จอมนางข้ามภิภพ – บทที่ 399 ผู้หญิงของข้าไม่จำเป็นต้องทำเรื่องพวกนี้

จอมนางข้ามภิภพ

จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 399 ผู้หญิงของข้าไม่จำเป็นต้องทำเรื่องพวกนี้

หยุนถิงที่อยู่ไม่ไกลออกไปเหลือบมองมาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “บาดเจ็บขนาดนั้นแล้ว หากมีกับดักจริงๆเช่นนั้นแผนทรมานร่างกายนี่ก็มากเกินไปหน่อยแล้ว” ขณะที่พูดก็เดินเข้าไปด้วย

หลงเอ้อและคนอื่นๆตามเข้าไปทันที ทุกคนมองไปทางเด็กที่อยู่บนพื้นด้วยความระมัดระวัง หากเขามีกับดักจริงๆ กระบี่ยาวในมือของหลงเอ้อจะไม่ลังเลเด็ดขาด

แต่แล้วเมื่อหยุนถิงเข้าไปตรวจดู ถึงได้พบว่าเด็กคนนั้นบาดเจ็บสาหัสมาก สัญญาณชีวิตอ่อนมาก บนร่างกายมีบาดแผลมากมาย เต็มไปด้วยเลือด รอยเลือดบางแห่งแห้งไปแล้วด้วยซ้ำ น่าสังเวชยิ่งนัก

“ใครมันทำร้ายเด็กคนหนึ่งจนบาดเจ็บสาหัสเช่นนี้ได้?” หยุนถิงขมวดคิ้ว ช่วยรักษาบาดแผลให้เด็กทันที

หลงเอ้อมองแล้วยิ่งเห็นอกเห็นใจมากขึ้น พวกเขาองครักษ์เงามังกรฆ่าคนมาแล้วนับไม่ถ้วน กลับไม่เคยลงมือกับคนแก่และเด็กที่ไม่มีกำลังความสามารถเลย

“ถ้าอย่างไรข้าน้อยไปตรวจดูก่อนดีกว่า” หลงเอ้อกล่าว

“ยังไม่ต้อง เด็กคนนี้บาดเจ็บสาหัสขนาดนี้แสดงให้เห็นว่าอีกฝ่ายมีเจตนาฆ่า โชคดีที่ยังมีลมหายใจเฮือกหนึ่ง และก็โชคดีที่เจอข้า หากเปลี่ยนเป็นคนอื่นเกรงว่าคงจะช่วยเอาไว้ไม่ได้แล้ว”

ขณะที่หยุนถิงพูดไป ก็หยิบสารอาหารเหลวออกมาจากมิติให้เด็กดื่ม และก็หยิบยาเม็ดออกมาสองสามเม็ดยัดเข้าไปในปากของเขา ช่วยจัดการกับบาดแผลบนร่างกายของเขา

ทางด้านนี้ หลิงเฟิงล่าไก่ป่ามาได้ห้าตัว จัดการทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว ก็ห่อด้วยใบบัว จวินหย่วนโยวก่อไฟด้วยตัวเอง ยังไม่ทันที่ไก่อบจะอบเสร็จ ก็เห็นหยุนถิงและคนอื่นๆกลับมา หลงเอ้อยังอุ้มเด็กที่ร่างกายเต็มไปด้วยเลือดมาอีกคน

“เกิดอะไรขึ้น?” จวินหย่วนโยวรีบเข้ามาดูทันที

“เราเข้าไปเก็บสมุนไพรพบกับเด็กที่ได้รับบาดเจ็บคนหนึ่ง ก็เลยพาเขากลับมาด้วย” หยุนถิงอธิบาย

นัยน์ตาของจวินหย่วนโยวมืดครึ้ม เหลือบไปมองเด็กที่ใบหน้าเต็มไปด้วยเลือดคนนั้นครู่หนึ่ง “หลงเอ้อ หาคนมาดูแลเขาก็พอ เจ้ารับผิดชอบความปลอดภัยของซื่อจื่อเฟย”

“ขอรับ” หลงเอ้อรีบวางเด็กลงทันที

หลงหวู่เดินเข้ามาช่วยดูแล ขณะที่หยุนถิงเดินไปทางจวินหย่วนโยว

“ซื่อจื่อ หอมจังเลย กลิ่นนี้แค่ดมก็รู้แล้วว่ารสชาติไม่เลวเลย” หยุนถิงกล่าวด้วยความยินดี

“อีกเดี๋ยวอบเสร็จแล้วเจ้าลองชิมดู”

“ตกลง” หยุนถิงกล่าวพร้อมกับหยิบกิ่งไม้ไปเพิ่มฟืน

“ข้าทำเอง เจ้าไปนั่งดูเถอะ” จวินหย่วนโยวยื่นมือเข้ามา รับกิ่งไม้ไปจากมือของนาง

“ซื่อจื่อ ท่านช่างเอาใจใส่จริงๆ” หยุนถิงพึงพอใจอย่างยิ่ง

“ผู้หญิงของข้า ไม่จำเป็นต้องทำเรื่องพวกนี้ รอกินก็พอ”

หลงเอ้อและองครักษ์เงามังกรคนอื่นๆที่อยู่ด้านข้างถูกสาดความหวานใส่ทันที ทุกคนพากันหันหลังไปอย่างรวดเร็ว เดินไปเฝ้ารักษาการณ์ในระยะห่างที่ไม่ใกล้ไม่ไกล

“ซื่อจื่อ ข้าร้องเพลงให้ท่านฟังแล้วกัน” หยุนถิงเสนอแนะ

“ตกลง”

จากนั้นหยุนถิงก็ลุกขึ้นมา เริ่มร้องเพลง “ลูกไก่ลูกไก่ ไก่ๆๆ________”

นางร้องเพลงพร้อมกับเต้นไปด้วย ท่าเต้นนั้นอย่าให้พูดเลยว่าดูตลกแค่ไหน จวินหย่วนโยวหัวเราะออกมาเบาๆ

หยุนถิงที่ตลกขบขันอย่างบ้าบิ่นเช่นนี้ คิ้วและตาของจวินหย่วนโยวเต็มไปด้วยการตามใจ นางไม่ได้มารยาสาไถยและวางท่าเหมือนผู้หญิงคนอื่นๆ ทำตามหัวใจและความคิดของตัวเองมาโดยตลอด นี่ถึงจะเป็นหยุนถิงที่เขาชอบ

หลงเอ้อและคนอื่นได้ยินเสียง พากันสงสัยใคร่รู้กันขึ้นมา หันกลับมามองอย่างระมัดระวัง แต่แล้วก็เห็นท่าเต้นที่ตลกขบขันของซื่อจื่อเฟยของตัวเอง ทุกคนพากันตะลึงงันกันไปกันหมด

นี่ยังเป็นซื่อจื่อเฟยที่เย็นชาสูงส่ง ทรงพลังน่าเกรงขาม เกลียดชังความชั่ว คิดอุบายวางแผนการรบอีกหรือ นี่มันแตกต่างจากภาพลักษณ์ที่สูงส่งในใจของทุกคนมากเกินไปแล้ว

“พวกเจ้าว่าซื่อจื่อของเราสายตามีปัญหาใช่ไหม ท่าเต้นเด็กๆแบบนี้เขากลับยิ้มอย่างกับคนโง่?” หลงเอ้อกล่าวด้วยความสงสัย

“ซื่อจื่อ หลงเอ้อว่าท่านคือคนโง่!” หลงซื่อตะโกนเสียงดังทันที

ใบหน้าของจวินหย่วนโยวเย็นยะเยือกราวกับน้ำค้างที่หนาวเหน็บทันที นัยน์ตาดำที่เฉือนคมจ้องมองมาด้วยความโกรธ

“คนทรยศ เจ้าถึงกับหักหลังข้า น่าชิงชังนัก!” หลงเอ้อด่าหลงซื่อ เมื่อเห็นสีหน้าที่มืดมนของซื่อจื่อ ก็ยอมแพ้ทันที

“ซื่อจื่อ นั่นเป็นเพราะข้าน้อยตื่นเต้นเกินไป หาได้ยากที่จะได้เห็นซื่อจื่อดีใจขนาดนี้ แต่แล้วปากไม่มีหูรูดก็พูดออกไป ข้าน้อยขอรับโทษด้วยตัวเอง!”

ขณะที่หลงเอ้อพูดไป ก็กระโดดตัวไปบนต้นไม้ และแขวนตัวเองกลับหัวกลับหางบนกิ่งไม้โดยตรง

“ซื่อจื่อ หลงเอ้อก็เป็นคนตรงไปตรงมาคนหนึ่ง หาได้ยากที่ท่านจะดีใจขนาดนี้ อย่าลงโทษอีกเลย” หยุนถิงเอ่ยปาก

“จำเป็นต้องลงโทษ ทั่วทั้งใต้หล้าแห่งนี้คนที่สามารถว่าข้าได้ มีเพียงเจ้าเท่านั้น หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น เวลานี้ลิ้นของเขาคงจะถูกข้าสั่งให้คนตัดลงมาแล้ว!” จวินหย่วนโยวกล่าวด้วยสีหน้าดำมืด

หลงเอ้อคนนี้ นึกว่าติดตามซื่อจื่อเฟยระยะหนึ่งแล้วก็ไม่มีขื่อมีแป หากยังไม่จัดการอีก ต่อไปคนอื่นๆเลียนแบบเช่นนั้นซื่อจื่ออย่างเขายังมีความน่าเกรงขามอะไรอีก

“ซื่อจื่อเฟยท่านไม่ต้องสนใจข้า ข้าไม่เป็นไร นี่ข้าก็กำลังฝึกกังฟูเช่นกัน ในอดีตการลงโทษของซื่อจื่อลำบากมากกว่านี้มาก นี่ไม่ถือเป็นอะไรเลย” หลงเอ้อเอ่ยปากทันที

“ใช่แล้วซื่อจื่อเฟย หลงเอ้อชอบแขวนนั่นแหละ ท่านก็ปล่อยให้เขาแขวนไปเถอะ” หลงซื่อกล่าว

“เจ้าไม่พูดไม่มีใครว่าเจ้าเป็นใบ้หรอก” หลงเอ้อกลอกตามองเขาครู่หนึ่ง ในใจด่าหลงซื่อแทบตาย

หยุนถิงมองไปทางจวินหย่วนโยว ทันใดนั้นก็มีความคิดขึ้นมาทันที “ซื่อจื่อ ท่านมาเต้นกับข้าเถอะ”

มุมปากของจวินหย่วนโยวกระตุกขึ้นมาทันที “ข้ามองดูก็พอแล้ว”

เขาเป็นถึงซื่อจื่อแห่งแคว้น ถึงกับเต้นท่าเด็กๆเช่นนี้ นี่หากถูกคนรู้แล้ว ยังจะไม่ถูกหัวเราะเยาะจนฟันร่วงหรือ

“ซื่อจื่อ ข้าก็แค่อยากจะให้ท่านเต้นกับข้า หากท่านปฏิเสธข้าจะโกรธแล้วนะ” หยุนถิงจงใจกล่าวด้วยใบหน้าบึ้งตึง

จวินหย่วนโยวเห็นนางโกรธจริงๆแล้ว ก็รีบลุกขึ้นและเดินเข้ามาทันที “หากเจ้าอยากดู กลับไปข้าจะเต้นให้เจ้าดู”

“ไม่ได้ ตรงนี้นี่แหละ!”

“ต้องเต้นจริงหรือ?” จวินหย่วนโยวถาม

“จริงยิ่งกว่าทองจริงเสียอีก!”

สีหน้าของจวินหย่วนโยวกระอักกระอ่วนสุดขีด “ดีร้ายอย่างไรข้าก็เป็นซื่อจื่อคนหนึ่ง เจ้าจะไว้หน้าข้าหน่อยไม่ได้หรือ?”

“ซื่อจื่อ ชีวิตคนเราอยู่บนโลกนี้ มีความสุขก็พอแล้ว ปกติท่านมีความกดดันมากเกินไปแล้ว ทำไมต้องสนใจกฎเกณฑ์อะไรมากมายขนาดนั้นด้วย มีความสุขอยากทำอะไรก็ทำ ไม่ต้องไปสนใจสิ่งอื่น” ขณะที่หยุนถิงกล่าวไป ก็จูงมือของจวินหย่วนโยวเอาไว้

“มา ข้าสอนท่าน”

จวินหย่วนโยวมองดูใบหน้างดงามยิ้มแย้มของนาง ราวกับเด็กน้อยคนหนึ่ง อดที่จะทอดถอนใจไม่ได้

ใช่แล้ว ชีวิตคนเราอยู่บนโลกใบนี้ ทำไมจะต้องไปสนใจชื่อเสียงจอมปลอมไร้ประโยชน์พวกนั้นด้วย ต่อไปไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไร แต่จะต้องรักษาช่วงเวลานี้เอาไว้

คิดถึงตรงนี้ จวินหย่วนโยวก็ปล่อยวางสิ่งที่เรียกว่าหน้าตานั่นลง เต้น หัวเราะและสนุกสนานไปพร้อมหยุนถิง

องครักษ์เงามังกรที่อยู่ไม่ไกลออกไปเห็นภาพฉากนี้ ก็พากันหัวเราะกันขึ้นมา แต่ติดอยู่ที่ความน่าเกรงขามของซื่อจื่อ แล้วก็การเชือดไก่ให้ลิงดูของหลงเอ้อ พวกเขาอยากจะหัวเราะแต่ก็ไม่กล้า อย่าให้พูดเลยว่ายากเย็นแค่ไหน

“ยังไม่เข้ามาเต้นด้วยกันอีก!” จวินหย่วนโยวกล่าวออกมาอย่างเย็นชา

เจ้าพวกนี้ถึงกับชมความครึกครื้นกันขึ้นมาอีก น่าชิงชังนัก

ทันทีที่คำพูดนี้ออกมา ทุกคนมีความคิดอยากจะบ้าตายแล้ว แต่คำสั่งของซื่อจื่อก็ไม่กล้าไม่มา ดังนั้นสุดท้ายหยุนถิงพาจวินหย่วนโยว องครักษ์เงามังกรสิบกว่านายยืนอยู่ข้างหลัง ล้วนพากันเต้นลูกไก่ ทั้งตลกและน่าขำจริงๆ

หยุนถิงมีความสุขและพึงพอใจอย่างยิ่ง เมื่อรักคนคนหนึ่งก็ต้องบ้าคลั่ง ต้องก่อเรื่องวุ่นวายไปพร้อมกับนาง ซื่อจื่อคร่ำครึอยู่เหนือมวลชน คนที่สูงศักดิ์เช่นนี้ถึงกับยินดีเต้นท่าเด็กๆเช่นนี้กับตัวเอง นี่ต้องใช้ความกล้ามากขนาดไหน

หยุนถิงจูงมือของจวินหย่วนโยวเอาไว้ ทั้งสองคนเต้นรำกัน หัวเราะ และพูดคุยกันอยู่เช่นนี้ ทั้งสองคนมองหน้ากัน มองเห็นตัวเองในดวงตาของอีกฝ่าย

จอมนางข้ามภิภพ

จอมนางข้ามภิภพ

Status: Ongoing
นางเป็นบุตรีเอกแห่งจวนเฉิงเสี้ยง เป็นยัยอัปลักษณ์ไร้ค่าผู้ฉาวโฉ่ กลับมีรักแรกพบกับหลีอ๋อง คะยั้นคะยอจะอภิเษกสมรสกับหลีอ๋องอย่างไม่กลัวสิ่งใด ณคืนวันอภิเษกถูกหลีอ๋องทำอัปยศอดสูจนตายพอลืมตาขึ้นดันทะลุมิติมาอีกภพหนึ่งกลายเป็นศาสตราจารย์หมอพิษสมัยใหม่ควบสองบัณฑิต คนที่เคยรังแกนาง มันต้องเอาคืนเป็นร้อยเท่าพันเท่า นาง…จัดการกับพวกสันดานชั่วอย่างออกนอกหน้า หาเงินอย่างถ่อมตน มัสมบัติระรวยใต้หล้า เพื่อหลุดพ้นจากหลีอ๋อง เลยแต่งในฐานะนางสนมของซื่อจื่อ กลับคิดไม่ถึงว่าจะไปกระตุกหนวดเสือให้เข้าแล้ว เขาเป็นซื่อจื่อผู้ป่วยเสาะแสะ สุขุมอ่อนโยน เย็นชาเจ้าเล่ห์ ร่างมีพิษที่จะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน หยุนถิงเป็นคนช่วยเขาแก้พิษ ทำให้เขากลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง เขาสาบานว่า จะอยู่กินกับนางแต่เพียงผู้เดียว หลังแต่งงาน นางนวดเอวที่ปวดอยู่ เตะเขาลงจากเตียง:“รับจดหมายรักจากหญิงอื่น ยังกล้ามานอนกับหม่อมฉันอีกรึ?” เขารีบอธิบาย:“น้องนาง ข้าผิดไปแล้ว ใครกล้ามาแย่งข้าไปจากเจ้า ข้าจะตัดขานางให้รู้แล้วรู้รอด” นางยักคิ้วหลิ่วตา:ก็ท่านนี่แหละที่เป็นต้นเหตุ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท