จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 361 ซื่อจื่อกับซื่อจื่อเฟยพลอดรักกันอีกแล้ว
“มิเป็นไร ก็แค่ฝังเข็มเท่านั้นเอง ในสนามสอบก็มีที่พัก พวกเราไปที่นั่นก็ได้” หยุนถิงลุกขึ้นทำท่าจะไป
จวินหย่วนโยวรีบตามไปทันที และยังยกเมล็ดฟักทองบนโต๊ะขึ้นมา เพราะนั่นเป็นสิ่งที่หยุนถิงชอบกินที่สุด
องค์ชายสี่ทนไม่ไหวบ่นออกมาว่า “จวินหย่วนโยวนี่ช่างเอาใจใส่ยิ่ง หากข้าเป็นสตรี ก็ต้องแต่งกับเขาแน่”
โม่ฉือหานสีหน้าเย็นชา “ไม่ได้เรื่อง”
“พี่รอง ข้าไม่ได้เรื่องตรงไหนกัน การทำดีกับเมียตนเองเป็นความรู้อย่างหนึ่งนะ ตอนแรกท่านน่ะไม่ดีกับหยุนถิง ถึงได้เสียนางไป!” โม่ฉือชิงเบ้ปากบอก
คำพูดเดียวแทงใจดำโม่ฉือหานเข้าอย่างจัง หย่าร้างกับหยุนถิงเป็นการตัดสินใจที่เสียใจที่สุดในชาตินี้ของโม่ฉือหาน
“พูดมากนัก อยากให้ข้าตัดลิ้นเจ้างั้นรึ!” โม่ฉือหานบอกอย่างเดือดดาล
โม่ฉือชิงตกใจตัวสั่นเทา รีบวิ่งหนีออกไป “พี่รอง ท่านคิดว่าข้าเป็นผายลม ปล่อยข้าไปเถอะ”
ในห้องพัก โม่ฉือหานพึ่งจะนั่งลง กำลังจะอ้าปากถามหยุนถิงว่าต้องเตรียมอะไรหรือไม่ ก็เห็นหยุนถิงดึงเข็มเงินออกจากผม แทงลงจุดชีพจรหลายจุดของเขาทันที
“เจ้าฝังเข็มง่ายดายเยี่ยงนี้เลยรึ?” โม่ฉือหานสงสัย นี่หยุนถิงคงไม่ได้แกล้งตนกระมัง
“ต้องอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อกินเจสวดมนต์ทำพิธีก่อนงั้นรึ?” หยุนถิงย้อนถาม
โม่ฉือหานมุมปากกระตุก “มิต้องขนาดนั้นดอก”
“เจ้านั่งนิ่งๆก็พอแล้ว” หยุนถิงเดินไปด้านหลังเขา และฝังเข็มลงไปอีกหลายที่
โม่ฉือหานสีหน้าแข็งเกร็ง ไม่กล้าพูดมาก เพราะเขารู้สึกได้ยามหยุนถิงฝังเข็มลงไป ร่างกายค่อยๆมีความรู้สึกขึ้นมา
จวินหย่วนโยวนั่งมองอยู่ข้างๆอย่างสงบนิ่งตลอด องค์ชายสี่ก็ไม่กล้าพูดมาก นี่มันเกี่ยวพันถึงความสุขของครึ่งชีวิตที่เหลือของพี่รองเลย และยิ่งเกี่ยวพันไปถึงศักดิ์ศรีลูกผู้ชายของเขาด้วย ห้ามรบกวนเด็ดขาด
“ต้องใช้เวลาอีกนานเท่าใด?” โม่ฉือหานถาม
“ประมาณหนึ่งก้านธูปกระมัง” หยุนถิงตอบ
การสอบเสร็จสิ้นแล้ว ผู้คุมสอบทุกคนเก็บกระดาษข้อสอบกลับมาพักผ่อน หากให้คนเห็นว่าเขานั่งให้หยุนถิงฝังเข็มที่นี่ มิขายขี้หน้ายกใหญ่รึ
แต่โม่ฉือหานไม่กล้าหยุดกลางคัน เขารู้ดีแก่ใจตัวเองว่า กว่าจะให้หยุนถิงออกปากรับคำมันไม่ง่ายเลย หากพลาดโอกาสครั้งนี้ไปคงไม่มีครั้งต่อไปอีกแล้ว
ดังนั้นระหว่างหน้าตากับร่างกาย โม่ฉือหานเลือกอย่างหลัง
ไม่นาน เหล่าผู้คุมสอบก็ถือกระดาษข้อสอบกลับมา พอเห็นหลีอ๋องกับองค์ชายสี่ ยังมีหยุนถิงกับจวินหย่วนโยว ทุกคนพากันคารวะ
มีบุคคลผู้ยิ่งใหญ่เหล่านี้อยู่ ผู้คุมสอบคนอื่นย่อมไม่กล้าเข้ามาพักผ่อนอยู่แล้ว จวบจนปิดโผนึกกระดาษข้อสอบเสร็จแล้วก็รีบส่งเข้าวังหลวงทันที
โม่ฉือหานไม่เคยรู้สึกว่าเวลาผ่านไปช้าขนาดนี้มาก่อน เวลาแค่ชั่วก้านธูปเหมือนผ่านไปหนึ่งปีก็ไม่ปาน
ในที่สุดหยุนถิงเก็บเข็มเงินขึ้น “ได้แล้ว”
“ข้าฟื้นฟูเรียบร้อยจริงแล้วรึ ลองฝังเข็มให้ชัดเจนอีกสักสองสามเข็มดีไหม?” โม่ฉือหานถามอย่างตื่นเต้น
หยุนถิงหน่ายใจ “เจ้ากำลังสงสัยฝีมือการแพทย์ของข้างั้นรึ?”
“ไม่ใช่ ข้าแค่ไม่กล้าที่จะเชื่อ”
“พอตกกลางคืนหาสตรีมาทดสอบดูก็รู้แล้วมิใช่รึ ซื่อจื่อข้าเหนื่อยแล้ว” หยุนถิงเอ่ย
“กลับจวน” จวินหย่วนโยวอุ้มหยุนถิงขึ้นมา หมุนตัวเดินจากไปทันที
โม่ฉือหานไม่สนใจอะไรอย่างอื่นแล้ว พุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว แน่นอนว่ากลับจวนไปลองผลสักหน่อย เขาทนรอกลางคืนไม่ไหวหรอก
พอองค์ชายสี่เห็นอย่างนั้น ก็รีบไล่ตามหลีอ๋องไปทันที เขาเองก็อยากรู้ว่าพี่รองกลับมาองอาจผงาดดังเดิมจริงหรือไม่
บนรถม้า
จวินหย่วนโยวโอบหยุนถิง ให้นางพิงไหล่ตน “เหตุใดต้องฝังเข็มให้โม่ฉือหานด้วย บาดแผลของเจ้าพึ่งจะหายดีเล็กน้อย ท่านลั่วบอกว่าเจ้ายังต้องพักผ่อนนะ”
“ข้าไม่อยากติดค้างน้ำใจเขานี่นา รีบคืนเร็วขึ้นเท่าไหร่ข้าก็มิมีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกับเขาเร็วขึ้นเท่านั้น” หยุนถิงตอบ
จวินหย่วนโยวย่อมเห็นด้วยอยู่แล้ว เพียงแต่ปวดใจแทนหยุนถิง มือใหญ่เรียวยาวของเขายื่นมา “ข้าช่วยเจ้านวดแขนนะ พักผ่อนสักหน่อย”
“ขอบคุณซื่อจื่อ” หยุนถิงพอใจนัก ยื่นแขนไปให้
จวินหย่วนช่วยนางนวดอย่างอ่อนโยน ไม่หนักไม่เบา แรงกำลังพอดี “มีที่ไหนที่อยากไปหรือไม่?”
เขารู้ว่าหลายวันนี้หยุนถิงเอาแต่เบื่อหน่ายอยู่ในจวน ตอนนี้บาดแผลที่ไหล่นางก็ดีขึ้นมากแล้ว จวินหย่วนโยวอยากให้นางผ่อนคลายลงหน่อย
หยุนถิงคิดอย่างจริงจัง “ซื่อจื่อ ข้าอยากปั้นดิน”
“ได้ หลิงเฟิงไปลานผูเถา” จวินหย่วนโยวออกปาก
“ขอรับ” หลิงเฟิงที่อยู่ด้านนอกรถม้ารีบให้คนขับรถเปลี่ยนทิศ
เวลาราวสองก้านธูป รถม้ามาหยุดลงที่โรงอยู่เหยาแห่งหนึ่งนอกเมือง
หยุนถิงตามจวินหย่วนโยวลงรถม้า มองเห็นดินโคลนอยู่เหยาทั้งแถบ และยังมีชาวบ้านมากมายกำลังยุ่งทำงานกันวุ่นวาย หยุนถิงดีใจนัก
“ซื่อจื่อ ท่านรู้จักสถานที่เช่นนี้ด้วยรึ?”
“เมื่อก่อนข้าเคยมา ข้าพาเจ้าเดินดูนะ” จวินหย่วนโยวบอกพลางจูงมือหยุนถิง
“ตกลง”
หลิงเฟิงเดินตามห่างๆ ทำหน้าที่คุ้มครองความปลอดภัยของซื่อจื่อและซื่อจื่อเฟย
ชาวบ้านที่กำลังวุ่นวายทำงานกันพอเห็นจวินซื่อจื่อ ก็รีบคารวะด้วยความนอบน้อม
“ซื่อจื่อเฟยอยากมาลองดูสักหน่อย” จวินหย่วนโยวออกคำสั่ง
“ขอรับ” คนผู้นั้นพาพวกเขาเข้าไปในเพิงด้านในอย่างนอบน้อม
ในนั้นมีถาดหมุนสองถาด มีถังน้ำหลายถัง ยังมีดินโคลน แค่เห็นก็รู้ว่าพึ่งเตรียมเสร็จ
“อยากทำอะไรก็ทำเถอะ” จวินหย่วนโยวบอกอย่างรักใคร่ ช่วยหยุนถิงเก็บแขนเสื้อให้
“ตกลง” หยุนถิงรีบเดินเข้าไปนั่งลงบนเก้าอี้ จากนั้นเริ่มวางดินโคลนลงบนถาดหมุนลงมือปั้น
เพียงแต่เจ้านี่ดูแล้วง่าย แต่เวลาทำจริงๆลำบากหน่อย แค่พริบตาเดียวก็บิดเบี้ยวหมดรูป และยังน่าเกลียดมาก
“ไม่คิดว่าจะมีสิ่งที่เจ้าทำไม่เป็น” จวินหย่วนโยวเย้าเล่น
หยุนถิงยิ้มกระดากอาย “ข้าแค่เห็นซีรี่ส์เล่นแบบนี้ แต่ข้าทำไม่เป็น ไม่เคยเล่นมาก่อน”
“ซีรี่ส์?”
“คือละครที่พวกท่านพูดถึง”
“มิเป็นไร ข้าสอนเจ้าเอง” จวินหย่วนโยวนั่งลงข้างหยุนถิง หยิบมือนางขึ้นมาวาง
ลงบนถาดหมุนด้วยกัน พามือนางให้คุ้นชิน อีกมือก็หมุนถาดหมุนเบาๆ
ทั้งสองคนอยู่ใกล้กันมาก หยุนถิงเห็นจวินหย่วนโยวที่นั่งแนบชิดตน ได้กลิ่นยาอ่อนๆอันแสนคุ้นเคยจากตัวเขา รู้สึกสงบนัก นั่งลงอย่างมีความสุข
ชาวบ้านที่อยู่ห่างไปไม่ไกลเห็นภาพนี้ ต่างอิจฉากันยิ่งนัก
ว่ากันว่าจวินซื่อจื่อและซื่อจื่อเฟยรักใคร่กันยิ่งนัก บัดนี้เห็นพวกเขานั่งทำกระเบื้องด้วยกัน สนิทสนมเป็นธรรมชาติ ท่าทางพูดคุยหยอกล้อ สาดส่องประกายหวานชื่นใส่ตาทุกคนไปตามๆกัน
จากนั้นทุกคนก็เห็นหยุนถิงพลันแปะดินโคลนไปที่แก้มจวินซื่อจื่อ ทุกคนตกใจหนักมาก
ซื่อจื่อเฟยช่างบังอาจจริงๆ กล้าป้ายดินโคลนไปที่หน้าซื่อจื่อ นี่หาเรื่องตายเองเลยนะ
สุดท้ายทุกคนได้เห็นจวินซื่อจื่อไม่เพียงไม่โกรธ ยังเขยิบเข้าใกล้ซื่อจื่อเฟย และใช้หน้าที่เปื้อนโคลนนนั้น แนบชิดแก้มของทั้งสองคนเข้าด้วยกัน แก้มของซื่อจื่อเฟยเลยเปื้อนดินโคลนไปด้วย
ทั้งสองคนเล่นหยอกล้อ หัวเราะไม่หยุด ความหวานชื่นนี่ทำเอาทุกคนหันหลังไปกันหมด
ซื่อจื่อกับซื่อจื่อเฟยหวานกันเกินไปแล้ว พวกเขาไม่มีหน้าจะดูแล้ว