จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 407 ทำไมข้ารู้สึกว่าเจ้ากับหยุนถิงมีความสัมพันธ์กันล่ะ
“ฝ่าบาททรงปราดเปรื่องยิ่งนัก!” หลิ่วเฟยเอ่ยปาก ดวงตาคู่สวยมีความพึงพอใจเล็กน้อยแว๊บผ่านไป
ก่อนหน้านี้นางยังสงสัยอยู่ว่าโม่หลานกับหยุนถิงมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน เหตุใดหยุนถิงเป็นตัวแทนขอร้องให้กับซูชิงโยวและฉินจิ้งอี๋ แต่กลับไม่ได้ขอร้องให้โม่หลานเพียงคนเดียว ตอนนี้เข้าใจแล้ว
โม่หลานก็คือนังหนูที่อยู่ไม่สุขคนหนึ่ง ฝ่าบาทยังไม่สามารถทนนางได้ ย่อมไม่ต้องการความช่วยเหลือของหยุนถิงอยู่แล้ว
ดวงตาของฮ่องเต้ลึกล้ำ ทำท่าเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ หากโม่หลานชนะศึกในครั้งนี้จริงๆย่อมต้องตอบแทนเป็นอย่างดีอยู่แล้ว หวังว่านางจะไม่ทำให้ตัวเองผิดหวัง
ทางด้านนี้ หลังจากที่โม่หลานออกจากวังก็ไปที่บ้านตระกูลซูโดยตรง ทันทีที่เห็นซูชิงโยวก็ด่าว่าอย่างสาดเสียเทเสีย
“ซูชิงโยวเจ้าคนไร้มโนธรรม เจ้าไม่อยากเข้าวังไปขอความช่วยเหลือหยุนถิงทำไมไม่เรียกข้าด้วย ทำให้ข้าเข้าวังก็ถูกฝ่าบาททำโทษ ข้าจะตัดขาดความสัมพันธ์กับเจ้า!”
สีหน้าของซูชิงโยวกระอักกระอ่วน ตอนนั้นนางรีบร้อนจะแย่ เอาตัวยังไม่รอดไหนเลยจะยังมีเวลาสนใจโม่หลานอีก
“ข้านึกว่าเจ้าบอกหยุนถิงเองแล้ว”
“ข้าจะคิดมากขนาดนั้นได้อย่างไร เจ้านั่นแหละเจ้าเล่ห์” โม่หลานกล่าวด้วยสีหน้าบูดบึ้ง
“เอาล่ะ ครั้งนี้เป็นความผิดของข้าเอง ข้าสัญญาว่าต่อไปมีเรื่องอะไรก็จะคิดถึงเจ้าด้วย” ซูชิงโยวเกลี้ยกล่อม
“ค่อยยังชั่วหน่อย หากมีครั้งหน้าอีก คอยดูว่าข้าจะซ้อมเจ้าจนตายไหม!”
“เจ้าเข้าวังไปแล้ว ออกมาได้อย่างไร?” ซูชิงโยวงุนงง
เอ่ยถึงเรื่องนี้ โม่หลานก็เต็มไปด้วยความน้อยใจ “อย่าให้พูดเลย วันแรกที่ข้าเข้าวังก็ทะเลาะกับซูหวี่เยียน ข้าซ้อมนางจนหน้าบวมฟกช้ำ อาหารของพระราชวังรสชาติแย่สุดๆ ข้ากินไม่อิ่มด้วยซ้ำ ดังนั้นก็เลยไปแอบกินที่ห้องพระเครื่องต้นในตอนกลางคืนแต่แล้วก็ถูกจับได้คาหนังคาเขา
ยังถูกมามาคนหนึ่งตบหน้าอีก ข้าก็เลยซ้อมนางชนิดที่ว่าพ่อแม่ยังไม่รู้จัก จากนั้นฝ่าบาทก็ลงโทษให้ข้าไปทำความสะอาดสนามฝึก
ข้าประลองกับพวกทหารพวกนั้น จากนั้นก็ชนะเดิมพันได้เงินมาเล็กน้อย แต่กลับถูกคนกล่าวหาว่าข้าเล่นการพนันในพระราชวัง จากนั้นฝ่าบาทก็ลงโทษให้ข้าไปทำความสะอาดอีกครั้ง
คิดว่าข้าง่ายนักหรือ ไม่ง่ายกว่าจะได้ยินมาว่าแคว้นเป่ยลี่เกิดความวุ่นวายภายใน ข้าก็เลยอาสาออกรบด้วยตัวเอง ทันทีที่ฝ่าบาทได้ยินก็รับปากข้าทันที และแต่งตั้งให้ข้าเป็นรองแม่ทัพ”
ได้ยินดังนั้นมุมปากของซูชิงโยวกระตุกขึ้นมาทันที “เข้าวังวันแรกก็ทะเลาะกับคนอื่น แถมยังแอบกิน ซ่องสุมการพนัน เจ้านี่มันมีความสามารถจริงๆ คาดว่าวันหน้าเจ้าคงกลายเป็นตำนานของวังหลังไปแล้ว”
“พอเลยเหอะ เจ้าก็รู้ว่าข้าไม่ต้องการอยู่ในสถานที่ที่คับแคบนั่น กลายเป็นผู้หญิงขี้บ่นทุกวัน ต่อสู้ในสนามรบต่างหากคือเป้าหมายในชีวิตของข้า ข้ามาเพื่อบอกลาเจ้านี่แหละ” โม่หลานบ่น
ซูชิงโยวกับโม่หลานอายุไล่เลี่ยกัน เติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก ย่อมรู้นิสัยของโม่หลานอยู่แล้ว “ยินดีกับเจ้าด้วย แต่ว่าในสนามรบอาวุธไม่มีตา เจ้าต้องระวังตัวด้วย”
ขณะที่กล่าวไป ซูชิงโยวก็หยิบถุงยาที่หยุนถิงให้นางเอาไว้ก่อนหน้านี้ออกมา “นี่ก็เป็นสิ่งที่หยุนถิงมอบให้ข้าก่อนหน้านี้ ตอนนี้ข้าให้เจ้า”
โม่หลานไม่พอใจขึ้นมาทันที “ทำไมข้าถึงรู้สึกว่าเจ้ากับหยุนถิงมีความสัมพันธ์กันล่ะ นางมอบของให้เจ้าแต่ไม่ให้ข้า หรือว่าข้าไม่น่าคบ?”
“นี่คือครั้งก่อนตอนเทศกาลดอกท้อ ข้าถูกคุณชายจ้าวลวนลาม บังเอิญหยุนถิงผ่านมาช่วยข้าสั่งสอนเขาพอดี จากนั้นก็เลยมอบให้ข้า บอกว่าให้ข้าใช้ป้องกันตัว” ซูชิงโยวอธิบาย
“อะไรนะ คุณชายจ้าวถึงกับลวนลามเจ้า ทำไมเจ้าถึงไม่บอกข้า เจ้าคนที่ใช้ดาบพันเล่มฟันก็ไม่หายแค้นนี่ ข้าจะไปซ้อมให้ช่วงล่างเขาพิการเดี๋ยวนี้ ต่อไปให้เขาไม่สามารถแตะต้องผู้หญิงได้อีก” โม่หลานกล่าวด้วยความโกรธ
“พอเถอะ มันผ่านไปแล้ว หยุนถิงช่วยสั่งสอนเขาแทนข้าแล้ว” ซูชิงโยวกล่าวปลอบโยน
“หยุนถิงสั่งสอนเขาแล้วต้องโหดเหี้ยมกว่าข้าแน่ อันนี้เจ้าเก็บเอาไว้ป้องกันตัวเถอะ ข้ามีวรยุทธไม่จำเป็นต้องใช้” โม่หลานกล่าวกับซูชิงโยวอีกสองสามคำ ถึงได้จากไป
นางไม่ได้กลับไป แต่มุ่งหน้าไปที่จวนซื่อจื่อ
ยังไม่ทันที่นางจะเอ่ยปาก หยุนถิงที่อยู่ในลานก็ยื่นกล่องเข้ามาหนึ่งใบ “มอบให้เจ้า ไว้ใช้ในสนามรบ”
เมื่อโม่หลานเปิดออกดู ข้างในล้วนเต็มไปด้วยยา เหมือนกับของซูชิงโยว รู้สึกมีความสุขอย่างมาก “ถือว่าเจ้ายังมีมโนธรรม เช่นนั้นข้าก็จะรับเอาไว้”
“เจ้าในฐานะที่เป็นรองแม่ทัพ ช่วยข้าฝึกฝนคนสองคนได้พอดี” หยุนถิงเรียกตัวเสี่ยวอันจื่อกับหยุนเสี่ยวลิ่วเข้ามา
ระยะนี้ทั้งสองคนศึกษาตำราพิชัยสงคราม ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ ความรู้ทางเภสัชวิทยาต่างๆในจวนซื่อจื่อ ถึงเวลาควรต้องฝึกฝนแล้ว
โม่หลานเห็นว่าเป็นเด็กสองคน รู้สึกหมดคำพูดทันที “หยุนถิงเจ้าไม่ได้เป็นไข้ใช่ไหม ที่ที่ข้าไปคือสนามรบนะ เจ้ากลับให้ข้าพาเด็กสองคนไปด้วย ถ้าหากเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขาข้าไม่มีสนใจหรอกนะ!”
“พวกเราไม่ต้องการให้เจ้าสนใจ ไม่แน่ว่าถึงเวลานั้นเจ้าอาจต้องการความช่วยเหลือจากเราด้วยซ้ำ” เสี่ยวอันจื่อกล่าวอย่างหยิ่งทะนง
“เจ้าเด็กบ้าอวดดีไม่เบาเลยนะ ในเมื่อพวกเจ้าไม่กลัวตาย เช่นนั้นข้าก็จะพาพวกเจ้าไปด้วย แต่บอกเอาไว้ก่อนเลยนะถ้าหากพวกเจ้าสองคนแขนขาดขาด้วนหรือถูกฆ่าตาย ข้าไม่รับผิดชอบหรอกนะ” โม่หลานแขวะ
“ตกลง”
……………..
แคว้นเป่ยลี่
สีหน้าของโม่เหลิ่งเหยียนเคร่งขรึมเย็นชา กำลังนั่งดื่มชาในค่ายทหาร
“ซวนอ๋องเตี้ยนเซี่ย เราจับกุมคนที่ออกนอกเมืองไปส่งจดหมายและซื้ออาหารอีกกลุ่มแล้ว” รองแม่ทัพเข้ามารายงาน
นี่เป็นคนสิบกว่ากลุ่มแล้ว ไม่ว่าอีกฝ่ายจะออกไปโดยตรง หรือว่าปลอมตัวเป็นชายชราหรือไม่ก็ขอทาน ขอเพียงเป็นคนที่จะออกจากเมืองล้วนถูกคนของโม่เหลิ่งเหยียนจับกุมตัวเอาไว้ทั้งหมด
“ฆ่าคนและโยนไปที่ลานประหารของเมืองหลวงแห่งแคว้นเป่ยลี่!” โม่เหลิ่งเหยียนกล่าวอย่างเย็นชา
“ขอรับ!” ผู้ใต้บังคับบัญชาไปดำเนินการทันที
นี่คือสิ่งที่โม่เหลิ่งเหยียนกับจวินหย่วนโยวนัดหมายกันเอาไว้แล้ว คนหนึ่งสร้างความโกลาหลวุ่นวายในเมือง อีกคนควบคุมคนที่ออกมาส่งข่าวข้างนอก เช่นนี้แคว้นเป่ยลี่ก็จะตกที่นั่งลำบากไม่มีใครให้ควมช่วยเหลือแล้ว
เวลาไม่ถึงหนึ่งก้านธูป ลานประหารของเมืองหลวงแห่งแคว้นเป่ยลี่ก็มีศพกองรวมกันหลายสิบศพ เรื่องนี้ย่อมไปถึงสายตาของเป่ยหมิงฉี่อยู่แล้ว
สีหน้าของเป่ยหมิงฉี่ดำมืดเคร่งเครียด ไปที่ลานประหารด้วยตัวเอง ยืนยันแล้วว่าคนที่ถูกสังหารพวกนั้นคือคนที่ตัวเองส่งออกไป เดือดเป็นฟืนเป็นไฟในทันที ระดมพลมุ่งหน้าไปที่ลานของจวินหย่วนโยวเดี๋ยวนั้นเลย
จวินหย่วนโยวที่อยู่ในลานกำลังเล่นหมากรุกกับหยุนถิง เวลานี้หยุนถิงเพิ่งจะวางเบี้ยตัวหนึ่งลงไป
“ถิงเอ๋อร์ เจ้าแพ้แล้ว!”
“อะไรนะ ข้าแพ้อีกแล้วหรือ ซื่อจื่อข้าแพ้ท่านสิบกว่าเกมแล้ว ท่านจะออมมือให้ข้าหน่อยไม่ได้หรือ?” หยุนถิงเบะปาก
ในยุคปัจจุบันนางผ่านด่านหมากรุกห้าเม็ด แต่แล้วเมื่อพบกับซื่อจื่อก็ใช้การไม่ได้แล้ว
“ตกลง หาได้ยากที่จะมีสิ่งที่เจ้าทำไม่เป็น ได้ อนุญาตให้เจ้าหวนกลับเดินหมากใหม่” จวินหย่วนโยวกล่าวอย่างตามใจ
“ฮ่าๆ สิ่งนี้สามารถมีได้ ขอบคุณซื่อจื่อมาก” หยุนถิงหยิบหมากขึ้นมาและเปลี่ยนตำแหน่งวาง
องครักษ์เข้ามารายงาน “ซื่อจื่อ ซื่อจื่อเฟย ไท่จื่อเป่ยหมิงพากองทหารหลวงโอบล้อมทั่วทั้งลานแล้ว ขอซื่อจื่อโปรดให้ความกระจ่างด้วย!”
หยุนถิงเห็นจวินหย่วนโยวไม่ทันได้สังเกต รีบเปลี่ยนหมากสีดำสองสามเม็ดของจวินหย่วนโยวเป็นสีขาวทันที
ถึงแม้นางจะระวังอย่างยิ่ง แต่ก็ยังถูกจวินหย่วนโยวจับได้ มุมปากเกี่ยวเป็นมุมโค้งเล็กน้อย แต่กลับไม่ได้พูดอะไร แสร้งทำเป็นไม่เห็น
หลิงเฟิงที่อยู่ด้านข้างเห็นอย่างชัดเจน คิดไม่ถึงว่าซื่อจื่อเฟยผู้คิดอุบายวางแผนการรบ เก่งกาจมีความสามารถจะโกงเป็นด้วย นี่มันช่างล้มล้างภาพลักษณ์ของนางที่อยู่ในใจของตัวเองจริงๆ
“จวินหย่วนโยวแน่จริงเจ้าก็ออกมา เจ้ามีความแค้นอะไรก็มาหาข้านี่ ซ่อนตัวอยู่ข้างในไม่พบคนหมายความว่าอย่างไร เจ้าไสหัวออกมา!” นอกประตู เป่ยหมิงฉี่รอไม่ไหวก่นด่าอย่างสาดเสียเทเสียแล้ว
มือที่กำเบี้ยหมากของจวินหย่วนโยว นิ้วกระดูกซีดขาว เบี้ยหมากสีดำเม็ดหนึ่งกลายเป็นผุยผง ไหลลงมาตามปลายนิ้วของเขา และล่องลอยไปกับสายลม
“ในเมื่อเขาเดือดดาลขนาดนี้ เช่นนั้นก็เติมเชื้อไฟให้เขาอีก!” จวินหย่วนโยวกล่าวอย่างเย็นชา