จอมนางข้ามภิภพ – บทที่ 409 ซื่อจื่อ จุ๊บทีหนึ่ง

จอมนางข้ามภิภพ

จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 409 ซื่อจื่อ จุ๊บทีหนึ่ง

จวินหย่วนโยวมองดูท่าทางเห็นแก่เงินของนาง ยังรู้สึกขบขันไปด้วย

“ซื่อจื่อ จุ๊บทีหนึ่ง ให้รางวัลท่าน”

หลายวันมานี้ จวินหย่วนโยวยุ่งอยู่กับเรื่องของแคว้นเป่ยลี่ตลอด ไม่มีเวลาสนิทสนมแนบชิดกับหยุนถิงเลย

ตอนนี้ทุกอย่างใกล้จะเรียบร้อยแล้ว เวลานี้หยุนถิงก็ริเริ่มเช่นนี้อีก จวินหย่วนโยวย่อมทนไม่ไหวอยู่แล้ว

มือใหญ่จับหลังศีรษะของหยุนถิงเอาไว้ โจมตีและเข้ายึดครอง โรมรุกบุกตะลุย ไม่อนุญาตให้ปฏิเสธ

รสชาติของนังหนูคนนี้ราวกับสุราหมักที่หวานกลมกล่อม ทำให้คนอยากกินจนถึงไขกระดูก เพลิดเพลินจนลืมทางกลับ

หยุนถิงรู้สึกถึงความเร่าร้อนของริมฝีปากซื่อจื่อ บ้าคลั่งอย่างเผด็จการ หัวใจถูกหลอมละลายไปหมดแล้ว

ทั้งสองกอดและจูบกัน และเมื่อถึงช่วงอารมณ์ลึกซึ้งยากที่ถอนตัวได้ จวินหย่วนโยวก็อุ้มหยุนถิงขึ้นมาในแนวนอน เดินเข้าไปในเรือน

จวินหย่วนโยวเพิ่งจะวางหยุนถิงลงไปบนเตียง ก็เข้าไปใกล้ข้างหูของนาง “ข้าอยากเห็นชุดกระโปรงที่เจ้าใส่คราวก่อน?”

แก้มของหยุนถิงแดงก่ำไปถึงลำคอในชั่วพริบตา “ซื่อจื่อ อย่ากวนสิ!”

ครั้งก่อนนางดื่มมากไปหน่อย ต้องการจะแกล้งจวินหย่วนโยว จงใจหยิบชุดกระโปรงผ้าบางโปร่งสีแดงออกมาจากมิติหนึ่งชุด วับๆแวมๆมองเห็นลางๆ เซ็กซี่เย้ายวนใจ แต่แล้วก็ทำให้ตัวเองอเนจอนาถเหลือเกิน ถูกซื่อจื่อทรมานจนสามวันถึงลงจากเตียงได้

เวลานี้ได้ยินจวินหย่วนโยวกล่าวเช่นนี้ หยุนถิงก็หุบขาทั้งสองข้างทันที นางไม่อยากจะแบกรับความบ้าคลั่งของซื่อจื่อหรอกนะ

เจ้าหมอนี่ ป่าเถื่อนเกินไปหน่อยจริงๆ

“ถิงเอ๋อร์ เจ้าสวมชุดกระโปรงนั่นเย้ายวนมากจริงๆ ข้าชอบ” เสียงที่ไพเราะมีแรงดึงดูดของจวินหย่วนโยวดังมาอีกครั้ง

แหบแห้งเล็กน้อย ทุ้มต่ำเล็กน้อย ตามด้วยความรักลึกซึ้งที่หนักหน่วง ราวกับเชลโลที่ไพเราะน่าฟัง

หยุนถิงทนความมอมเมาและอ่อนโยนของซื่อจื่อไม่ได้ที่สุด หยิบออกมาจากมิติโดยไม่รู้ตัว

“ถิงเอ๋อร์ ข้าช่วยเปลี่ยนให้เจ้า!” จวินหย่วนโยวเอ่ยปาก

ทีนี้ใบหูของหยุนถิงก็แดงขึ้นมาด้วยแล้ว อย่างไรเสียเวลานี้ก็ยังเป็นกลางวัน นางเอียงอายจนหน้าแดง ยื่นมือจะไปดึงผ้าห่ม

แต่จวินหย่วนโยวเร็วกว่านางก้าวหนึ่ง ดึงผ้าห่มไป และคลุมทั้งสองคนเอาไว้ข้างใน

“อยู่ด้วยกันนานขนาดนี้แล้ว ยังอายอีกหรือ ส่วนไหนบนร่างกายของเจ้าที่ข้าไม่เคยเห็น ไม่เคยจับมาก่อน” ลมหายใจที่อ่อนโยนของจวินหย่วนโยวส่งมาจากเหนือศีรษะ

“ห้ามพูดอีกนะ มิเช่นนั้นท่านก็ออกไปเลย”

“ได้ๆ ข้าไม่พูด ข้าแค่ทำเท่านั้น” จวินหย่วนโยวกล่าวด้วยรอยยิ้มเบาๆ มือใหญ่ดึงหยุนถิงเข้ามาในอ้อมแขน ในขณะที่อีกมือหนึ่งไปปลดผ้าคาดเอวของนาง

หยุนถิงรู้สึกอายอย่างมาก อยากจะปฏิเสธแต่กลับถูกจวินหย่วนโยวบังคับจูบริมฝีปากบาง ยังไม่ทันที่นางจะต่อต้าน คนทั้งคนก็ตกลงไปในการจู่โจมที่อ่อนโยนและเผด็จการของจวินหย่วนโยว ไม่เป็นตัวเอง

ผ้าห่มผืนใหญ่สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ประกาศว่า “สงคราม” ในครั้งนี้ดุเดือดเพียงใด

………….

ตระกูลฉิน

นี่มันก็เลยวันที่จะเข้าวังแล้ว ยังไม่เห็นกงกงของพระราชวังเข้ามาส่งจดหมาย ฉินหรงเซินนั่งไม่ติดแล้ว รีบเข้าวังไปเข้าเฝ้าทันที

แต่แล้วก็ได้ยินฮ่องเต้ตรัสว่า หยุนถิงเป็นคนช่วยออกหน้าขอคำสั่งของฮ่องเต้แทนฉินจิ้งอี๋ ยกเว้นให้นางเข้าวัง

ในใจของฉินหรงเซินด่าหยุนถิงแทบตาย หรือว่าหยุนเฉิงเซี่ยงต้องการจะกดขี่ตระกูลฉิน ดังนั้นถึงไม่ให้จิ้งอี๋เข้าวัง

อย่างไรเสียในความคิดของฉินหรงเซิน ลูกสาวของตัวเองสามารถเข้าวังไปอยู่เคียงข้างฮ่องเต้ สำหรับตระกูลฉินแล้วคือเกียรติภูมิอันยิ่งใหญ่

“ฝ่าบาท พระองค์จะให้จิ้งอี๋เข้าวังได้ไหม ความจริงนางอยากเข้าวังมาก เพื่อการคัดเลือกหญิงงามในครั้งนางก็เตรียมตัวนานมากเช่นกัน?” ฉินหรงเซินถามออกมาประโยคหนึ่งอย่างไม่ยอมแพ้

ใบหน้าของฮ่องเต้เคร่งขรึมลงมาทันที “เจ้าเห็นคำสั่งของข้าเป็นอะไร พูดกลับไปกลับมา ข้ายกเลิกสิทธิการเข้าวังของฉินจิ้งอี๋ไปแล้ว หากนางเข้าวังมาอีก จะไม่ใช่การตบหน้าตัวเองหรอกหรือ!”

ฉินหรงเซินตกใจจนคุกเข่าลงไปบนพื้นทันที “ฝ่าบาทไว้ชีวิต ล้วนเป็นความเลอะเลือนของกระหม่อมเอง กระหม่อมบุ่มบ่ามไปเอง!”

“ลุกขึ้นมาเถอะ แทนที่เจ้าจะมาสอบถามข้า ไม่สู้ไปถามใจของลูกสาวเจ้าดูดีกว่า หยุนถิงบอกว่านางมีคนที่ชอบแล้ว ดังนั้นข้าถึงได้ช่วยให้สมปรารถนา หากสามารถบรรลุเรื่องราวดีๆได้ ข้าเองก็ปลื้มใจมากเช่นกัน” ฮ่องเต้ตรัสอย่างราบเรียบ

มุมปากของฉินหรงเซินกระตุกขึ้นมา หยุนถิงผู้นี้ช่างปากโป้งจริงๆ ถึงกับมาพูดจาไร้สาระต่อหน้าพระพักตร์ฝ่าบาท บัดซบ

แต่ว่าคำพูดพวกนี้ ฉินหรงเซินก็กล้าแค่ทบทวนในใจเท่านั้น เขาไม่กล้าล่วงเกินหยุนถิง ยิ่งไม่กล้าล่วงเกินจวินซื่อจื่อ

“ฝ่าบาทตรัสถูกต้องแล้ว ล้วนเป็นเพราะกระหม่อมละเลยต่อลูกสาวเอง กระหม่อมจะกลับไปสอบถามเดี๋ยวนี้แหละ” ฉินหรงเซินคำนับด้วยความเคารพนบนอบ ถึงได้ออกไป

ทางด้านนี้ หลังจากที่จ้าวเคอกลับไปก็กินอะไรไม่ลง เอาแต่คิดถึงฉินจิ้งอี๋ ถึงขั้นไม่ลังเลที่จะนั่งเฝ้าอยู่ด้านนอกจวนตระกูลฉิน

หาได้ยากที่จะเห็นพ่อของฉินจิ้งอี๋ออกไป จ้าวเคอรีบเข้าไปเยี่ยมทันที แต่แล้วก็ถูกพ่อบ้านปฏิเสธไม่ยอมให้เข้าไปอีก

จ้าวเคอจำได้ว่าหยุนถิงบอกไว้ว่าลานของคุณหนูฉินอยู่ใกล้กับสันกำแพงทางด้านซ้าย ดังนั้นจ้าวเคออาศัยตอนที่คนของตระกูลฉินไม่ทันสังเกต หันหลังอ้อมไปที่ด้านหลังของสันกำแพง

ด้านข้างมีต้นไม้ใหญ่หนึ่งต้นพอดี จ้าวเคอรีบปีนขึ้นไปทันที อย่างไรเสียเขาก็เป็นแค่บัญฑิตอ่อนแรง และไม่มีวรยุทธคนหนึ่ง ปีนไปหลายครั้งก็ไม่สามารถปีนขึ้นไปได้ แถมยังล้มลงไปอย่างแรงอีก

องครักษ์ลับคนหนึ่งมองดูด้วยความกระวนกระวายใจ ก่อนหน้านี้หยุนถิงส่งองครักษ์ลับจับตาดูความเคลื่อนไหวของฉินจิ้งอี๋กับจ้าวเคอ ให้เขาช่วยเหลือตามความสมควร

ดังนั้นในตอนที่จ้าวเคอกำลังจะล้มลงมาครั้งที่หก องครักษ์ลับรีบกระโดดตัวเข้าไปทันที คว้าคอเสื้อของจ้าวเคอขึ้นมา ใช้วิชาตัวเบาพาเขากระโดดข้ามกำแพงเข้าไป

จ้าวเคอตกใจจนชะงักงัน “เจ้า เจ้าเป็นใคร?”

“ซื่อจื่อเฟยของข้าให้ข้ามาช่วยเจ้า” องครักษ์ลับทิ้งเข้าเข้าไปในลานแล้วก็กระโดดตัวจากไป

ในลานมีสาวใช้คนหนึ่งเดินผ่านมาพอดี และจำจ้าวเคอได้ในทันที

สาวใช้ไม่มีเวลาสนใจจะพูดคุยกับจ้าวเคอ ก็มุ่งหน้าไปที่เรือนด้วยความดีใจ “คุณหนู จอหงอนจ้าวมาแล้ว”

จ้าวเคอกระดากอายสุดขีด ถึงแม้จะรู้ว่าทำเช่นนี้จะเป็นการก้าวล่วงและเสียมารยาท แต่เขาอยากจะพบฉินจิ้งอี๋ทันที จึงรีบวิ่งเข้าไปทันที

ฉินจิ้งอี๋ที่อยู่ในลานไอขึ้นมาอย่างรุนแรง “หวนเอ๋อร์เจ้าอย่าพูดจาไร้สาระ จ้าวเคอจะมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร”

ยังไม่ทันที่หวนเอ๋อร์จะเอ่ยปาก จ้าวเคอที่อยู่ตรงหน้าประตูก็รีบกล่าวขึ้นมาทันที “คุณหนูฉิน ข้าคือจ้าวเคอ ข้าเป็นห่วงสุขภาพของเจ้า ดังนั้นก็เลยมาดูหน่อย เจ้าสบายดีไหม?”

ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยนี้ ใบหน้าของฉินจิ้งอี๋เต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ “จ้าวเคอ เป็นเจ้าจริงหรือ เจ้ามาหาข้าจริงหรือ?”

จ้าวเคอรีบวิ่งเข้าไปทันที ในตอนที่เห็นฉินจิ้งอี๋ที่อยู่บนเตียงคนทั้งคนก็ชะงักงันไป

ไม่กี่วันก่อนฉินจิ้งอี๋ยังหน้าตางดงาม อ่อนโยนสง่างาม นางในเวลานี้สีหน้าอิดโรย ผิวเหี่ยวแห้ง ริมฝีปากบางไร้สีเลือด ผมเผ้าก็ยิ่งยุ่งเหยิงรุงรังเล็กน้อย คนทั้งคนเผยให้เห็นความเจ็บป่วย

ฉินจิ้งอี๋ถูกเขามองจนรู้สึกกระดากอาย รีบร้อนอธิบาย “ท่าทางของข้าเช่นนี้น่าเกลียดมากใช่ไหม ท่านพ่อจะให้ข้าเข้าวังให้ได้ ระยะนี้ข้าต่อต้านด้วยการอดอาหาร ดังนั้น—–”

จ้าวเคอเข้ามาอย่างรวดเร็ว คว้ามือของฉินจิ้งอี๋ไปจับเอาไว้ “ไม่ ไม่น่าเกลียดเลยสักนิด เจ้าคือผู้หญิงที่งดงามที่สุดที่ข้าเคยเห็นมา ให้เจ้าลำบากแล้ว ข้าน่าจะมาเร็วกว่านี้

เพียงแต่ว่าข้ามาหลายครั้ง แต่ก็ถูกพ่อบ้านของจวนตระกูลฉินปฏิเสธไม่ให้เข้ามา ดังนั้นข้าจึงได้แต่ปีนกำแพงเข้ามา หากมีตรงไหนที่ก้าวล่วงไปคุณหนูฉินโปรดอย่าได้ถือโทษ

ข้ามาก็เพราะอยากจะบอกกับเจ้าว่า บ้านข้ายากจนมาก ยังมีท่านแม่ที่ป่วยอีกหนึ่งคน ข้าไม่สามารถให้ชีวิตที่ร่ำรวยมั่งคั่งแก่เจ้าได้ แต่ข้าสามารถรับประกันได้ว่าถ้าหากเจ้าแต่งงานกับข้า ข้าจะไม่ให้เจ้าต้องอึดอัดคับข้องใจเด็ดขาด จะดีกับเจ้าอย่างแน่นอน และชาตินี้จะมีเจ้าเป็นภรรยาเพียงคนเดียวเท่านั้น จะไม่รับสนมเด็ดขาด!”

จอมนางข้ามภิภพ

จอมนางข้ามภิภพ

Status: Ongoing
นางเป็นบุตรีเอกแห่งจวนเฉิงเสี้ยง เป็นยัยอัปลักษณ์ไร้ค่าผู้ฉาวโฉ่ กลับมีรักแรกพบกับหลีอ๋อง คะยั้นคะยอจะอภิเษกสมรสกับหลีอ๋องอย่างไม่กลัวสิ่งใด ณคืนวันอภิเษกถูกหลีอ๋องทำอัปยศอดสูจนตายพอลืมตาขึ้นดันทะลุมิติมาอีกภพหนึ่งกลายเป็นศาสตราจารย์หมอพิษสมัยใหม่ควบสองบัณฑิต คนที่เคยรังแกนาง มันต้องเอาคืนเป็นร้อยเท่าพันเท่า นาง…จัดการกับพวกสันดานชั่วอย่างออกนอกหน้า หาเงินอย่างถ่อมตน มัสมบัติระรวยใต้หล้า เพื่อหลุดพ้นจากหลีอ๋อง เลยแต่งในฐานะนางสนมของซื่อจื่อ กลับคิดไม่ถึงว่าจะไปกระตุกหนวดเสือให้เข้าแล้ว เขาเป็นซื่อจื่อผู้ป่วยเสาะแสะ สุขุมอ่อนโยน เย็นชาเจ้าเล่ห์ ร่างมีพิษที่จะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน หยุนถิงเป็นคนช่วยเขาแก้พิษ ทำให้เขากลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง เขาสาบานว่า จะอยู่กินกับนางแต่เพียงผู้เดียว หลังแต่งงาน นางนวดเอวที่ปวดอยู่ เตะเขาลงจากเตียง:“รับจดหมายรักจากหญิงอื่น ยังกล้ามานอนกับหม่อมฉันอีกรึ?” เขารีบอธิบาย:“น้องนาง ข้าผิดไปแล้ว ใครกล้ามาแย่งข้าไปจากเจ้า ข้าจะตัดขานางให้รู้แล้วรู้รอด” นางยักคิ้วหลิ่วตา:ก็ท่านนี่แหละที่เป็นต้นเหตุ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท