จอมนางข้ามภิภพ – บทที่ 390 ไอ้ลูกเนรคุณกล้าฆ่านางสนมของข้าทิ้ง

จอมนางข้ามภิภพ

จอมนางข้ามพิภพ บทที่390 ไอ้ลูกเนรคุณกล้าฆ่านางสนมของข้าทิ้ง

จวินหย่วนโยวอุ้มหยุนถิงเข้าไปในห้อง วางนางลงบนเตียง ห่มผ้านวมให้จากนั้นจึงค่อยลุกขึ้นจากไป

ที่ด้านนอกลาน หน่วยกล้าตายนับร้อยคนมารวมตัวกันหมดแล้ว รอเพียงแต่คำสั่งของซื่อจื่อ

“ตอนนี้สถานการณ์ในแคว้นเป่ยลี่เป็นอย่างไร?” จวินหย่วนโยวถามด้วยเสียงเย็นชา

“คนของซวนอ๋องประจำการอยู่นอกเมืองมาโดยตลอด เมื่อไม่กี่วันก่อนพักฟื้นมาโดยตลอด คนในเมืองมักจะเอาอาหารมาให้พวกเขากินในตอนกลางดึก หลังการตรวจสอบแล้ว คนเหล่านั้นคือกองทัพขนหงส์

เมื่อคืนซวนอ๋องเข้าพระราชวังไป หลังจากที่เขาจากไป ทหารที่ประจำการอยู่นอกเมืองก็ได้ทำการลอบโจมตี แต่พวกเขาแปลกมาก ไม่ได้แอบโจมตีจริงๆ แต่กลับทำหุ่นฟางจำนวนมาก

พวกเขาตีฆ้องและกลอง ตะโกนเสียงดัง และทหารที่ยิ่งธนูในเมืองของแคว้นเป่ยลี่ก็ยิงธนูมาอย่างบ้าคลั่ง จากนั้นกองทัพของซวนอ๋องก็ถอยออกแล้ว! “ผู้ใต้บังคับบัญชาคนหนึ่งรายงาน

รูม่านตาที่ดำทืบของจวินหย่วนโยวหรี่ลงเล็กน้อย โม่เหลิ่งเหยียนไปทำอะไรในพระราชวัง ส่งคนไปแอบโจมตี แต่ก็ไม่ได้โจมตีจริงๆ คงมีแผนการร้ายบางอย่างสินะ

“ส่งคนไปจับตามองพระราชวังของแคว้นเป่ยลี่ให้ดี โดยเฉพาะเป่ยจิ่วฉิง ซ่างกวนเจิ้น และซ่างกวนหรู หากพวกเขามีการเคลื่อนไหวใดๆ ก็รีบมารายงานให้ข้าทันที ส่วนคนอื่นๆ ยังไม่ต้องทำอะไรรอคำสั่งของข้าก่อน” จวินหย่วนโยวสั่ง

“ขอครับ” ทุกคนแยกย้ายกันไปทันที

ในลานขนาดใหญ่ เหลือเพียงจวินหย่วนโยว เขาเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้ายามค่ำคืนบนหัว นัยน์ตาที่มืดทึบเฉียบคมและชั่วร้าย ครั้งนี้เขาจะฆ่าศัตรูที่ฆ่าพ่อแม่ด้วยมือของเขาเองอย่างแน่นอน

…………….

พระราชวังแคว้นเป่ยลี่

ทหารที่ปกป้องเมืองถูกลอบโจมตีอย่างกะทันหัน ก็รีบเป่าเขาสัญญาณทันที และส่งคนไปรายงานที่พระราชวัง

แต่คิดไม่ถึงว่า กงกงเข้าไปรายงาน แต่กลับถูกเป่ยจิ่วฉิงด่าออกมา

เดิมทีเขาก็ทำไปเกือบทั้งคืนแล้ว หากเป็นปกติก็ควรพักผ่อนนอนหลับแล้ว แต่ไม่รู้เพราะเหตุใด เป่ยจิ่วฉิงในคืนนี้นั้นมีสนใจเป็นอย่างมาก แถมร่างกายก็เหมือนไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ทำเอาอยู่เรื่อยๆ

ซ่างกวนหรูที่อยู่ด้านล่างถูกเขาทำจนเหนื่อยเป็นลมไปนานแล้ว แต่เป่ยจิ่วฉิงก็ยังไม่หายอยาก เขาจึงให้กงกงที่ค่อยรอรับใช้อยู่นอกประตูนั้นไปเรียกนางสนมมาอีกสองสามคน และออกกำลังกายด้วยกัน

อารมณ์กำลังสูง และทันใดนั้นก็ได้ยินกงกงบอกว่าถูกลอบโจมตีอะไร เป่ยจิ่วฉิงในขณะนี้สติถูกครอบงำโดยความหลงใหลในร่างกายไปนานแล้ว เขาเพียงต้องการมากกว่านี้ ระบายตามใจมากขึ้น จึงไม่สามารถสนใจสิ่งอื่นได้อยู่แล้ว

กงกงที่ถูกด่าก็ตัวสั่นด้วยความตกใจ แน่นอนว่าเขาเองก็รู้ว่าฝ่าบาทไม่ต้องการให้ถูกรบกวนในเวลานี้ ดังนั้น จึงบอกให้องครักษ์คนนั้นถอยไป

องครักษ์ถอนไป จักรพรรดิทำต่อ กงกงก็ไม่กล้าพูดมาก ราวกับว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในเมื่อกี้เหมือนไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

วังหลังขนาดใหญ่นั้นเต็มไปด้วยเสียงครวญครางที่มีที่สิ้นสุด แต่ทหารที่ปกป้องเมืองต่างอกสั่นขวัญแขวน และต่อสู้อย่างสุดกำลัง

โชคดีที่ทหารของซวนอ๋องยอมแพ้หลังจากโจมตีไปไม่นาน มิฉะนั้นการป้องกันชายแดนของแคว้นเป่ยลี่ทั้งหมดอาจสูญเสียไปก็ได้

ในเช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้น เรื่องที่เมื่อคืนฝ่าบาททรงร่วมรักกับนางสนมที่วังหลัง โดยไม่สนถึงความปลอดภัยของแคว้นเป่ยลี่นั้นถูกแพร่กระจายไปทั่วทุกที่ สร้างความโกลาหลยิ่งนัก

สามัญชนต่างวิพากษ์วิจารณ์กันใหญ่ แม้จะไม่ได้วิพากษ์วิจารณ์อย่างเปิดเผย แต่ต่างก็มีความแค้นเคืองต่อฝ่าบาทกันยิ่งนัก

เหล่าขุนนางชั้นสูงได้ยินเรื่องนี้ ต่างก็โกรธยิ่งนัก พวกเขาต่างก็รู้ว่าฝ่าบาทลามก แต่คิดไม่ถึงว่าเมื่อคืนชายแดนของแคว้นเป่ยลี่ถูกลอบโจมตี เขากลับไม่ไม่แยแสใดๆ นี่เอาแคว้นเป่ยลี่ไว้ในตำแหน่งใดกันแน่

และที่ยิ่งไปว่านั้นคือ การประชุมเช้าในวันนี้ก็ถูกยกเลิกไป ตามข่าวลือฝ่าบาทยังคงโปรดปรานซ่างกวนหรูอยู่ เหล่าขุนนางแม่ทัพและประชาชนทั้งหลายต่างก็ไม่กล้าวิพากษ์วิจารณ์ฝ่าบาท แต่กลับเกลียดซ่างกวนหรูเข้าไส้ โดยบอกว่านางเป็นนางมารที่ลำนำล่มแคว้น

เป่ยหมิงฉี่ยังไม่ได้กลับวังก็ได้ยินเรื่องนี้แล้ว จึงรีบส่งคนไปตรวจสอบทันที ตัวเองก็ไปที่พระราชวังของแคว้นเป่ยลี่

แต่ยังไม่ทันได้เข้าประตู ก็ได้ยินเสียงครวญครางดังมาจากห้องนอน ทำเอาเป่ยหมิงฉี่โกรธจนถีบประตูออก

เสียงที่ดัง รบกวนถึงคนในห้อง นางสนมมองดูผู้ที่บุกเข้ามา ต่างก็กรีดร้องด้วยความตกใจ

สีหน้าของเป่ยจิ่วฉิงมืดครึ้มและโกรธมาก “ไอ้ลูกเนรคุณ เจ้าบุกเข้ามาทำไม?”

“ข้ามาที่นี่เพื่อถามเสด็จพ่อว่า ต้องรอให้แคว้นเป่ยลี่ทำลายจนหมดสิ้นก่อน ท่านถึงจะยอมลุกขึ้นจากตัวนางสนมเหล่านี้!” เป่ยหมิงฉี่ตะโกนด้วยความโกรธ

เป่ยจิ่วฉิงแข็งทื่อ “ในฐานะไท่จื่อ เจ้าจะสาปแช่งแคว้นเป่ยลี่เช่นนี้ได้เยี่ยงไร ไอ้ลูกสารเลว ปกติข้าตามใจเจ้ามาเกินไปแล้วใช่หรือไม่!”

สีหน้าของเป่ยหมิงฉี่เคร่งขรึมและเย็นชา จ้องมองนางสนมเหล่านั้นด้วยความโกรธ “ยังไม่ไปให้พ้นอีก!”

“หุบปาก พวกนางเป็นนางสนมของข้า เจ้าไม่มีสิทธิ์มากล่าวหาพวกนาง!” เป่ยจิ่วฉิงกล่าวอย่างโกรธจัด

ดวงตาของเป่ยหมิงฉี่ฉายความดุร้าย เดินตรงไปหยิบแจกันขนาดใหญ่ที่วางอยู่ข้างๆ แล้วตีไปที่ศีรษะของนางสนมคนหนึ่ง

“ป้าง!” แจกันทุบหัวนางสนมคนนั้นแตก เลือดไหลอาบหน้า นางสนมเสียชีวิตในทันที มีเลือดหยดหนึ่งกระเด็นไปใส่ที่หน้าของเป่ยจิ่วฉิง

นางสนมคนอื่นๆ ล้วนหวาดกลัวกันไปหมด ไท่จื่อขึ้นชื่อเรื่องความโหดเหี้ยม ทำเอานางสนมตกใจกลัวจนรีบหยิบเสื้อผ้าบนพื้นสวมไว้บนตัวแล้ววิ่งออกไป กลัวว่าตัวเองจะเป็นคนที่ถูกทุบตายเป็นรายต่อไป

เป่ยจิ่วฉิงยิ่งโกรธจัด “ให้ตายเถอะ ไอ้ลูกเนรคุณกล้าฆ่าโจวผินต่อหน้าข้า!”

“คนที่จะฆ่าก็คือนาง เมื่อคืนซวนอ๋องมาลอบโจมตี แต่พวกนางกลับสะกดจิตให้เสด็จพ่อเป็นเช่นนี้ จะทำให้เสด็จพ่อต้องทนรับคำด่าว่าที่ทำให้แคว้นเป่ยลี่ถูกทำลายหรือ!” เป่ยหมิงฉี่ตะคอกอย่างเย็นชา

เป่ยจิ่วฉิงตกตะลึงในทันที “เมื่อกี้เจ้าพูดอะไรนะ ซวนอ๋องแอบโจมตี เมื่อไหร่กัน ทำไมข้าไม่รู้?”

กงกงที่เฝ้าอยู่ประตูรีบเข้ามาและทำความเคารพ “ฝ่าบาท เมื่อคืนตอนสามยาม ทหารที่ปกป้องเมืองมารายงานแล้ว ตอนนั้นท่านด่าว่าเขาให้ถอยไป!”

จู่ๆเป่ยจิ่วฉิงก็ตบหน้าตัวเองในทันที รู้สึกเขินอายยิ่งนัก “เมื่อคืนข้าได้ด่าว่าใครด้วยหรือ ทำไมข้าจำไม่ได้?”

“เสด็จพ่อท่านทำไปทั้งคืน หนึ่งวันแล้ว จนเกือบจะมืดแล้ว จะไปจำได้หรือ” เป่ยหมิงฉี่พูดแฉโพย

“อะไรนะ หนึ่งคืนกับหนึ่งวัน เป็นไปได้อย่างไร ข้านึกว่าตอนนี้พึ่งตอนเช้าเอง”

“เสด็จพ่อค่อยระมัดระวังเองด้วยเถอะ หากแคว้นเป่ยลี่ถูกทำลายในมือของท่าน ถึงตอนนั้นท่านก็จะไม่มีหน้าไปเผชิญหน้าบรรพบุรุษแล้ว!” เป่ยหมิงฉี่ทิ้งประโยคนี้ไว้ แล้วหันหลังจากไป

เป่ยจิ่วฉิงโกรธแทบตาย แต่ก็ไม่มีคำที่จะหักล้าง รีบสั่งให้คนไปที่เรียกผู้ที่ปกป้องเมืองมาสอบถามเกี่ยวกับสถานการณ์ในเมื่อคืนนี้

แต่ทันทีที่เขาลุกจากเตียง ก็เห็นจดหมายฉบับหนึ่งที่อยู่ข้างเตียง เปิดดูเนื้อหาด้านในก็ตกตะลึง

“เด็กๆ เมื่อคืนมีใครเข้ามาในห้องนอนของข้าหรือเปล่า?” เป่ยจิ่วฉิงรีบถาม

“ฝ่าบาท เมื่อคืนบ่าวเฝ้าอยู่ประตูมาโดยตลอด ไม่มีใครเข้ามาเลยพ่ะย่ะค่ะ” กงกงตอบ

มือของเป่ยจิ่วฉิงที่จับจดหมายนั้นสั่นอย่างรุนแรง และเหงื่อเย็นไหลออกมาจากหลัง เมื่อคืนซวนอ๋องสามารถเข้ามาในห้องนอนของตัวเองได้โดยไม่มีใครสังเกตเห็น หากเขาต้องการฆ่าตัวจริง ๆ ตอนนี้เขากลายเป็นศพไปแล้ว

เป่ยจิ่วฉิงชำเลืองมองดูซ่างกวนหรูที่ยังนอนหลับอยู่บนเตียง นัยน์ตาอันมืดสนิทฉายเล่ห์เหลี่ยม ก่อนหน้านี้ยังสัญญากับซ่างกวนหรูว่าจะไม่ส่งนางออกไป แต่ตอนนี้เขาคงต้องผิดคำมั่นสัญญาแล้ว

ทางนี่ ตอนหยุนถิงตื่นขึ้นมาเป็นคืนที่สองแล้วที่ ลืมตาขึ้นมองดูห้องไม่คุ้นเคย หยุนถิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย

จวินหย่วนโยวเดินเข้ามา “ตื่นแล้วก็ลุกขึ้นมากินอะไรสักหน่อยเถอะ เจ้านอนไปทั้งวันแล้ว”

“ซื่อจื่อที่นี่คือที่ใด?”

“ลานบ้านในเมืองหลวงของแคว้นเป่ยลี่” จวินหย่วนโยวตอบ เดินมาแล้วช่วยนางใส่เสื้ออย่างชำนาญ

หยุนถิงตามมา หลังแต่งตัวเสร็จทั้งสองก็ไปที่ห้องโถงด้านข้าง หยุนถิงกินอะไรไปหน่อย

“ถิงเอ๋อร์ มียาพิษที่กินแล้วทำให้ผู้คนเจ็บปวดทรมานมากหรือไม่ ยาพิษที่ตายทั้งเป็น?” จวินหย่วนโยวถาม

จอมนางข้ามภิภพ

จอมนางข้ามภิภพ

Status: Ongoing
นางเป็นบุตรีเอกแห่งจวนเฉิงเสี้ยง เป็นยัยอัปลักษณ์ไร้ค่าผู้ฉาวโฉ่ กลับมีรักแรกพบกับหลีอ๋อง คะยั้นคะยอจะอภิเษกสมรสกับหลีอ๋องอย่างไม่กลัวสิ่งใด ณคืนวันอภิเษกถูกหลีอ๋องทำอัปยศอดสูจนตายพอลืมตาขึ้นดันทะลุมิติมาอีกภพหนึ่งกลายเป็นศาสตราจารย์หมอพิษสมัยใหม่ควบสองบัณฑิต คนที่เคยรังแกนาง มันต้องเอาคืนเป็นร้อยเท่าพันเท่า นาง…จัดการกับพวกสันดานชั่วอย่างออกนอกหน้า หาเงินอย่างถ่อมตน มัสมบัติระรวยใต้หล้า เพื่อหลุดพ้นจากหลีอ๋อง เลยแต่งในฐานะนางสนมของซื่อจื่อ กลับคิดไม่ถึงว่าจะไปกระตุกหนวดเสือให้เข้าแล้ว เขาเป็นซื่อจื่อผู้ป่วยเสาะแสะ สุขุมอ่อนโยน เย็นชาเจ้าเล่ห์ ร่างมีพิษที่จะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน หยุนถิงเป็นคนช่วยเขาแก้พิษ ทำให้เขากลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง เขาสาบานว่า จะอยู่กินกับนางแต่เพียงผู้เดียว หลังแต่งงาน นางนวดเอวที่ปวดอยู่ เตะเขาลงจากเตียง:“รับจดหมายรักจากหญิงอื่น ยังกล้ามานอนกับหม่อมฉันอีกรึ?” เขารีบอธิบาย:“น้องนาง ข้าผิดไปแล้ว ใครกล้ามาแย่งข้าไปจากเจ้า ข้าจะตัดขานางให้รู้แล้วรู้รอด” นางยักคิ้วหลิ่วตา:ก็ท่านนี่แหละที่เป็นต้นเหตุ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท