จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 370 จวินหย่วนโยวโดนแย่งเมีย
ฮ่องเต้ตกใจมาก รีบคว้าร่างนางไว้ “ข้าไม่อนุญาตให้เจ้าทำร้ายตนเอง เรื่องนี้ข้าผิดเอง ข้าจะต้องคืนความยุติธรรมให้กับเจ้าแน่”
“ฝ่าบาท หม่อมฉันกลัวว่าจะได้รับใช้พระองค์ในชาติหน้าแล้ว ต่อไปหม่อมฉันจะมีหน้าอยู่ในวังหลังนี้ต่อไปได้อย่างไร” ซ่างกวนหรูน้อยเนื้อต่ำใจนัก ใบหน้างดงามน้ำตาไหลรินยิ่งทำให้คนสงสารมากขึ้น
ฮ่องเต้ปวดใจนัก ถลึงตามองอวี๋เหม่ยเหรินอย่างเดือดดาล “อวี๋เหม่ยเหรินลบหลู่เบื้องสูง ทำให้หรูเฟยโกรธ ปลดตำแหน่งเหม่ยเหริน ลดลงเป็นฉ่ายหนี่ ยึดเงินเดือนหนึ่งปี หากมีครั้งต่อไป ให้ทิ้งเข้าหวังเย็นทันที !อวี๋เฉิงเซี่ยงสั่งสอนลูกสาวไม่ดี ปลดจากตำแหน่งเฉิงเซียงเป็นจงซูลิ่ง ลงโทษยึดเงินเดือนครึ่งปี! ส่วนสนมคนอื่น ลงโทษยึดเงินเดือนครึ่งปี!”
พอคำนี้ออกมา อวี๋เหม่ยเหรินใบหน้าซีดเผือด อึ้งตะลึงไปเลย
“ฝ่าบาท ทรงทำเช่นนี้กับหม่อมฉันได้อย่างไร ท่านพ่อข้าทำงานรับใช้ตรากตรำเพื่อพระองค์นะ?” อวี๋เหม่ยเหรินบอกอย่างไม่ยอมแพ้
“แคว้นเป่ยลี่เป็นแผ่นดินของข้า ไม่ใช่ของพ่อเจ้า หากเจ้าไม่ยอมรับ ข้าจะลดขั้นเขาเป็นนายสนองดีรึไม่?” ฮ่องเต้เด็ดขาดนัก
อวี๋เหม่ยเหรินมีหรือจะกล้าคัดค้านอีก “ฝ่าบาท หม่อมฉันสำนึกผิดแบ้ว ต่อไปหม่อมฉันจะระมัดระวังคำพูดให้มาก ขอฝ่าบาทอย่าลดขั้นตำแหน่งท่านพ่อข้าเลย”
“เจ้าจำคำพูดตนในวันนี้ไว้ให้ดี” ฮ่องเต้แค่นเสียงเย็น พยุงซ่างกวนหรูจากไป
อวี๋เหม่ยเหรินใบหน้าซังกะตาย สนมคนอื่นพากันงงเป็นไก่ตาแตก หลิ่วผินมองตามแผ่นหลังซ่างกวนหรูไป แล้วมีประกายหม่นหมองวาบผ่านในแววตา
ซ่างกวนหรูผู้นี้มีฝีมือจริงๆ แค่ไม่กี่คำก็ทำให้ฝ่าบาทลงโทษอวี๋เหม่ยเหรินและเสนาบดี ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ
ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในอุทยานหลวงนี้ย่อมถูกองครักษ์ลับในที่มืดส่งข่าวไปเข้าหูเป่ยหมิงฉี
สายตาเป่ยหมิงฉีฉายแววเย็นเยียบ “ซ่างกวนหรูผู้นี้เข้าวังไปไม่กี่วันก็ได้รับความโปรดปรานจากเสด็จพ่อถึงเพียงนี้ นับว่ามีฝีมืออยู่บ้าง”
“พระองค์ พวกเราจะยับยั้งดีหรือไม่ หากนางชี้นำให้ฝ่าบาทก่อเรื่องในราชสำนักเล่า?” องครักษ์ข้างๆเอ่ยขึ้น
“เจ้ากลัวนางชี้นำเสด็จพ่อแล้ว ตำแหน่งไท่จื่อของข้าจะโอนย้ายไปให้ผู้อื่นงั้นรึ?” เป่ยหมิงฉีย้อนถาม
องครักษ์มีสีหน้าตึงเครียด “ข้าน้อยล้ำเส้นแล้ว แต่พระองค์”
“ที่เจ้าพูดก็มิใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ เพราะข้ามิใช่พวกเดียวกันกับนาง นางพึ่งเข้าวังก็ได้รับการคุ้ครองจากเสด็จพ่อถึงเพียงนี้ หากต่อไปมีบุตรเป็นของตนเอง ต้องมีความคิดเช่นนี้แน่ แต่นั่นก็ต้องดูว่าข้าจะให้โอกาสนางหรือไม่ก่อน” สายตาเป่ยหมิงฉีฉายแววเหี้ยมโหด
…..
แคว้นต้าเยียน เรือนนอกนอกเมืองหลวง
หยุนถิงหลับมาตลอดทาง รถม้าเลื่อนมาหยุดลงที่เรือนนอกนางยังไม่ตื่นขึ้นมาเลย จวินหย่วนโยวอุ้มนางขึ้นมา และเดินไปทางเรือนนอก
พอเหล่าจางเห็นซื่อจื่อ ก็รีบคารวะ แต่กลับโดนจวินหย่วนโยวส่งสายตาห้ามปราม “ซื่อจื่อเฟยหลับอยู่ อย่าทำให้นางตื่น!”
“ขอรับ” เหล่าจางตอบอย่างนอบน้อม รีบไปจัดเตรียม
ในห้องทุกวันจะมีคนมาทำความสะอาดโดยเฉพาะ ผ้าห่มเองก็ผลัดไปซักและตากแดดแล้ว ทุกคนในเรือนนอกต่างเตรียมพร้อมไว้ตลอดเวลา
จวินหย่วนโยวอุ้มหยุนถิงเข้าไปในห้อง วางนางลงบนเตียง ช่วยห่มผ้าให้นาง แล้วถึงยกมือขึ้นนวดไหล่ที่เมื่อยขบ
เห็นท่าทางหลับสนิทของหยุนถิงแล้ว จวินหย่วนโยวเต็มไปด้วยรอยยิ้มรักใคร่
เขาลุกขึ้นไปข้างนอกสั่งให้เหล่าจางทำอาหารชาวสวนมาหน่อย หลังจากสั่งการตามความชอบของหยุนถิงโดยเฉพาะแล้ว ถึงกลับเข้าห้องอีกครั้ง
เช้านี้ที่จริงจวินหย่วนโยวเองก็ตื่นเช้าเหมือนกัน ระหว่างทางก็โดนหยุนถิงพิงไว้ไม่ได้ขยับเลย ตอนนี้เหนื่อยมากแล้ว จวินหย่วนโยวถอดเสื้อนอกออกลงนอนข้างตัวหยุนถิง และหลับตาลง
นอกเรือน หลิงเฟิงและหลงเอ้อร์ไม่มีอะไรทำ ทั้งสองคนพุ่งไปที่ไร่องุ่นและไร่พืชผลด้านหลังเรือน ไปกินให้หายอยากก่อนดีกว่า
หยุนถิงหลับยาวถึงเที่ยงกว่าจะตื่น เธอพึ่งลืมตาขึ้นก็เห็นเด็กหน้าตาน่ารักน่าชังคนหนึ่งยืนเบิกตากว้างจ้องมองตนอยู่ตรงหน้า
“พี่สาวผู้งดงาม ท่านคือซื่อจื่อเฟยรึ?” เด็กน้อยถามอย่างออดอ้อน
หยุนถิงลุกขึ้นนั่ง มองเขาอย่างสนใจ “เจ้ารู้จักข้ารึ?”
“ข้าได้ยินท่านพ่อบอกว่า ซื่อจื่อแต่งกับซื่อจื่อเฟย บอกว่าซื่อจื่อเฟยงดงามนัก ไว้ข้าโตแล้วก็จะหาเมียที่งดงามเหมือนท่าน” เด็กน้อยบอกอย่างอิจฉา
หยุนถิงตลกมาก “ตัวยังไม่โตเต็มที่เลยนะ ก็คิดจะหาเมียงดงามแล้ว เจ้าชื่ออะไรรึ?”
“ข้าชื่อจางเสี่ยวหู่ ท่านเรียกข้าว่าหู่จื่อก็ได้ ท่านพ่อข้าคือเหล่าจางซึ่งเป็นพ่อบ้านที่นี่”
“หู่จื่อ ชื่อนี้ไม่เลว เรียบง่ายดี” หยุนถิงเย้าหยอก
“แน่นอนอยู่แล้ว ท่านแม่ตั้งให้ข้านะ พี่สาวผู้งดงาม ข้าจะแอบบอกท่านนะ ท่านพ่อดีกับท่านแม่ยิ่งนัก ทุกครั้งที่พืชผลและองุ่นที่ท่านพ่อปลูกสุกงอม คนแรกที่ได้กินคือท่านแม่ข้า ท่านแม่ข้าบอกว่าหวานมากเลย
แต่มีครั้งหนึ่งข้าชิมแตงไทยที่ท่านพ่อเด็ดมาหนึ่งคำ ไอ้หยา ไม่หวานเลยสักนิด ขมอีกต่างหาก ท่านว่าท่านแม่ข้าโง่หรือไม่ กลับบอกว่าหวาน” เสี่ยวหู่จื่อทำหน้าเบ้ใส่
หยุนถิงหัวเราะเบาๆ “เพราะว่าท่านแม่เจ้ารักท่านพ่อเจ้า ดังนั้นท่านพ่อเจ้าให้อะไรนาง นางก็ว่าดีหมด”
“เช่นนั้นซื่อจื่อเคยให้ท่านกินแตงที่ขมรึ?” เสี่ยวหู่จื่อถามอย่างสงสัย
“ฮะฮะ ซื่อจื่อข้าไม่เคยให้ข้ากินของขมๆหรอก เขาลิ้มรสแล้วรู้สึกว่าอร่อยถึงให้ข้ากิน”หยุนถิงตอบ
“ซื่อจื่อลิ้มรสแล้วรู้สึกว่าอร่อยถึงให้ท่านกิน มิเท่ากับให้ท่านกินน้ำลายเขารึ พี่สาวผู้งดงาม ถ้าอย่างไรท่านแต่งกับข้าเถอะ ข้ารับรองว่าจะเด็ดแตงไทยที่หวานที่สุดให้ท่านกิน” เสี่ยวหู่จื่อถามอย่างยินดี
พอพูดจบ จวินหย่วนโยวเข้ามาจากด้านนอก คว้าท้ายทอยเด็กน้อยหิ้วขึ้นมา “เจ้าเด็กนี่ ยังไม่โตเต็มที่ก็คิดจะแย่งฮูหยินข้า บังอาจมากนะ”
“ช่วยด้วย ซื่อจื่อข้าผิดไปแล้ว ต่อไปข้าไม่กล้าอีกแล้ว!” เสี่ยวหู่จื่อรีบขอร้องทันที
“ดูท่าเหล่าจางจะตามใจเจ้ามากเกินไปแล้ว วันนี้ข้าจะสั่งสอนเจ้าแทนพ่อเจ้าเอง!” จวินหย่วนโยวแกล้งทำหน้าตึง หิ้วเสี่ยวหู่จื่อจะเดินไปข้างนอก
หยุนถิงรีบเอ่ยขึ้น “ซื่อจื่อ ท่านอย่าทำให้เสี่ยวหู่จื่อตกใจสิ เขาแค่ล้อเล่นกับข้าเท่านั้นเอง”
“พี่สาวผู้งดงามช่วยข้า ช่วยข้าด้วย ข้าจะโดนซื่อจื่อสับเป็นแปดชิ้น ห้าม้าแยกร่างแล้ว พี่สาวช่วยข้าด้วย!” เสี่ยวหู่จื่อแหกปากร้องโหยหวน ร้องไห้โฮออกมา
อายุแค่สี่ห้าขวบพอร้องไห้ออกมา หยุนถิงทั้งเห็นใจและสงสาร
“จวินหย่วนโยว ปล่อยเสี่ยวหู่จื่อเดี๋ยวนี้นะ!” หยุนถิงแค่นเสียงเย็น
จวินหย่วนโยวที่กำลังจะเดินไปข้างนอกหยุดฝีเท้าลงทันที หันหน้ากลับมามองหยุนถิง “เจ้าหนูนี่กล้าแย่งฮูหยินต่อหน้าข้า ข้าจะปล่อยเขาไปได้อย่างไรกัน!”
“พี่สาวผู้งดงาม ท่านช่างงดงามนัก ต้องมีจิตใจเมตตาแน่ ต่อไปข้าไม่กล้าล้อเล่นอีกแล้ว” เสี่ยวหู่จื่อรีบอ้อนวอนทันที
“ซื่อจื่อ ก็แค่เด็กคนหนึ่งเท่านั้น เขายังไม่รู้เรื่องพวกนี้ดอก แค่พูดไปอย่างนั้นเอง” หยุนถิงเดินเข้ามา จับมือที่หิ้วเสี่ยวหู่จื่อของจวินหย่วนโยวออก
เสี่ยวหู่จื่อที่ได้รับอิสระรีบผลุดหลบหลังหยุนถิง “พี่สาวผู้งดงาม ท่านเป็นผู้มีพระคุณของข้ายิ่งนัก ไว้ข้าโตแล้วจะเป็นวัวเป็นควายตอบแทนท่านนะ”
เสี่ยวหู่จื่อมองออกว่า ซื่อจื่อที่โหดเหี้ยมกระหายเลือดมาตลอดกลัวพี่สาวผู้งดงามมากเพียงนี้ เขาต้องเกาะพี่สาวผู้งดงามให้แน่นเชียว