จอมนางข้ามภิภพ – บทที่ 411 ถิงเอ๋อร์ หรือเจ้าท้องแล้ว

จอมนางข้ามภิภพ

จอมนางข้ามพิภพ บทที่411 ถิงเอ๋อร์ หรือเจ้าท้องแล้ว

เป่ยหมิงฉี่ก็เร็วพอสมควร หลังกลับไปก็รีบประกาศหนังสือสารภาพความผิดของฝ่าบาทในทันที โดยไม่ได้ปรึกษาหารือกับเหล่าขุนนางชั้นสูง และประกาศให้ทั่วใต้หล้าโดยตรงเลย แถมยังอ่านด้วยตนเองในสถานที่ที่พลุกพล่านที่สุดในเมืองหลวงของแคว้นเป่ยลี่

เมื่อเหล่าขุนนางชั้นสูงของแคว้นเป่ยลี่ได้ยินถึงเรื่องนี้ ต่างก็ตกตะลึงกันหมด และรีบไปที่ตลาดขายผักในทันที

“ไท่จื่อ ท่านใส่ร้ายป้ายสีฝ่าบาทเช่นนี้ได้อย่างไร ท่านให้ฝ่าบาทเผชิญหน้ากับราษฎรของแคว้นเป่ยลี่ได้อย่างไร?” ขุนนางชั้นสูงคนหนึ่งกล่าว

“ใช่ ไท่จื่อแม้ว่าตอนนี้ท่านจะกำลังดูแลประเทศ แต่เรื่องแบบนี้ท่านทำไมไม่ปรึกษาหารือกับทุกคนก่อน นี่คือการทำอย่างสุ่มสี่สุ่มห้าชัดๆเลย”

“ท่านทำเยี่ยงนี้ยังเห็นแก่ฝ่าบาทหรือไม่ จะให้ฝ่าบาททรงอยู่ต่อไปอย่างไรในอนาคต?”

เผชิญกับคำถาม การโต้แย้ง และข้อกล่าวหาของทุกคน——สีหน้าของเป่ยหมิงฉี่มืดครึ้ม จ้องมองดูทุกคนด้วยความโกรธ

“สิ่งที่ข้าพูดมาทั้งหมดนี้ล้วนเป็นความจริง ตอนนี้แคว้นเป่ยลี่ขาดแคลนอาหารและเกิดความขัดแย้งภายใน ยุ้งฉางถูกเผา ฯลฯ ทั้งหมดนี้ล้วนเกิดขึ้นเพราะโทษความผิดในอดีตของฝ่าบาท หากไม่ใช่เยี่ยงนี้ จวินหย่วนโยวจะโจมตีแคว้นเป่ยลี่ได้อย่างไร

ในฐานะไท่จื่อ ไม่เพียงแต่เป็นลูกชายเสด็จพ่อเท่านั้น แต่ยังเป็นไท่จื่อของราษฎรทั่วทั้งแคว้นเป่ยลี่ด้วย ข้าไม่สามารถเพิกเฉยต่อราษฎรของแคว้นเป่ยลี่ และปล่อยให้พวกเจ้ารอตาย

หากยังคงรักษาหน้าของฝ่าบาท และปกปิดความผิดในอดีตต่อไป เช่นนั้นทั่วทั้งแคว้นเป่ยลี่ก็จะตกอยู่ในความทุกข์ยากลำบาก

ข้าได้รับรายงานลับว่าแคว้นต้าเยียน แคว้นเทียนจิ่ว และแคว้นชางเยว่ต่างก็ได้ส่งกองกำลังไปยังแคว้นเป่ยลี่แล้ว กองทัพของพวกเขากำลังอยู่ในระหว่างการเดินทาง

หากไม่แก้ไข้ความขัดแย้งภายในของแคว้นเป่ยลี่ก่อน ทุกคนก็รอให้แคว้นเป่ยลี่ถูกทำลายทิ้งเถอะ หรือว่าพวกเจ้าอยากเป็นทาสของแว่นแคว้นอื่น อยากให้แคว้นเป่ยลี่ถูกอีกสามแว่นแคว้นแบ่งไปหรือ? ”

น้ำเสียงเย็นชาและแข็งกร้าว เหมือนดั่งเตือนให้เหล่าขุนนางชั้นสูงและราษฎรทุกคนตื่นจากความเพ้อฝัน

ขุนนางชั้นสูงที่เมื่อครู่ยังกล่าวหาเป่ยหมิงฉี่อยู่นั้น ก็ตื่นตระหนกในทันที “ไท่จื่อ ท่านบอกว่าอีกสามแคว้นจะโจมตีแคว้นเป่ยลี่?”

“ยังต้องถามหรือ แคว้นเป่ยลี่เกิดความขัดแย้งภาพใน ใครจะไม่อยากถือโอกาสนี้มาแอบลอบโจมตีเอา เพราะโอกาสเช่นนี้มีเพียงครั้งเดียวในรอบร้อยปีหาได้ยากนัก!” เป่ยหมิงฉี่ถามกลับ

แน่นอนว่าเหล่าขุนนางชั้นสูงย่อมรู้ดีถึงความร้ายแรงของเรื่องนี้อยู่แล้ว หากเป็นความขัดแย้งภายในของแว่นแคว้นอื่น พวกเขาเองก็คงจะเสนอให้ฝ่าบาทไปโจมตีอย่างแน่นอน

“ไท่จื่อ ในเมื่อรู้ว่าจวินหย่วนโยวเป็นคนทำ เหตุใดถึงไม่ไปปรึกษาหารือเกี่ยวกับวิธีแก้ปัญหากับเขา?” นายสนองคนหนึ่งเสนอ

“เจ้าโง่หรือ? จวินหย่วนโยวเป็นผู้ที่มีชื่อเสียงที่โหดเหี้ยม ร้ายกาจในทั่วทั้งแว่นแคว้น ฆ่าคนไปจนนับไม่ถ้วน มีความสามารถ อำนาจใหญ่ เขาสามารถก่อให้แคว้นเป่ยลี่เกิดความขัดแย้งภายในได้ คงต้องการทำลายแคว้นเป่ยลี่ทิ้ง ต่อให้ไท่จื่อไปขอร้องก็ไร้ประโยชน์” ขุนนางชั้นสูงคนหนึ่งตอบโต้

“ถูกต้อง เขาได้ลงมือกับแคว้นเป่ยลี่แล้ว และตอนนี้พวกข้าเองก็ทำได้เพียงแค่คอยระวังตัวให้ดีเท่านั้น”

“ไท่จื่อ ท่านทำถูกแล้ว เป็นกระหม่อมเองที่สับสนไป กระหม่อมจะอ่านหนังสือสารภาพความผิดเป็นเพื่อนท่าน” ขุนนางชั้นสูงคนหนึ่งขึ้นไปยืน

ขุนนางชั้นสูงคนอื่น ๆ อ่านออกเสียงดัง จริงจังมากกว่าตอนอยู่ในราชสำนักอีก

เพราะสิ่งนี้มันเกี่ยวข้องถึงกับความเป็นและตายของแคว้นเป่ยลี่ และยิ่งเกี่ยวข้องถึงความเป็นความตายของพวกเขา จากขุนนางชั้นสูงของแว่นแคว้นหนึ่ง ไปเป็นนักโทษ ต่อให้เป็นใครก็ไม่อยากยอมรับ

โดยเฉพาะอวี๋จงซู ลูกสาวถูกลดตำแหน่ง ลูกชายของเขาถูกปลด แม้ว่าจะไม่พบเบาะแส แต่เขาสามารถแม่ใจได้ว่าซ่างกวนหรูเป็นคนทำ นางก็พึ่งเรื่องที่วางพิษกู่ให้ฝ่าบาท หากฝ่าบาททรงล้มลง ซ่างกวนหรูก็ต้องจบสิ้นอย่างแน่นอน ดังนั้นอวี๋จงซูจึงเป็นคนที่กระตือรือร้นและเสียงดังที่สุดในนี้

เป่ยหมิงฉี่เห็นพวกเขาเช่นนี้ ก็มีความคิดเกิดขึ้นในใจ “ไป ข้าพาพวกเจ้าไปสำนึกผิดที่จวินหย่วนโยว!”

นำโดยเป่ยหมิงฉี่ ตามด้วยขุนนางชั้งสูง และในท้ายสุดนั้นเป็นราษฎรที่นับไม่ถ้วน ตรงไปที่ลานของจวินหย่วนโยว จากนั้นพวกเขาก็ยืนอยู่ที่ประตูลาน และอ่านหนังสือสารภาพความผิดด้วยเสียงที่ดัง

เสียงดังเช่นนี้ และ องครักษ์เงามังกร จวินหย่วนโยวและคนอื่นๆในลานต่างก็ได้ยินกันหมด

จวินหย่วนโยวเลิกคิ้วที่หล่อเหลาขึ้นเล็กน้อย และมองไปที่หยุนถิงที่อยู่ในลาน “ทำไมจู่ๆเป่ยหมิงฉี่ถึงเป็นแบบนี้?”

ในฐานะไท่จื่อแห่งแว่นแคว้นหนึ่ง และยิ่งเป็นลูกชายของเป่ยจิ่วฉิง กลับประกาศโทษของเป่ยจิ่วฉิงต่อทั่วใต้หล้า นี่ไม่เหมือนกับสิ่งที่เป่ยหมิงฉี่จะทำเลย

หยุนถิงหัวเราะอิอิ “ซื่อจื่อ หากข้าบอกกับท่านแล้วท่านอย่าโกรธนะ ข้าเป็นคนบอกให้เขาทำเช่นนี้เอง ข้าไม่อยากให้ท่านอยู่แต่ในความแค้นตลอดชีวิต และนี่ก็เป็นความยุติธรรมที่ควรมีต่อพ่อผัวและแม่ผัว”

“เจ้าได้พบกับเป่ยหมิงฉี่เมื่อไหร่กัน?”

“ก็ตอนเมื่อครู่ที่ท่านออกไปทำกับข้าว คาดว่าเขาก็คงถูกบังคับจนไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว เขาไม่ได้มีเจตนาร้ายต่อข้า และไม่ได้ลักพาตัวข้า แค่ขอให้ข้าช่วยเขาคิดวิธีหน่อย ข้าไม่ได้ตอบตกลง เพียงแค่เสนอแนะ” หยุนถิงตอบตามความจริง

สีหน้าของจวินหย่วนโยวเย็นชาลงทันที และลงโทษองครักษ์เงามังกรและองครักษ์ลับที่มีหน้าที่เฝ้าอยู่หน้าประตูนั้นทันที เป่ยหมิงฉี่เข้ามาในลาน พวกเขากลับรู้สึกไม่ถึง หากเขาทำอะไรกับหยุนถิงจริง ตัวเองคงสายเกินไปที่จะเสียใจภายหลัง

“ซื่อจื่อ มันไม่เกี่ยวกับพวกเขาเลย หากท่านจะลงโทษก็ลงโทษข้าเถอะ แม้ว่าที่นี่จะเป็นลานของท่าน แต่จะยังไงเป่ยหมิงฉี่ก็ไท่จื่อ และนี่ก็เป็นเมืองหลวง หากเขาปีนกำแพงเข้ามา ก็จะถูกพบเข้าอย่างแน่นอน ดังนั้นข้าสงสัยว่าเขาขุดเส้นทางลับเข้ามา “หยุนถิงอธิบาย

“เด็กๆ ไปตรวจสอบทันที!” จวินหย่วนโยวสั่งอย่างเผด็จการ

“ซื่อจื่อ นั่นไม่ใช่ประเด็น ข้าหมายความว่าอย่าลงโทษพวกเขา”

“ไม่ได้ ทำผิดก็ต้องชดใช้!”

หยุนถิงกำลังจะพูดอะไรอีก แต่จู่ๆ ก็รู้สึกอยากอาเจียนยิ่งนัก หันหัวแล้วกำลังจะอ้วก

“เกิดอะไรขึ้น ตรงไหนไม่สบายใจหรือเปล่า?” จวินหย่วนโยวรีบเข้ามาถามอย่างเป็นห่วง

หยุนถิงอยากจะตอบ แต่นางก็รู้สึกอึดอัดมาก อยากอาเจียนแต่ก็อาเจียนไม่ออกมา

“เด็กๆ ไปเอาน้ำมา!”

หลงเอ้อรีบยกน้ำมาทันที จวินหย่วนโยวรับมาและป้อนที่ปากของหยุนถิง หยุนถิงจับมือของเขาแล้วจิบไปสองคำ

“ทำไมจู่ๆถึงอยากอาเจียน กินอะไรผิดไปหรือเปล่า หลิงเฟิงก็รีบไปเชิญหมอในทันที!”

“ขอรับ” หลงเอ้อกำลังจะจากไป

“ไม่ต้อง ข้าเองก็เป็นทักษะทางการแพทย์อยู่แล้ว ทักษะทางการแพทย์ของหมอจะดีกว่าข้าได้อย่างไร” หยุนถิงห้ามเอาไว้

“งั้นเจ้ารีบจับชีพจรตัวเองดูเร็ว เกิดอะไรขึ้นกันแน่ เจ้าไม่เคยเป็นอย่างนี้มาก่อนเลย เป็นเพราะกินของเย็นหรือไม่สบายหรือ?” จวินหย่วนโยวถามมาเป็นชุด

หยุนถิงรู้สึกสะเทือนใจอย่างยิ่ง “ซื่อจื่อ คำถามท่านเยอะเช่นนี้ ข้าควรตอบข้อใดดี ไม่เป็นไร คงเป็นเพราะเมื่อคืนกินมากเกินไปอาหารจึงไม่ย่อย”

จวินหย่วนโยวรีบพยุงนาง “งั้นหลังอาหารเย็น ข้าไปเดินเล่นแทนเจ้า”

“อืม ซื่อจื่อยกโทษให้พวกเขาก่อนเถอะ หากท่านลงโทษพวกเขาตอนนี้ หากพวกข้าออกไปเดินเล่นตอนกลางคืนใครจะปกป้องพวกข้า” หยุนถิงเสนอแนะ

มองดูสีหน้าที่ซีดขาวของนาง ในที่สุดจวินหย่วนโยวก็ใจอ่อน หลังจากนั้นจึงพูดว่า “เอาล่ะ ถอยออกไปกันเถอะ ต่อจากนี้ไปปกป้องซื่อจื่อเฟยอย่างใกล้ชิด หากเกิดข้อผิดพลาดอีก พวกเจ้าก็ไปที่ตอนเหนือซะ! ”

“ขอรับ” องครักษ์เงามังกรและองครักษ์ลับรับคำสั่งอย่างเคารพ และรู้สึกซาบซึ้งซื่อจื่อเฟยเป็นอย่างยิ่ง

สิ่งเดียวที่สามารถเปลี่ยนความคิดของซื่อจื่อได้ มีเพียงซื่อจื่อเฟยเท่านั้น เก่งยิ่งนัก ทุกคนนับถือหยุนถิงยิ่งนัก

จวินหย่วนโยวเดินเล่นกับหยุนถิง ทันใดนั้นก็มองไปที่ท้องของหยุนถิงด้วยความตกใจ “ถิงเอ๋อร์ หรือว่าเจ้าท้องแล้ว?”

จอมนางข้ามภิภพ

จอมนางข้ามภิภพ

Status: Ongoing
นางเป็นบุตรีเอกแห่งจวนเฉิงเสี้ยง เป็นยัยอัปลักษณ์ไร้ค่าผู้ฉาวโฉ่ กลับมีรักแรกพบกับหลีอ๋อง คะยั้นคะยอจะอภิเษกสมรสกับหลีอ๋องอย่างไม่กลัวสิ่งใด ณคืนวันอภิเษกถูกหลีอ๋องทำอัปยศอดสูจนตายพอลืมตาขึ้นดันทะลุมิติมาอีกภพหนึ่งกลายเป็นศาสตราจารย์หมอพิษสมัยใหม่ควบสองบัณฑิต คนที่เคยรังแกนาง มันต้องเอาคืนเป็นร้อยเท่าพันเท่า นาง…จัดการกับพวกสันดานชั่วอย่างออกนอกหน้า หาเงินอย่างถ่อมตน มัสมบัติระรวยใต้หล้า เพื่อหลุดพ้นจากหลีอ๋อง เลยแต่งในฐานะนางสนมของซื่อจื่อ กลับคิดไม่ถึงว่าจะไปกระตุกหนวดเสือให้เข้าแล้ว เขาเป็นซื่อจื่อผู้ป่วยเสาะแสะ สุขุมอ่อนโยน เย็นชาเจ้าเล่ห์ ร่างมีพิษที่จะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน หยุนถิงเป็นคนช่วยเขาแก้พิษ ทำให้เขากลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง เขาสาบานว่า จะอยู่กินกับนางแต่เพียงผู้เดียว หลังแต่งงาน นางนวดเอวที่ปวดอยู่ เตะเขาลงจากเตียง:“รับจดหมายรักจากหญิงอื่น ยังกล้ามานอนกับหม่อมฉันอีกรึ?” เขารีบอธิบาย:“น้องนาง ข้าผิดไปแล้ว ใครกล้ามาแย่งข้าไปจากเจ้า ข้าจะตัดขานางให้รู้แล้วรู้รอด” นางยักคิ้วหลิ่วตา:ก็ท่านนี่แหละที่เป็นต้นเหตุ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท