคนหนึ่งได้ค่าขนมหนึ่งแสนตำลึงต่อเดือน จะเป็นไปได้อย่างไร ที่แท้คุณหนูหยุนก็เป็นซื่อจื่อเฟยนี่เอง เช่นนั้นก็ถูกต้องแล้ว”
“คุณหนูหยุนกับจวินซื่อจื่อนั่นคือกิ่งทองใบหยก เป็นคู่ที่สวรรค์สรรค์สร้าง เหมาะสมกันอย่างยิ่ง”
“เช่นนั้นต่อไปหากเราพบคุณหนูหยุนอีก ก็ต้องคำนับแล้วใช่ไหม นางเป็นถึงซื่อจื่อเฟยนะ”
โดยเฉพาะพวกที่ดูถูกหยุนถิง วิพากษ์วิจารณ์นางลับหลังก่อนหน้านี้ ราวกับกลืนแมลงวันเข้าไปทันที อย่าให้พูดเลยว่าไม่น่าเกลียดแค่ไหน
หากเป็นสนม ไม่ให้เกียรติได้ แต่หากเป็นซื่อจื่อเฟยแถมยังเขียนเอาไว้บนลำดับศักดิ์วงศ์ตระกูล เช่นนั้นก็เป็นนายหญิงของจวนซื่อจื่อแล้ว ต่อไปย่อมต้องคำนับอย่างเคารพนบนอบ ประจบประแจงเอาใจอยู่แล้ว
ฟังคำวิพากษ์วิจารณ์ของทุกคน หยุนถิงพึงพอใจอย่างยิ่ง ท่าทางที่ซื่อจื่อปกป้องตัวเองอย่างแสดงอำนาจเช่นนี้ ทำให้นางซาบซึ้งจริงๆ
สีหน้าขององค์หญิงหลันรั่วเขียวคล้ำไปหมด โกรธแค้นสุดขีด เดิมทีนางคิดเอาไว้ว่าจะใช้การแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ให้พี่ซื่อจื่อหย่าร้างกับนางสนมคนนี้ซะ แต่คิดไม่ถึงว่ากลับกลายเป็นว่าไปช่วยพวกเขา มองดูพวกเขาแสดงความรักสาดความหวานใส่
น่าชิงชังนัก บัดซบจริงๆ ทำไมเรื่องราวถึงกลายเป็นเช่นนี้ไปได้
หลิวมามาก็ยิ่งเต็มไปด้วยความกระอักกระอ่วน“องค์หญิง เรื่องนี้ค่อยหารือกันอีกทีดีกว่า”
องค์หญิงหลันรั่วจ้องมองไปทางหยุนถิงด้วยความโกรธแค้นครู่หนึ่ง“ข้าไม่มีทางปล่อยเจ้าไปเด็ดขาด!” ทิ้งคำพูดเอาไว้ประโยคหนึ่ง และจากไปด้วยความเดือดพล่านจนหายใจไม่ทัน
คืนนี้ นางกลายเป็นตัวตลกไปอย่างสิ้นเชิง และยังเป็นหัวข้อสนทนาที่สร้างเรื่องตลก หากอยู่ต่อไปอีก แม้แต่ตัวองค์หญิงหลันรั่วเองไม่มีหน้าอยู่ต่อแล้ว