จอมนางข้ามภิภพ – บทที่ 385 จวินหย่วนโยวกับหยุนถิงอาบน้ำร่วมกัน

จอมนางข้ามภิภพ

จอมนางข้ามพิภพ บทที่385 จวินหย่วนโยวกับหยุนถิงอาบน้ำร่วมกัน

หยุนถิงยื่นแขนออกไปกอดจวินหย่วนโยว โดยไม่พูดอะไร เป็นการปลอบโยนที่ไร้เสียง

เมื่อรู้สึกถึงอ้อมกอด และอุณหภูมิร่างกายของนาง จวินหย่วนโยวจึงค่อยได้สติกลับมาเล็กน้อย และยื่นแขนออกไปกอดหยุนถิง

หลังจากนั้นไม่นาน องครักษ์สองคนก็พาคนสองคนเข้ามา “คำนับซื่อจื่อ คำนับซื่อจื่อเฟย!”

“ลุกขึ้นเถอะ” จวินหย่วนโยวสั่ง

“ขอรับ”

หยุนถิงพาคนเข้ามา จวินหย่วนโยวก็ไปยุ่งเรื่องของตัวเอง ระยะทางในการไปแคว้นเป่ยลี่นั้นยาวไกล ออกไปครั้งนี้อาจต้องใช้เวลาหนึ่งหรือสองเดือนถึงจะได้กลับมา ดังนั้นเขาก็ต้องมอบงานไว้ให้อย่างชัดเจน

ในห้อง หยุนถิงแปลงโฉมของทั้งสองคนทันที นี่ยังเป็นเพราะก่อนหน้านี้นางพบว่าลูกน้องของซื่อจื่อนั้นมีสองคนที่รูปร่างและลักษณะเหมือนซื่อจื่อและนางมาก ดังนั้นหยุนถิงจึงให้สองคนนี้ฝึกและเลียนแบบในทุกๆวัน

เผื่อสักวันหนึ่งหยุนถิงและจวินหย่วนโยวออกไปข้างนอกแล้ว ก็มีสองคนนี้อยู่พอดี ก็จะไม่ทำให้เกิดความสงสัย

หลังจากนั้นไม่นาน คนตรงหน้าสองคนนี้ก็กลายร่างเป็นหยุนถิงกับจวินหย่วนโยวแล้ว หยุนถิงพอใจมาก และแปลงโฉมตัวเองเป็นบ่าวรับใช้ชายแล้วเดินออกไป

จวินหย่วนโยวได้กำชับกับพ่อบ้านและองครักษ์ในจวนซื่อจื่อแล้ว ข้าวของหลิงเฟิงก็เก็บเสร็จแล้ว

“ซื่อจื่อ ข้าช่วยท่านแปลงโฉมเถอะ” หยุนถิงกล่าว

“อืม”

เมื่อจวินหย่วนโยวออกมาจากห้องอีกครั้ง เขากลายเป็นรูปลักษณ์ของรั่วจิ่งแล้ว ใบหน้านั้นเหมือนกันทุกประการ

ที่ประตูหลังของจวนซื่อจื่อ มีรถม้าคันหนึ่งรออยู่ที่นั่น หยุนถิงและจวินหย่วนโยวขึ้นไปในรถม้า มีคนขับรถม้าเพียงคนเดียวเท่านั้น จากนั้นก็ตรงไปที่ทิศทางของประตูเมือง

หลิงเฟิงไม่ได้ติดตามไปด้วย แต่ออกจากเมืองผ่านช่องทางอื่นของจวนซื่อจื่อพร้อมกับองครักษ์เงามังกร เช่นนี้ก็จะไม่ทำให้คนอื่นเกิดความสงสัย

ทันทีที่รถม้าออกจากเมือง ก็เห็นซูหลินที่รออยู่นอกประตูมานานแล้ว

“เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้เยี่ยงไร?” หยุนถิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย

“คุณหนูใหญ่ ข้ามารอที่นี่โดยเจตนาเฉพาะ ข้าให้เยว่เอ๋อร์ดูแลซีหลิ่ว ทางการเดินทางนี้ท่านกับซื่อจื่อเดินทางไกลเกินไป ไม่มีใครอยู่ค่อยดูแลข้างๆข้าไม่ไว้ใจ ได้โปรดคุณหนูใหญ่ให้ข้าติดตามไปด้วย” ซูหลินขอร้อง

หยุนถิงรู้สึกสะเทือนใจมาก “อืม งั้นก็ตามไปเถอะ”

ซูหลินรีบวิ่งมาทันที นั่งลงที่อีกด้านของคนขับรถม้า และรถม้าก็ขับไปข้างหน้าต่อ

เพราะเรื่องมันสำคัญ ดังนั้นทุกคนจึงไม่ได้พักผ่อนเลย เร่งรีบในการเดินทางตลอดทั้งคืน โชคดีที่หยุนถิงเก็บสะสมอาหารและอุปกรณ์ไว้ในมิติมากมาย

ดังนั้นเมื่อทุกคนพบโรงเตี๊ยมหรือหมู่บ้านหรือเมือง ก็พักผ่อนและรับประทานอาหารที่โรงเตี๊ยม หากอยู่ในระหว่างทาง ก็กินของที่หยุนถิงเอามา และกางกระโจมนอนในจุดนั้นเลย

สิบวันผ่านไปในชั่วพริบตา อีกหน่อยก็กำลังจะถึงชายแดนของแคว้นเป่ยลี่แล้ว วันนี้จวินหย่วนโยวและคนอื่น ๆ บังเอิญผ่านเมืองหนึ่งพอดี

“ซื่อจื่อคืนนี้พวกข้าพักผ่อนที่นี่ดีหรือไม่?” หยุนถิงเสนอแนะ

“อืม”

หลิงเฟิงและหลงเอ้อก็รีบไปสืบว่าในเมืองตรงไหนมีโรงเตี๊ยม ในไม่ช้าก็กลับมา โดยบอกว่าด้านหน้านั้นก็คือโรงเตี๊ยมที่ใหญ่สุดในเมือง นั่นก็คือโรงเตี๊ยมสี่ฝู

รถม้าเร่งไป หยุนถิงและคนอื่นๆ ลงจากรถม้าแล้วเดินเข้าไป

การตกแต่งก็ไม่เลว ไม่ถือว่าดีที่สุด แต่ก็ยังถือว่าดี ผู้จัดการร้านให้การต้อนรับอย่างเป็นการเองและดีมาก หยุนถิงและคนอื่นๆ ขอห้องชั้นบนสองสามห้อง และให้เสี่ยวเอ้อเอาน้ำอาบขึ้นไปให้ พวกเขาก็ไปพักแล้ว

หลังจากนั้นไม่นาน เสี่ยวเอ้อก็เข้ามาพร้อมถังน้ำร้อนใบใหญ่แล้ววางลงจากนั้นก็ถอนตัวออกไป

หยุนถิงถอดเสื้อผ้าออกอย่างรวดเร็ว ลงไปแช่ตัวในน้ำร้อน สบายยิ่งนัก

บางทีอาจเป็นเพราะเหนื่อยเกินไป หรืออาจเป็นเพราะสบายเกินไป สักพักหยุนถิงก็ผล็อยหลับไป

แต่ยามสะลึมสะลือ หยุนถิงเหมือนได้ยินเสียงบางอย่าง

นางยังไม่ทันลืมตา ทันใดนั้นก็มีเหมือนสัตว์ใหญ่มหึมาบางอย่างเข้ามาในอ่างอาบน้ำ ทำให้หยุนถิงกลัวจนสั่นสะท้าน และมือก็ไปจับที่ระหว่างผม

“ข้าเอง ข้าอาบเป็นเพื่อนเจ้า”

หยุนถิงตื่นขึ้นทันทีเมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคยนี้ แก้มแดงเล็กน้อย “ซื่อจื่อ หากท่านอยากอาบ สามารถให้คนหามถังเข้ามาให้ได้ เช่นนี้อัดยิ่งนัก”

“เจ้าบอกเองไม่ใช่หรือว่าอย่าสิ้นเปลือง สองคนกำลังพอดีเลย” เสียงที่ทุ้มของจวินหย่วนโยวดังมา

ตอนนี้ฟ้ามืดแล้ว ในห้องขนาดใหญ่มีเพียงเทียนเล่มเดียวที่สว่างไสว แสงเทียนสลัว ๆ เล็กน้อย แต่ก็ยิ่งดูคลุมเครือมากยิ่งขึ้น

หยุนถิงกำลังจะหันไปโดยจิตใต้สำนึก แต่อ่างที่แต่เดิมก็ไม่ได้ใหญ่อยู่แล้วนั้น ทันทีที่นางขยับ ก็แตะโดนร่างกายของจวินหย่วนโยวพอดี

“น้องนางรีบร้อนมากเยี่ยงนี้เลยหรือ ข้าจะให้เจ้าเต็มอกเต็มใจเดี๋ยวนี้เลยดีหรือไม่?” เสียงของจวินหย่วนโยวแหบเล็กน้อย

ตลอดทางมัวแต่เร่งรีบที่จะเดินทาง แม้ว่าจะนอนในกระโจมเดียวกัน แต่จวินหย่วนโยวก็ไม่ได้อันนั้นกับหยุนถิง เขาแค่อยากจับซ่างกวนเจิ้นและเป่ยจิ่วฉิงให้ได้โดยเร็ว เพื่อล้างแค้นให้พ่อแม่

เมื่อครู่จวินหย่วนโยวให้หลงยีติดต่อกับสายสืบในแคว้นเป่ยลี่ และวางแผนไปสักพักแล้วจึงค่อยกลับมา

แต่ทันทีที่กลับมาก็เห็นหยุนถิงที่อยู่ในอ่างอาบน้ำพอดี นางหลับตาไว้ แก้มแดงดึงดูดใจคน อ่อนโยน ไหล่และคอก็โผล่อยู่บนน้ำ ผิวที่ขาวของนางชมพูเล็กน้อย เพียงแค่มองแวบเดียวจวินหย่วนโยวก็รู้สึกว่าช่องท้องส่วนล่างนั้นแน่นขึ้นในทันที และการหายใจก็หนักขึ้น

เขาไม่ได้อยู่กับหยุนถิงมาหลายปี จู่ ๆก็เห็นนางในสภาพเช่นนี้ จวินหย่วนโยวก็ทนได้สักทีไหนกัน ถอดเสื้อผ้าออกอย่างรวดเร็วแล้วกระโดดลงไปในอ่างอาบน้ำเลย

เมื่อหยุนถิงได้ยินคำพูดของจวินหย่วนโยว หน้าก็ยิ่งแดงไปถึงคอเลย “ซื่อจื่ออย่าเลย ที่นี่คือโรงเตี๊ยม”

“ก็เพราะเป็นโรงเตี๊ยมนั่นแหละ เวลาทำขึ้นมาถึงจะสบาย หากอยู่ในกระโจม มักรู้สึกว่าอึดอัดคับข้องใจเจ้าไปหน่อย น้องนางเช่นนี้ข้ายังไม่เคยลองเลย” เสียงทุ้มของจวินหย่วนโยว ดังมาจากหูด้วยกามารมณ์อันแรงกล้า

ลำพังแค่เสียง ก็เพียงพอที่จะทำให้หูตั้งท้องได้แล้ว

หยุนถิงไม่มีเวลาแม้แต่จะโต้แย้ง ก็ถูกมืออันใหญ่ของจวินหย่วนโยวดึงอ้อมกอด ก้มหัวลงและจูบริมฝีปากบางของนาง

ในน้ำที่อุ่น ทั้งสองคนก็เปลือยเปล่า โอบกอดและจูบกัน หยุนถิงเหมือนดั่งเรือลำเล็กที่ล่องลอยอยู่ในทะเล ปล่อยให้พายุฝนที่กระหน่ำลงมาอย่างรุนแรงกะทันหันบ้าคลั่งและรุนแรงตามใจชอบ

น้ำในอ่างอาบน้ำ ไหลออกมาเป็นระยะพร้อมกับแรงสั่นสะเทือนที่รุนแรง เปียกไปทั่วพื้นห้อง

คนสองคนที่อยู่ข้างในกลับไม่ได้ตระหนักถึง เพียงแค่ทำตามใจ และต้องการมากกว่านี้

…………

แคว้นเป่ยลี่

ข่าวที่ทหารของซวนอ๋องมายังในเมืองแล้วนั้น ซ่างกวนหรูเองก็ได้ยินแล้วเช่นกัน นางกลัวแทบตาย คิดไม่ถึงว่าแคว้นต้าเยียนจะมีการเคลื่อนไหวเร็วขนาดนี้ แถยังส่งซวนอ๋องมา

ซ่างกวนหรูเรียกซ่างกวนเจิ้นเข้าพบทันที “ท่านพ่อ พวกข้าควรทำอย่างไร ซวนอ๋องเป็นเทพแห่งสงครามที่สยบแว่นแคว้นทั้งสี่ เป่ยจิ่วฉิงคงไม่ต้องการทำสงครามกับซวนอ๋องอย่างแน่นอน หากส่งตัวพวกข้าสองพ่อลูกออกไปจริงๆ ควรทำอย่างไรดี หรือว่าพวกข้าหนีไปเถอะ?”

สีหน้าของซ่างกวนเจิ้นสงบและไม่เห็นความตื่นตระหนก “อย่ากลัว เป่ยจิ่วฉิงมีจุดอ่อนอยู่ในมือของข้า เขาจะไม่ส่งตัวพวกข้าออกไปอย่างง่ายดายแน่นอน แต่ยังไงอีกฝ่ายก็คือซวนอ๋อง หากเขาให้แรงกดดันแก่แคว้นเป่ยลี่มากเกินไปจริงๆ เกรงว่าเป่ยจิ่วฉิงเองก็คงรับมือไม่ค่อยได้ ดังนั้นข้ายังมีแผนการอีกอย่าง”

ซ่างกวนหรูมองดูขวดสีขาวที่พ่อของตัวเองหยิบออกมา และถามโดยไม่รู้ตัวว่า “ท่านพ่อ นี่คือสิ่งใด?”

“หนอนกู่ หนอนกู่อายุร้อยปี หรือที่เรียกว่าหนอนกู่แม่ลูก นี่เป็นสิ่งที่ข้าฝากคนอื่นซื้อมาในราคาสูง เจ้าทันหนอนกู่ตัวแม่ลงไป และหาวิธีให้เป่ยจิ่วฉิงทันหนอนกู่ตัวลูกลงไป เช่นนี้เขาก็จะสามารถถูกเจ้าควบคุมได้ตลอดชีวิตแล้ว”

หากเขาถูกเจ้าควบคุม ก็เช่นเดียวกันกับทั้งแคว้นเป่ยลี่ถูกกำไว้ในมือของเจ้า ถึงตอนนั้นอย่าว่าแต่ซวนอ๋องเลย แม้แต่ทั้งแคว้นต้าเยียนก็ไม่อยู่ในสายตาของพวกข้า หรือว่าเจ้าไม่อยากหาหยุนถิงแก้แค้นแล้วหรือ! ”

จอมนางข้ามภิภพ

จอมนางข้ามภิภพ

Status: Ongoing
นางเป็นบุตรีเอกแห่งจวนเฉิงเสี้ยง เป็นยัยอัปลักษณ์ไร้ค่าผู้ฉาวโฉ่ กลับมีรักแรกพบกับหลีอ๋อง คะยั้นคะยอจะอภิเษกสมรสกับหลีอ๋องอย่างไม่กลัวสิ่งใด ณคืนวันอภิเษกถูกหลีอ๋องทำอัปยศอดสูจนตายพอลืมตาขึ้นดันทะลุมิติมาอีกภพหนึ่งกลายเป็นศาสตราจารย์หมอพิษสมัยใหม่ควบสองบัณฑิต คนที่เคยรังแกนาง มันต้องเอาคืนเป็นร้อยเท่าพันเท่า นาง…จัดการกับพวกสันดานชั่วอย่างออกนอกหน้า หาเงินอย่างถ่อมตน มัสมบัติระรวยใต้หล้า เพื่อหลุดพ้นจากหลีอ๋อง เลยแต่งในฐานะนางสนมของซื่อจื่อ กลับคิดไม่ถึงว่าจะไปกระตุกหนวดเสือให้เข้าแล้ว เขาเป็นซื่อจื่อผู้ป่วยเสาะแสะ สุขุมอ่อนโยน เย็นชาเจ้าเล่ห์ ร่างมีพิษที่จะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน หยุนถิงเป็นคนช่วยเขาแก้พิษ ทำให้เขากลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง เขาสาบานว่า จะอยู่กินกับนางแต่เพียงผู้เดียว หลังแต่งงาน นางนวดเอวที่ปวดอยู่ เตะเขาลงจากเตียง:“รับจดหมายรักจากหญิงอื่น ยังกล้ามานอนกับหม่อมฉันอีกรึ?” เขารีบอธิบาย:“น้องนาง ข้าผิดไปแล้ว ใครกล้ามาแย่งข้าไปจากเจ้า ข้าจะตัดขานางให้รู้แล้วรู้รอด” นางยักคิ้วหลิ่วตา:ก็ท่านนี่แหละที่เป็นต้นเหตุ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท