จอมนางข้ามภิภพ – บทที่ 343 ที่แท้ก็ซ่อนอยู่ในบ่อน้ำ

จอมนางข้ามภิภพ

จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 343 ที่แท้ก็ซ่อนอยู่ในบ่อน้ำ

“ข้าขอสั่งเจ้า ส่งกำลังทหารทั้งหมดออกไปค้นหา จะปล่อยไอ้คนที่กอบโกยผลประโยชน์เข้าตัวเองอย่างซ่างกวนเจิ้นไปไม่ได้เด็ดขาด ถึงกับกล้าทำชั่วโดยไม่เห็นกฎหมายอยู่ในสายตาต่อหน้าต่อตาข้า ข้าจะไม่ละเว้นเด็ดขาด!” ฮ่องเต้คำรามด้วยความโกรธ

“พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมรับพระบัญชา!” โม่ฉีเฟิงถอยออกไปด้วยความเคารพนบนอบ

เหมยเฟยเข้ามาจากข้างนอก รู้สึกผิดและละอายใจอย่างยิ่ง คุกเข่าลงไปกับพื้นโดยไม่พูดอะไรเลยทันที“หม่อมฉันมีความผิด ขอฝ่าบาทโปรดลงโทษด้วย!”

ฮ่องเต้มองมาด้วยความงุนงง“เหตุใดสนมรักถึงกล่าวเช่นนั้น?”

“ตอนล่าสัตว์ ซวนอ๋องเข้าเฝ้าฝ่าบาทบอกว่าจะจับกุมซ่างกวนเฉิงเซี่ยง ตอนนั้นหากหม่อมฉันไม่ได้เสนอให้ฝ่าบาทกลับวังแล้วค่อยออกราชโองการ เพื่อแสดงถึงความน่าเกรงขามของฝ่าบาท ซ่างกวนเฉิงเซี่ยงก็คงไม่หนีไป ดังนั้นทุกสิ่งทุกอย่างนี้ล้วนเป็นความผิดหม่อมฉันทั้งนั้น หม่อมฉันเป็นคนทำให้งานใหญ่ของฝ่าบาทล่าช้า ขอฝ่าบาทโปรดลงโทษด้วย หม่อมฉันจะไม่ปริปากตำหนิใดๆเด็ดขาดเลย” เหมยเฟยกล่าวด้วยเหตุผลที่ถูกต้องและคำพูดจริงจัง น้ำเสียงเต็มไปด้วยการตำหนิตัวเอง

ฮ่องเต้มองดูท่าทางที่เต็มไปด้วยความละอายใจของนาง ลุกขึ้นและเดินเข้ามา ยื่นมือไปประคองนาง“นี่มันไม่เกี่ยวกับเจ้าเลย เป็นเพราะข้าที่ไม่คิดทบทวนให้ดีเอง ซ่างกวนเจิ้นผู้นี้เจ้าเล่ห์เกินไปแล้ว ข้าจะต้องพลิกแผ่นดินตามหาเขา และฉีกเขาเป็นหมื่นๆชิ้นให้ได้!”

“ฝ่าบาท หม่อมฉันผิดต่อพระองค์” เหมยเฟยกล่าวด้วยความละอายใจ

“สนมรักไม่จำเป็นต้องตำหนิตัวเอง กลับไปเถอะ ข้ายังมีเรื่องต้องทำ” ฮ่องเต้ตรัส

“เพคะ หม่อมฉันทูลลา!” เหมยเฟยเอาใจใส่อย่างยิ่ง คำนับเสร็จก็หันหลังจากไป

ตอนที่เหมยเฟยหันหลังฮ่องเต้ไม่ได้สังเกตเห็นรอยยิ้มเล็กน้อยตรงมุมปากของนางเลย

เหตุผลที่นางออกมายอมรับผิดด้วยตัวเอง ก็เพราะฝ่าบาทเป็นคนขี้ระแวง หากรอให้ถึงตอนที่ฝ่าบาทสงสัยมาถึงนาง เช่นนั้นเหมยเฟยก็จะหลุดพ้นจากข้อสงสัยได้ยากแล้ว

……………

จวนซื่อจื่อ

ตอนที่หยุนถิงกับจวินหย่วนโยวกลับไปฟ้าก็มืดแล้ว เมื่อพ่อบ้านเห็นท่าทางที่จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวของจวินหย่วนโยว แล้วก็เหลือบมองเห็นลูกประคำเกล็ดหิมะที่เขาถืออยู่ในมือ คนทั้งคนของพ่อบ้านก็ชะงักงันไป

“ซื่อจื่อ นี่ นี่มันคือของของฮูหยินคนก่อนนี่นา!” พ่อบ้านกล่าวด้วยความตื่นเต้น

เขาอยู่ที่จวนซื่อจื่อมาหลายสิบปี คุ้นเคยกับสิ่งของของพ่อแม่จวินหย่วนโยวเป็นอย่างดี

“พบที่โต๊ะหนังสือในห้องลับของซ่างกวนเจิ้น พ่อบ้านเจ้าให้คนไปต้มซุปอุ่นๆมาหน่อยเถอะ ข้าจะประคองซื่อจื่อกลับพักผ่อน” หยุนถิงตอบ

พ่อบ้านมองไปที่ซื่อจื่อที่มีท่าทางเช่นนั้น ก็เดาออกแล้วว่าเขาคงไม่สามารถยอมรับได้ในทันที“ขอรับ บ่าวจะไปเดี๋ยวนี้”

หยุนถิงประคองจวินหย่วนโยวกลับไปที่เรือน คนทั้งคนของจวินหย่วนโยวราวกับคนปิดกั้นตัวเอง นั่งนิ่งไม่ขยับเขยื้อน ไม่พูดไม่จา มองดูลูกประคำเส้นนั้นอย่างเหม่อลอย

เห็นเขาเป็นเช่นนี้ หยุนถิงก็ไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่อยู่กับเขาเงียบๆ

ตอนเย็นจวินหย่วนโยวไม่ได้กินอะไร เพียงแต่บอกว่าอยากจะอยู่คนเดียวครู่หนึ่ง หยุนถิงออกไปจากห้อง ก็ให้หลิงเฟิงเฝ้าเอาไว้ทันที

ในลาน หยุนถิงผิวปาก ไม่นานนักอินทรีทองก็ปรากฏตัว หยุนถิงหยิบภาพเหมือนที่ได้มาจากซวนอ๋องออกมา“เสี่ยวจินจื่อ ข้าต้องการความช่วยเหลือจากเจ้า หาตัวสองคนนี้ออกมา ทันทีที่พบร่องรอยของพวกเขาให้บอกข้าทันที บางทีพวกเขาอาจจะปลอมตัว ขอเพียงเจ้าพบคนที่หน้าตาคล้ายพวกเขาก็บอกข้าได้เลย”

อินทรีทองมองดูสองภาพนั้นอย่างจริงจัง พยักหน้าอย่างแรง ก่อนจากไปหยุนถิงแขวนเนื้อตากแห้งเอาไว้ที่คอของมันหนึ่งถุง อินทรีทองดีใจอย่างยิ่ง บินจากไปทันที

หลงเอ้อกำลังจะเข้ามาพูดอะไรบางอย่าง จู่ๆด้านหน้าของหยุนถิงก็มีอินทรีทองปรากฏขึ้นมาสิบตัว เดิมทีอินทรีทองก็มีขนาดใหญ่มากอยู่แล้ว ยืนกันกว่าครึ่งลานในชั่วพริบตา

แม้แต่องครักษ์เงามังกรกับองครักษ์ลับที่หมอบอยู่บนสันกำแพงก็สะดุ้งตกใจเช่นกัน อินทรีทองพวกนี้ปรากฏตัวขึ้นมากลางอากาศ ช่างแปลกประหลาดจริงๆ

หยุนถิงยังคงหยิบภาพเหมือนของพ่อลูกซ่างกวนเจิ้นให้พวกมันดู กล่าวกำชับสองสามคำ อินทรีทองก็บินจากไปทันที

“ฮูหยิน ท่านมีอินทรีทองตัวเดียวไม่ใช่หรือ?” หลงเอ้อถามด้วยความงุนงง

“นี่คือพี่น้องของอินทรีทอง ถูกมันลักพาตัวมาหาข้า” หยุนถิงหาข้ออ้าง ไม่ได้บอกว่าตัวเองเป็นคนคัดลอกออกมา

หลงเอ้อรู้สึกนับถืออย่างท่วมท้นในทันที“ฮูหยิน ท่านช่างสุดยอดจริงๆ!”

“พูดจาไร้สาระให้มันน้อยๆหน่อย เจ้าส่งคนไปจับตาดูเหมยเฟย แล้วก็จวนซ่างกวนเอาไว้ ข้ารู้สึกว่าพ่อลูกซ่างกวนเจิ้นยังอยู่ในเมืองหลวง!” หยุนถิงเอ่ยปาก

“ขอรับ” หลงเอ้อไปจัดการทันที

ตอนนี้กองทหารหลวง และกองทัพหลวงทั่วทั้งเมืองหลวงล้วนกำลังค้นหาเบาะแสของพ่อและลูกสาวซ่างกวนเจิ้น พูดได้ว่าไล่เรียงไปทีละบ้านทีละหลังคาเรือน ไม่ปล่อยไปแม้แต่คนเดียว ทหารรักษาการณ์หน้าประตูเมืองก็ยิ่งตรวจสอบทุกคนที่เข้าออก

พวกเขาไปซ่อนตัวอยู่ที่ไหนกันแน่?

เพียงแต่ว่าห้าหกวันผ่านไปแล้ว ไม่มีเบาะแสใดๆเลยแม้แต่น้อย สองพ่อลูกนี้ราวกับหายไปอย่างไร้ร่องรอย ทุกคนก็ยิ่งรู้สึกว่ามันแปลกประหลาดมากขึ้น

ในคืนนี้ ใต้บ่อน้ำบางแห่งในหลังลานของจวนซ่างกวน ซ่างกวนเจิ้นกับซ่างกวนหรูกำลังกินอาหารอยู่ ทั้งสองคนไม่มีความตื่นตระหนกหรือหวาดกลัวใดๆเลยแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามกลับอิสรเสรีอย่างมาก

เกรงว่าทุกคนคิดกันจนหัวแตกก็คิดไม่ถึงว่า สองพ่อลูกนี้ไม่ได้ออกไปจากจวนซ่างกวนเลย แต่ซ่อนตัวอยู่ในบ่อน้ำของห้องครัวหลังลาน

“โชคดีที่พ่อได้รับข่าวทันเวลา แอบซ่อนสิ่งของทั้งหมดเอาไว้ที่นี่ล่วงหน้าแล้ว ถึงได้รอดพ้นจากหายนะในครั้งนี้ คำนวณเวลาแล้วเราก็ควรออกไปได้แล้ว” ซ่างกวนเจิ้นกล่าวพร้อมถอนหายใจ

“ท่านพ่อ เราจะไปไหน?” ซ่างกวนหรูถามด้วยความกังวล

นางคิดไม่ถึงเลยว่า ตระกูลซ่างกวนถึงกับถูกค้นบ้านและยึดทรัพย์สินแล้ว ตระกูลซ่างกวนที่เคยยิ่งใหญ่เกรียงไกรในอดีตตอนนี้กลับกลายเป็นสุนัขไม่มีเจ้าของ ยังต้องซ่อนตัวอยู่ในบ่อน้ำที่มืดมนจนไม่เห็นเดือนเห็นตะวัน นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่

“นึกย้อนไปถึงตอนนั้นข้ารุ่งเรืองไม่มีขอบเขต ธรณีประตูของตระกูลซ่างกวนถูกเหยียบจนพังทลาย ตอนนี้ตระกูลซ่างกวนข้าตกอยู่ในสถานการณ์เยี่ยงนี้ เกรงว่าคนที่ใกล้ชิดในเวลาปกติก็คงจะหลีกหนีกันแทบจะไม่ทัน

แต่ว่าเจ้าวางใจได้ หลายปีมานี้พ่อเก็บเงินเอาไว้มากมาย เพียงพอให้เราสองพ่อลูกไม่ต้องกังวลเรื่องกินดื่มไปตลอดชีวิต เราไปที่แคว้นเป่ยลี่ ฝ่าบาทแห่งแคว้นเป่ยลี่กับข้ามีมิตรภาพต่อกันเล็กน้อย เขาจะต้องรับพวกเราเอาไว้แน่นอน

ถึงเวลานั้นข้าจะกลับมาพร้อมกับทหารของแคว้นเป่ยลี่ จะต้องสับจวินหย่วนโยวกับโม่เหลิ่งเหยียนเป็นหมื่นๆชิ้นให้ได้ ความแค้นในวันนี้ข้าจะต้องตอบแทนกลับไปเป็นร้อยเท่าในวันหน้าให้ได้” ซ่างกวนเจิ้นกล่าวด้วยความโกรธแค้น

“ท่านพ่อไปไหน ข้าก็ไปที่นั่น” ซ่างกวนหรูคล้อยตาม

ยางในตอนนี้ไม่มีทางเลือก คนที่สามารถช่วยนางได้ก็มีเพียงท่านพ่อแล้ว

ดังนั้นสองพ่อลูกจึงนำตั๋วเงิน เสื้อผ้า แล้วก็อาหารที่เก็บเอาไว้ในบ่อน้ำก่อนหน้านี้ติดตัวไป สิ่งของเล็กน้อยที่ไม่สะดวกในการนำติดตัวก็ทิ้งเอาไว้

พวกเขาอาศัยตอนฟ้ามืด เดินตามบ่อน้ำเข้าไป และจากไปตรงทางออกอีกด้านหนึ่ง และทางออกก็คือบ้านร้างบางแห่งบนถนนหลังลาน

บ้านหลังนี้ถูกทิ้งร้างมานานหลายปี มันเก่าและทรุดโทรมไปนานแล้ว คนที่ผ่านไปมาก็ไม่เหลียวมองอีก ย่อมจะไม่สงสัยอยู่แล้ว

ซ่างกวนเจิ้นออกมาจากทางลับ เหลือบมองทางจวนซ่างกวนครู่หนึ่ง จากนั้นก็หนีไปอย่างระมัดระวัง

ซ่างกวนหรูก็กลัวว่าจะถูกคนจำได้ หากให้คุณหนูพวกนั้นเห็นรูปลักษณ์ที่ตกอับของตัวเองในเวลานี้ ไม่แน่ว่าจะหัวเราะเยาะตัวเองอย่างไรเลย

สองพ่อลูกปลอมตัวเป็นขอทาน พวกเขาไม่ได้ไปที่ประตูเมือง แต่ไปยังร้านค้าบางแห่ง

เมื่อผู้จัดการร้านเปิดประตูและเห็นว่าเป็นพวกเขา ก็รับคนเข้าไปและปิดประตูทันที

เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น เหมยเฟยกราบทูลฝ่าบาทว่าอยากออกจากวังไปเดินเล่นที่หอหนีซ่าง อีกไม่กี่วันก็เป็นช่วงร้อนน้อยแล้ว บรรดาสนมในวังหลังควรต้องเปลี่ยนชุดฤดูร้อนแล้ว เหมยเฟยอยากจะเปลี่ยนเสื้อผ้าลวดลายใหม่ๆข้างนอกบ้าง ฮ่องเต้ย่อมรับปากอยู่แล้ว

รถม้าของเหมยเฟยออกจากวังไปตลอดทาง มุ่งหน้าไปยังหอหนีซ่าง นางเข้าไปภายในเวลาไม่ถึงครึ่งก้านธูปก็ออกมาแล้ว และตอนที่ออกมา ด้านหลังก็มีคนเพิ่มมาสองคน

จอมนางข้ามภิภพ

จอมนางข้ามภิภพ

Status: Ongoing
นางเป็นบุตรีเอกแห่งจวนเฉิงเสี้ยง เป็นยัยอัปลักษณ์ไร้ค่าผู้ฉาวโฉ่ กลับมีรักแรกพบกับหลีอ๋อง คะยั้นคะยอจะอภิเษกสมรสกับหลีอ๋องอย่างไม่กลัวสิ่งใด ณคืนวันอภิเษกถูกหลีอ๋องทำอัปยศอดสูจนตายพอลืมตาขึ้นดันทะลุมิติมาอีกภพหนึ่งกลายเป็นศาสตราจารย์หมอพิษสมัยใหม่ควบสองบัณฑิต คนที่เคยรังแกนาง มันต้องเอาคืนเป็นร้อยเท่าพันเท่า นาง…จัดการกับพวกสันดานชั่วอย่างออกนอกหน้า หาเงินอย่างถ่อมตน มัสมบัติระรวยใต้หล้า เพื่อหลุดพ้นจากหลีอ๋อง เลยแต่งในฐานะนางสนมของซื่อจื่อ กลับคิดไม่ถึงว่าจะไปกระตุกหนวดเสือให้เข้าแล้ว เขาเป็นซื่อจื่อผู้ป่วยเสาะแสะ สุขุมอ่อนโยน เย็นชาเจ้าเล่ห์ ร่างมีพิษที่จะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน หยุนถิงเป็นคนช่วยเขาแก้พิษ ทำให้เขากลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง เขาสาบานว่า จะอยู่กินกับนางแต่เพียงผู้เดียว หลังแต่งงาน นางนวดเอวที่ปวดอยู่ เตะเขาลงจากเตียง:“รับจดหมายรักจากหญิงอื่น ยังกล้ามานอนกับหม่อมฉันอีกรึ?” เขารีบอธิบาย:“น้องนาง ข้าผิดไปแล้ว ใครกล้ามาแย่งข้าไปจากเจ้า ข้าจะตัดขานางให้รู้แล้วรู้รอด” นางยักคิ้วหลิ่วตา:ก็ท่านนี่แหละที่เป็นต้นเหตุ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท