จอมนางข้ามภิภพ – บทที่ 344 หลันรั่วถูกอันธพาลทำให้อับอาย

จอมนางข้ามภิภพ

จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 344 หลันรั่วถูกอันธพาลทำให้อับอาย

รถม้ามุ่งหน้าไปที่ประตูเมืองตลอดทาง เมื่อโม่ฉีเฟิงที่เฝ้าอยู่ที่ประตูเมืองเห็นก็ขวางเอาไว้ทันที“รับคำสั่งตรวจค้น คนที่อยู่ข้างในคือใคร?”

ม่านรถม้าเปิดออก เหมยเฟยมองไปทางโม่ฉีเฟิงด้วยสีหน้าเย็นชา“พวกเจ้าจะตรวจค้นข้าด้วยหรือ?”

โม่ฉีเฟิงคำนับด้วยความเคารพนบนอบทันที“กระหม่อมคำนับเหมยเฟย กระหม่อมได้รับคำสั่งให้ตรวจค้นคนที่เข้าออกประตูเมือง เหนียงเหนียงโปรดลงโทษด้วย”

“ข้ากราบทูลต่อฝ่าบาทแล้ว บอกว่าจะออกไปนอกเมือง ฝ่าบาททรงอนุญาตแล้ว หรือเจ้ายังจะตรวจค้นอีก?” เหมยเฟยกล่าวด้วยความไม่พอใจ

ทันทีที่โม่ฉีเฟิงได้ยิน ย่อมไม่กล้าขัดขวางอีก“กระหม่อมมิกล้า ทหาร ปล่อยผ่านไป!”

องครักษ์คนอื่นๆปล่อยผ่านไปทันที รถม้าของเหมยเฟยจึงออกไปจากประตูเมืองด้วยประการฉะนี้

ไม่ไกลออกไป โม่ฉือหานผ่านประตูเมืองพอดี มองเห็นรถม้าของเหมยเฟยออกจากเมืองไปแล้ว“เกิดอะไรขึ้น?”

“เหมยเฟยจะออกไปนอกเมือง บอกว่าฝ่าบาททรงอนุญาตแล้ว ดังนั้นข้าจึงไม่ได้ขัดขวาง” โม่ฉีเฟิงกล่าวตอบโดยตรง

โม่ฉือหานชำเลืองมองไปทางนอกเมือง“ในเมื่อฝ่าบาททรงอนุญาตแล้ว เจ้าทำถูกต้องแล้ว ลำบากเจ้าแล้ว” กล่าวจบก็จากไป

เพียงแต่ว่าโม่ฉือหานไม่ได้กลับไปที่จวนหลีอ๋อง แต่ไปที่จวนซื่อจื่อ

ทันทีที่พ่อบ้านได้ยินว่าหลีอ๋องต้องการพบซื่อจื่อ ก็บอกไปโดยตรงว่าซื่อจื่อไม่สบาย คิดไม่ถึงว่าหลีอ๋องจะบอกว่าต้องการพบหยุนถิง พ่อบ้านถึงได้พาเขาไปพบฮูหยินอย่างไม่เต็มใจ

อาการของจวินหย่วนโยวยังไม่ดีขึ้น ไม่กินไม่ดื่มตั้งแต่เมื่อวานจนถึงวันนี้ ตำหนิตัวเองอย่างยิ่ง หยุนถิงให้หลิงเฟิงดูแลจวินหย่วนโยว และออกไปคนเดียว

“ไม่ทราบว่าหลีอ๋องหาข้าด้วยเรื่องอันใด?” น้ำเสียงของหยุนถิงห่างเหิน

โม่ฉือหานเห็นนางเป็นเช่นนี้ หัวใจที่เย็นยะเยือกรู้สึกเจ็บปวดอย่างอธิบายไม่ถูก รู้สึกอึดอัดตรงหน้าอกเล็กน้อย“ข้าก็แค่จะมาบอกเจ้าว่า เมื่อครู่นี้ข้าเห็นรถม้าของเหมยเฟยออกนอกเมืองไป และทหารรักษาการณ์หน้าประตูเมืองก็ไม่ได้ตรวจค้นรถม้าของนางด้วย”

สีหน้าของหยุนถิงตึงเครียด ถ้าหากก่อนหน้านี้คือการคาดเดา เช่นนั้นเวลานี้คำพูดของหลีอ๋องก็เพียงพอจะยืนยันความน่าสงสัยของเหมยเฟยแล้ว

“เหตุใดหลีอ๋องถึงมาบอกเรื่องพวกนี้กับข้า?” หยุนถิงขมวดคิ้ว

วันนี้โม่ฉือหานโดนคุณไสยหรือ เขาเห็นตัวเองขัดหูขัดตามาตลอด จู่ๆทำไมถึงใจดีมาบอกกับตัวเองเช่นนี้ได้

โม่ฉือหานเห็นสายตาที่สงสัยของหยุนถิง สีหน้ายิ่งไม่น่าดูขึ้นมาเล็กน้อย“ใครบอกว่าข้ามาบอกเจ้ากัน ข้ามาเพื่อต้องการจะบอกจวินหย่วนโยว พ่อบ้านบอกว่าเขาไม่สบายไม่ใช่หรือ เจ้าก็ไปบอกต่อให้เขาก็แล้วกัน”

“ท่านกับซื่อจื่อของข้ายิ่งไม่ถูกกันไม่ใช่หรือ?” หยุนถิงถามกลับ

คำพูดประโยคเดียว ตบหน้าโม่ฉือหานทันที ทำให้สีหน้าที่เดิมทีก็ไม่น่าดูอยู่แล้วกลายเป็นชั้นน้ำแข็ง เย็นยะเยือกสุดขีด“ข้าก็แค่ไม่อยากให้เขาตายในมือคนอื่นเท่านั้น เชื่อไม่เชื่อก็แล้วแต่เจ้า!”

โม่ฉือหานทิ้งคำพูดเอาไว้ประโยคหนึ่ง หันหลังแล้วก็จากไปโดยตรง

หยุนถิงมองดูแผ่นหลังของเขา ถึงแม้จะไม่รู้ว่าโม่ฉือหานวางแผนอะไรอยู่กันแน่ แต่สิ่งที่เขาบอกตัวเองกลับเป็นข้อมูลที่สำคัญมาก

“ฮูหยิน ถ้าอย่างไรให้ข้าน้อยไปจับคนกลับมาดีไหม?” หลงซื่อรีบเข้ามาสอบถามอย่างรวดเร็ว

“ไม่ต้อง อย่าเพิ่งแหวกหญ้าให้งูตื่น ในเมื่อเขาสามารถบูชาท่านแม่ของซื่อจื่อโดยที่ไม่มีใครรู้มาหลายปีขนาดนี้ แสดงให้เห็นว่ารู้สึกผิดต่อนางหรือไม่ก็มีความเกี่ยวข้องกัน แม้แต่ซื่อจื่อก็ยังสืบไม่เจอ แสดงให้เห็นว่าเหตุการณ์ในตอนนั้นเกี่ยวพันกันอย่างกว้างขวาง หรือไม่ก็มีผู้ชักใยอยู่เบื้องหลัง เจ้าส่งคนมีความสามารถสองสามคนไปสะกดรอยตาม ดูว่าพวกเขาไปพบใครบ้าง แล้วรีบกลับมารายงานทันที” หยุนถิงกล่าวสั่งการ

หลงซื่อยังอดที่จะรู้สึกนับถือไม่ได้“ฮูหยินฉลาดหลักแหลมสายตายาวไกล ข้าจะไปจัดการเดี๋ยวนี้”

หยุนถิงเรียกตัวซูหลินมา ทั้งสองคนไปหากัวอวิ๋นโหรว พูดเรื่องที่สงสัยเหมยเฟยออกมา

ทั้งหมดปรึกษาหารือกันใหม่อีกรอบ ตัดสินใจค่อยๆทยอยอพยพออกจากเส้นทางที่คนของพรรควิหคเข้าร่วม ร้านค้าก็แอบอพยพอย่างลับๆ พัฒนาเส้นทางการขนส่งและการดำเนินงานใหม่ หากวันหนึ่งพรรควิหคทรยศขึ้นมา พวกนางก็จะไม่ถึงกับเสียหายมากเกินไป

เมื่อเห็นว่าฟ้ามืดแล้ว หยุนถิงถึงได้พาซูหลินจากไป ตอนที่จากไปทั้งสองคนปลอมตัวในชุดผู้ชาย จะไม่ได้เป็นที่สังเกตของผู้คน

เดินผ่านถนนสองสามสาย หยุนถิงเหลือบไปในตรอกซอยบางแห่งโดยไม่ได้ตั้งใจ หญิงสาวนางหนึ่งถูกอันธพาลสองคนตามตื้ออยู่ เสียงกรีดร้องก่นด่าดังมา

“หากพวกเจ้ากล้าแตะต้องข้า ข้าจะต้องสับพวกเจ้าเป็นหมื่นๆชิ้นอย่างแน่นอน!” เสียงผู้หญิงที่โอหังกราดเกรี้ยว และโกรธแค้นดังมา

“หากเจ้าเป็นองค์หญิง ข้าก็เป็นราชาเทพเซียนแล้ว พี่น้องทั้งหลายไม่ต้องพูดไร้สาระ รีบลงมือเถอะ” อันธพาลคนหนึ่งคำราม คนอื่นๆอดรนทนไม่ไหวนานแล้ว ยื่นมือก็ไปฉีกทึ้งเสื้อผ้าของผู้หญิงคนนั้น

“ไสหัวไป อย่ามาแตะต้องข้า ไอ้สารเลว ข้าจะไม่ปล่อยพวกเจ้าไปเด็ดขาด ใครก็ได้ช่วยข้าด้วย—–” องค์หญิงหลันรั่วร้องขอความช่วยเหลือ

นางหงุดหงิดอารมณ์เสียเพราะเรื่องตอนพื้นที่ล่าสัตว์ ดังนั้นจึงออกมาดื่มสุราข้างนอกคนเดียว แต่กลับคิดไม่ถึงว่าระหว่างทางกลับมาจะพบกับอันธพาลสองสามคนนี้

องค์หญิงหลันรั่วมองดูมือปลาหมึกที่ยื่นเข้ามาพวกนั้น ตกใจหวาดกลัวแทบแย่ ไม่มีเวลาสนใจอย่างอื่น ได้แต่ใช้มือตบและผลักออกไปอย่างแรง และร้องขอความเมตตา

เพียงแต่ว่านางจะเป็นคู่ต่อสู้ของพวกอันธพาลท้องถิ่นพวกนี้ได้อย่างไร เวลานี้ฟ้าก็มืดแล้ว ซอยนี้ก็ค่อนข้างเปลี่ยว ไม่มีคนเดินผ่านเลย

บวกกับอันธพาลพวกนี้ยังขึ้นชื่อเรื่องการใช้อำนาจบาตรใหญ่ สารเลว ถึงแม้จะมีคนเดินผ่านก็ไม่มีใครกล้าไปยั่วยุ

“คุณหนูใหญ่ ก่อนหน้านี้องค์หญิงหลันรั่วคนนี้หาเรื่องท่านเช่นนั้น ถ้าอย่างไรเราแสร้งทำเป็นมองไม่เห็นดีไหม?” ซูหลินกระซิบถาม

ถึงแม้จะรู้สึกว่าทำเช่นนี้จะโหดร้ายไปหน่อย แต่ก่อนหน้านี้หลันรั่วจงใจทำให้คุณหนูใหญ่อับอาย ยังคิดจะเลื่อยขาเก้าอี้ของคุณหนูใหญ่ แต่งงานเชื่อมสัมพันธ์กับซื่อจื่อ ถึงแม้ซูหลินจะรู้สึกสงสารนาง น่าสงสารแต่กลับน่าชิงชังยิ่งกว่า ดังนั้นจึงไม่อยากจะสนใจ

ดวงตาคู่สวยของหยุนถิงเย็นชา มองไปทางองค์หญิงหลันรั่วที่ถูกอันธพาลสองสามคนนี้ฉีกทึ้งเสื้อผ้าออกแล้ว มองดูสายตาที่ตื่นตระหนกและหวาดกลัวของนาง เข็มเงินที่อยู่ในมือพุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว

“สั่งสอนนาง ข้าลงมือเองก็พอแล้ว วิธีการที่สกปรกเช่นนี้ข้าไม่สนใจหรอก!” หยุนถิงกล่าวอย่างเย็นชา คนทั้งคนแว๊บเข้าไปทันที

ซูหลินนับถือจนอยากจะก้มลงกราบ สมกับที่เป็นคุณหนูใหญ่ จิตใจกว้างขวาง ไม่ถือสาหาความ วิสัยทัศน์กว้างไกล

อันธพาลสองสามคนที่อยู่ไม่ไกลยังไม่ทันได้ตอบสนองกลับมาก็ไม่สามารถขยับเขยื้อนแล้ว มองดูคนที่จู่ๆก็วิ่งเข้ามารู้สึกโมโหขึ้นมาทันที“ไอ้เด็กบ้าเจ้าอย่ามายุ่งเรื่องชาวบ้าน มิเช่นนั้นพวกข้าไม่ปล่อยเจ้าไปแน่!”

หยุนถิงเหลือบมองไปทางพวกเขา“อย่าพวกเจ้า ก็คู่ควรหรือ!”

อันธพาลสองสามคนนั้นยังไม่ทันได้ตอบโต้ ก็ถูกหยุนถิงเตะกระเด็นออกไปทีละคนในพริบตา ล้มลงไปบนพื้นอย่างแรง ไม่สามารถขยับเขยื้อนได้อีก

หยุนถิงหันหน้ามองทางองค์หญิงหลันรั่ว“เจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม?”

องค์หญิงหลันรั่วในเวลานี้ เสื้อผ้าถูกฉีกทึ้งจนขาดวิ่นไป ไหล่กับแขนล้วนเผยออกมาด้านนอก ผมเผ้ายุ่งเหยิง สายตาตื่นตระหนก ทุลักทุเลอย่างมาก

หยุนถิงเห็นนางตกใจจนตะลึงงันไป ไม่ขยับเขยื้อน มองดูตัวเองอย่างมึนงง ถอดเสื้อคลุมที่อยู่บนร่างกายลงมาคลุมให้นาง

ถึงแม้นางจะโอหังและกำเริบเสิบสาน น่ารังเกียจจริงๆก็เถอะ แต่อย่างไรก็เป็นหญิงสาวที่ยังไม่แต่งงาน จู่ๆก็เจอกับเรื่องแบบนี้เกรงว่าคงจะตกใจแย่แล้ว

“องค์หญิง องค์หญิงท่านอยู่ไหน?” ไม่ไกลออกไป เสียงตะโกนของคนไม่น้อยดังขึ้นมา

หยุนถิงหันหลังพาซูหลินจากไป จากนั้นก็เห็นผู้ติดตามขององค์หญิงหลันรั่วเข้าไปหาทางด้านนั้น ถึงได้จากไปอย่างวางใจ

หลิวมามาพาบรรดาองครักษ์เข้าไป มองเห็นองค์หญิงในสภาพที่ทุลักทุเลเหลือทน ยืนตะลึงงันอยู่ตรงนั้น บนพื้นยังมีผู้ชายนอนอยู่หลายคนก็ตกใจแทบแย่ในทันที รีบวิ่งเข้าไปทันที

“องค์หญิง องค์หญิงท่านเป็นอย่างไรบ้าง?”

จอมนางข้ามภิภพ

จอมนางข้ามภิภพ

Status: Ongoing
นางเป็นบุตรีเอกแห่งจวนเฉิงเสี้ยง เป็นยัยอัปลักษณ์ไร้ค่าผู้ฉาวโฉ่ กลับมีรักแรกพบกับหลีอ๋อง คะยั้นคะยอจะอภิเษกสมรสกับหลีอ๋องอย่างไม่กลัวสิ่งใด ณคืนวันอภิเษกถูกหลีอ๋องทำอัปยศอดสูจนตายพอลืมตาขึ้นดันทะลุมิติมาอีกภพหนึ่งกลายเป็นศาสตราจารย์หมอพิษสมัยใหม่ควบสองบัณฑิต คนที่เคยรังแกนาง มันต้องเอาคืนเป็นร้อยเท่าพันเท่า นาง…จัดการกับพวกสันดานชั่วอย่างออกนอกหน้า หาเงินอย่างถ่อมตน มัสมบัติระรวยใต้หล้า เพื่อหลุดพ้นจากหลีอ๋อง เลยแต่งในฐานะนางสนมของซื่อจื่อ กลับคิดไม่ถึงว่าจะไปกระตุกหนวดเสือให้เข้าแล้ว เขาเป็นซื่อจื่อผู้ป่วยเสาะแสะ สุขุมอ่อนโยน เย็นชาเจ้าเล่ห์ ร่างมีพิษที่จะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน หยุนถิงเป็นคนช่วยเขาแก้พิษ ทำให้เขากลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง เขาสาบานว่า จะอยู่กินกับนางแต่เพียงผู้เดียว หลังแต่งงาน นางนวดเอวที่ปวดอยู่ เตะเขาลงจากเตียง:“รับจดหมายรักจากหญิงอื่น ยังกล้ามานอนกับหม่อมฉันอีกรึ?” เขารีบอธิบาย:“น้องนาง ข้าผิดไปแล้ว ใครกล้ามาแย่งข้าไปจากเจ้า ข้าจะตัดขานางให้รู้แล้วรู้รอด” นางยักคิ้วหลิ่วตา:ก็ท่านนี่แหละที่เป็นต้นเหตุ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท