จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 339 ในเมื่อนางดีขนาดนี้ ทำไมเจ้าไม่แต่งงานกับนาง
“นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว เห็นแก่ที่ฝ่าบาทไม่ได้รับปากให้ซื่อจื่อของข้าแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ ข้าก็ถือเป็นการทดแทนหนี้บุญคุณให้ฝ่าบาท พู่กันกระดาษมา!” หยุนถิงตอบอย่างแข็งกร้าว
มุมปากของฮ่องเต้กระตุกขึ้นมา เขารู้อยู่แล้วหยุนถิงเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้น ในนาทีนี้เขารู้สึกโชคดีที่ตอนนั้นตัวเองไม่ได้ออกคำสั่งเห็นด้วยกับการแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์
หยุนถิงเป็นบุคคลที่นำโชคมาให้แคว้นต้าเยียน ยิ่งเป็นกลอุบายอันแยบยลของฮ่องเต้ เฉลียวฉลาดดุจฮ่องเต้ ย่อมจะไม่ล่วงเกินหยุนถิงเพียงเพื่อเมืองสิบกว่าเมืองนั่นอยู่แล้ว
ไม่ต้องพูดถึงความสามารถที่แข็งแกร่งของจวินหย่วนโยว ดูแลจัดการองครักษ์เงามังกร แค่ความคิดหนึ่งของหยุนถิง วิธีการหนึ่งก็สามารถทำให้ท้องพระคลังของเขามีเงินเข้าทุกวัน ยังไม่นับหม้อไฟร้อนเร็วที่กำลังผลิตอยู่ ยังมียารักษาแผลที่ใช้ในกองทัพ——
นี่เป็นคลังสมบัติเล็กๆเคลื่อนที่อย่างแน่นอน และยังเป็นคนที่มีศักยภาพไร้ขีดจำกัด ไม่มีใครรู้ว่านางยังมีความสามารถและพรสวรรค์อีกมากมายเท่าไหร่ ดังนั้นฮ่องเต้จึงเข้าใจได้อย่างชัดเจน
หยุนถิงกับจวินหย่วนโยวรักใคร่กันราวกับดนตรีที่สอดประสานกันอย่างดี เคารพนบนอบกันและกัน พูดตามตรงนี่ก็เป็นสิ่งที่ฮ่องเต้ทรงอิจฉา หาได้ยากที่คู่รักคู่หนึ่งจะรักใคร่กันอย่างหาที่เปรียบมิได้ ฮ่องเต้ย่อมไม่จับคู่รักแยกกันอยู่แล้ว
ซูกงกงซาบซึ้งใจอย่างยิ่ง เขารู้อยู่แล้วว่าคุณหนูหยุนมีวิธีที่สุด รีบไปหาหยิบพู่กันและหมึกทันที
หยุนถิงรับมา เดินไปที่ด้านข้างโต๊ะ ตวัดพู่กันแล้วก็เริ่มเขียนขึ้นมา
ฮ่องเต้และคนอื่นๆล้วนเข้ามาใกล้ จวินหย่วนโยวก็อยากรู้อยากเห็นเช่นกัน หากเปลี่ยนเป็นเขาก็ใช่ว่าจะหาทางออกได้เร็วขนาดนี้
มองดูสิ่งแปลกประหลาดที่วาดอยู่บนกระดาษ โม่ฉือหานเต็มไปด้วยความรังเกียจ“นี่คือยันต์บ้าบออะไร?”
“นี่คือเครื่องมือที่สามารถข้ามภูเขาหิมะได้ ด้านล่างใช้สำหรับไถลบนหิมะ และด้านข้างคือผ้าชนิดพิเศษ แบบที่สามารถกันน้ำกันชื้น สามารถเปลี่ยนแปลงทิศทางลมและควบคุมได้ตลอดเวลา ฝ่าบาทสามารถสร้างออกมาสิบกว่าอันเพื่อให้คนลองดูก่อน คิดว่ามันใช้ได้แล้วค่อยให้คนผลิตเป็นจำนวนมาก” หยุนถิงอธิบาย
ความจริง สิ่งที่หยุนถิงวาดก็เหมือนกับกระดานโต้คลื่นของยุคปัจจุบัน เพิ่มเสาบังคับทิศทางด้านข้าง เช่นนี้ก็จะสามารถควบคุมทิศทางได้ตลอดเวลา สะดวกหน่อย
ฮ่องเต้ฟังด้วยความยินดีอย่างยิ่ง“เช่นนั้นเจ้ารู้วิธีใช้หรือไม่?”
“พูดตามตรงข้าไม่เคยใช้มาก่อน แต่ว่าหลักการน่าจะคล้ายๆกัน นี่คือเครื่องมือเพียงหนึ่งเดียวที่ข้าสามารถนึกออกได้ ถึงเวลาข้าค่อยเรียนรู้พร้อมกับทุกคน” หยุนถิงอธิบาย
“สมกับที่เป็นหยุนถิง เป็นดาวนำโชคของข้าจริงๆ ซวนอ๋องเรื่องนี้มอบหมายให้เจ้าไปจัดการ สั่งให้คนทำออกมาหนึ่งร้อยอันทันที ยิ่งเร็วก็ยิ่งดี” ฮ่องเต้ตรัสด้วยความตื่นเต้น
“พ่ะย่ะค่ะ” ซวนอ๋องหยิบกระดาษภาพใบนั้นขึ้นมา
หยุนถิงบอกสิ่งที่ต้องระวัง และวัสดุที่ใช้ให้กับเขาอีกเล็กน้อย โม่เหลิ่งเหยียนฟังด้วยความตั้งใจอย่างยิ่ง
ใบหน้าของโม่ฉือหานที่อยู่ด้านข้างเต็มไปด้วยความมืดมน ไม่น่าดูอย่างมาก ตัวหยุนถิงเองยังไม่เคยลองมาก่อน ถือสิทธิอะไรคิดว่าสามารถทำได้
ซวนอ๋องรีบไปจัดการทันที หยุนถิงกับจวินหย่วนโยวก็กลับไปแล้วเช่นกัน แต่โม่ฉือหานกลับอยู่ต่อด้วยตัวเอง
“เสด็จพี่ ทำไมพระองค์ถึงไม่ให้กระหม่อมไป เรื่องเล็กแบบนี้ทำไมต้องไปรบกวนซวนอ๋องด้วย?” โม่ฉือหานกล่าวด้วยความไม่พอใจ
ฮ่องเต้มองดูเขาครู่หนึ่ง และก็ถอนหายใจ“เจ้ากับหยุนถิงไม่ถูกกันมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว หรือว่าเจ้าจะไม่แก้แค้นหยุนถิงเพราะความเห็นส่วนตัว จงใจทำให้ของเสียหรือไม่ก็แอบตัดลดวัสดุ นี่มันเกี่ยวพันถึงชีวิตของชาวบ้านทางตอนเหนือ ซวนอ๋องเชื่อถือได้มากกว่า
อีกอย่าง เรื่องของเจ้ากับหยุนถิงผ่านไปนานขนาดนั้นแล้ว ควรปล่อยวางได้แล้ว หยุนถิงเป็นผู้หญิงยังสามารถทำได้ เหตุใดเจ้าถึงยังยืนกรานจะทำเช่นนี้ สิ่งที่ผ่านไปแล้วก็ให้มันแล้วไปเถอะ”
โม่ฉือหานถูกฮ่องเต้เปิดโปงในต่อหน้าสาธารณชน สีหน้ากระอักกระอ่วนไร้ที่เปรียบ
ใช่แล้ว เขาปล่อยวางไม่ได้แท้ๆ ต้องการอยู่ร่วมกับหยุนถิงอย่างสันติแท้ๆ แต่เมื่อเห็นท่าทางที่นางกับจวินหย่วนโยวรักใคร่สนิทสนมกันเช่นนั้น โม่ฉือหานก็รู้สึกโมโห แค้นเคือง และโกรธอย่างอธิบายไม่ถูก
“เสด็จพี่ กระหม่อมจำเอาไว้แล้ว” โม่ฉือหานคำนับอย่างเคารพนบนอบ
“ออกไปเถอะ กลับไปคิดดูให้ดีก็แล้วกัน”
“พ่ะย่ะค่ะ”
โม่ฉือหานเดินออกจากกระโจม องค์ชายสี่กับหยุนถิงซึ่งอยู่ไม่ไกลออกไปกำลังพึมพำอะไรกันอยู่พอดี และจวินหย่วนโยวก็ไม่รู้ว่าไปไหนแล้ว
ได้ยินองค์ชายสี่เอ่ยปากจากระยะไกล“หยุนถิง เจ้านี่มันเจ้าเล่ห์มากจริงๆ ร้ายกาจพอสมควร!”
หยุนถิงกลอกตามองเขาครู่หนึ่ง“ไม่เจ้าเล่ห์ขี้โกงไม่เป็นพ่อค้า ข้าก็แค่อยากหาเงินให้มากๆไม่มีความผิดสักหน่อย หากพูดถึงพ่อค้าหน้าเลือดท่านต่างหากที่หน้าเลือดที่สุด”
“เราสองคนก็พอๆกันนั่นแหละ” โม่ฉือชิงหัวเราะแฮะๆ
“ท่านกลับไปเตรียมการเดี๋ยวนี้เลย ไม่ต้องขายออกไปข้างนอก ถึงเวลาขายให้ฝ่าบาทโดยตรงก็พอ” หยุนถิงกล่าวกำชับ
“ได้เลย ฟังเจ้าหมด”
โม่ฉือหานที่อยู่ไม่ไกลออกไปคิดไม่ถึงว่าหยุนถิงกับโม่ฉือชิงต่างฝ่ายต่างเหน็บแนมซึ่งกันและกัน แต่หยุนถิงกลับไม่ถือสา ยังจะทำการค้ากับโม่ฉือชิงอีก เหตุใดเขาถึงทำไม่ได้เช่นนั้น
หยุนถิงกล่าวในสิ่งที่ควรอธิบายเสร็จแล้ว ก็กลับไปทันที
และสำหรับโม่ฉือหาน หยุนถิงเพียงแค่มองอย่างเย็นชาครู่หนึ่งไม่ได้สนใจเลยด้วยซ้ำ รีบจากไปทันที
“พี่รอง ทำไมท่านถึงอยู่นี่?” โม่ฉือชิงถาม
เห็นว่าหยุนถิงจากไปแล้ว โม่ฉือหานถึงได้เอ่ยปาก“เมื่อครู่นี้เจ้าคุยอะไรกับหยุนถิง?”
“นี่คือความลับทางการค้า ไม่สามารถเปิดเผยได้ พี่รองท่านอย่าโทษข้าเลยนะ” โม่ฉือชิงปฏิเสธ
อันที่โม่ฉือหานก็ไม่ได้สนใจเรื่องความลับทางการค้าอะไรนั่นหรอก เขาลังเลครู่หนึ่งก็เอ่ยปากว่า“เมื่อครู่ทำไมเจ้าว่าหยุนถิงเช่นนั้น นางกลับไม่โกรธเลยแม้แต่น้อย?”
โม่ฉือชิงเลิกคิ้วมองไปทางเขา“พี่รองอยากจะถามว่าทำไมข้ากับหยุนถิงถึงอยู่ร่วมกันอย่างสบายๆ และอิสรเสรีเช่นนี้ใช่ไหม ความจริงแล้วหยุนถิงเป็นคนดีมาก
เมื่อก่อนข้าก็รู้สึกว่านางขี้อวด อวดเก่ง เรียนหนังสือน้อย แต่หลังจากที่รู้จักแล้วถึงได้พบว่านางคืออัจฉริยะทางการค้า ยอดเยี่ยมกว่าข้ามากนัก และสิ่งที่นางรู้มีเยอะมาก
ดูเหมือนนางโอหังอวดดี แต่กลับมีจิตใจเมตตา เข้าข้างคนของตัวเองที่สุด ขอเพียงเป็นคนที่นางยอมรับ จะต้องปฏิบัติต่อเจ้าด้วยความจริงใจ ถ้าหากเจ้าถูกรังแก นางจะช่วยเจ้าสั่งสอนคนอย่างไม่มีความปรานีเด็ดขาด
บางครั้งข้าถึงขั้นคิดว่า บางทีนางอาจจะไม่ใช่มนุษย์ แต่เป็นเทพที่ลงมาจุติในโลกมนุษย์ หน้าตางดงาม ทักษะทางการแพทย์ยอดเยี่ยม ยังมักจะคิดหาเงินบ่อยๆ ฝีมือการทำอาหารก็ไม่มีที่ติ เกลียดชังความชั่ว ต่อสู้กับความอยุติธรรม—–
สรุปแล้ว หยุนถิงคือผู้หญิงที่สบายๆมีนิสัยของตัวเองที่สุดเท่าที่ข้าเคยเห็นมา นางไม่เกรงกลัวอำนาจ ทำอะไรตามแต่ความชอบ จริงใจไม่มีกฎเกณฑ์ ไม่แยแสลาภยศชื่อเสียง เฮ้อ ทำไมข้าถึงไม่เจอผู้หญิงที่ดีขนาดนี้กันนะ”
นี่เป็นครั้งแรกที่โม่ฉือหานได้ยินโม่ฉือชิงชมผู้หญิงคนหนึ่งเช่นนี้ สีหน้ายิ่งไม่น่าดูขึ้นมาอีกเล็กน้อย“ในเมื่อนางดีขนาดนั้น ทำไมเจ้าไม่แต่งงานกับนางล่ะ”
“ข้าก็อยากเหมือนกัน น่าเสียดายถูกจวินหย่วนโยวชิงตัดหน้าไปก่อน พี่รองพูดตามตรงข้ายังรู้สึกสงสัยว่าสายตาของท่านน่าจะมีปัญหา หยุนถิงดีขนาดนี้ ท่านกลับหย่าร้างกับนาง ช่างตาบอดจริงๆ
แต่ถึงแม้ท่านจะนึกเสียใจภายหลังตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์แล้ว จวินหย่วนโยวรักและทะนุถนอมหยุนถิงอย่างยิ่ง ราวกับแก้วตาดวงใจก็ไม่ปาน ไม่เห็นแค่ครู่เดียวก็คิดถึงจะแย่ ดังนั้นท่านก็อย่าคิดเลย
สรุปแล้วท่านต้องจำเอาไว้ หากต้องการอยู่ร่วมกับหยุนถิงอย่างสันติ เช่นนั้นก็ต้องปฏิบัติต่อนางด้วยความจริงใจ หยุนถิงปฏิบัติต่อผู้คนด้วยความจริงใจ มิเช่นนั้นจะมีคนชมนางไม่ขาดปากมากมายขนาดนี้หรือ” โม่ฉือชิงบ่น
หลีอ๋องผู้เย็นชาสูงส่งมาตลอดกลับถูกน้องสี่ที่เยาะเย้ยถากถางสังคม ไม่เคยทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันสั่งสอนได้ โม่ฉือหานจ้องมองไปทางเขาด้วยความโกรธ
“ดูท่า ช่วงนี้เจ้าคงจะว่างมาก?”
“ไม่ใช่อยู่แล้ว ข้ายุ่งมากเลย พี่รองข้าไม่คุยกับท่านแล้ว ข้ายังต้องเร่งเดินทางกลับเมืองหลวงอีก ท่านเล่นไปเองคนเดียวเถอะ” โม่ฉือชิงหันหลังก็จากไปเลย
นัยน์ตาสีดำที่คมกริบของโม่ฉือหานชำเลืองไปทางแผ่นหลังของเขา จริงใจ สิ่งที่น่าขำขนาดนั้น เขาไม่สนใจหรอก