จอมนางข้ามภิภพ – บทที่ 415 เจ้าอย่าได้คืบจะเอาศอก

จอมนางข้ามภิภพ

จอมนางข้ามพิภพ บทที่415 เจ้าอย่าได้คืบจะเอาศอก

ไม่ไกลนั้น คุณชายหกเห็นว่าโม่ฉือหานกินไก่ย่างเข้าไปแล้วจริงๆ แต่เดิมใบหน้าที่เศร้าหมองนั้นก็มีดีใจขึ้นมาในทันที

“เจ้าหนู หยุนถิงปฏิบัติต่อเจ้าอย่างไร ใจรู้แก่ใจเองไม่ใช่หรือ กลับประจบประแจงโม่ฉือหาน ข้าดูถูกเจ้า!” โม่หลานอุทานอย่างโกรธเกรี้ยว

“เสี่ยวลิ่ว เหตุใดเจ้าต้องว่าคุณหนูหยุนเช่นนั้นด้วย นางไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อย?” เสี่ยวอันจื่อถามด้วยความสงสัย

คุณชายหกรีบไปใกล้ และอธิบายด้วยเสียงที่เบา “หากข้าไม่แสร้งทำเป็นน่าสงสาร หลีอ๋องจะเชื่อได้อย่างไร เขาทำให้พี่ใหญ่ของข้าผิดหวัง ดังนั้นแน่นอนว่าข้าก็ต้องสั่งสอนเขาแทนพี่ใหญ่ข้าอยู่แล้ว!”

ทันใดนั้นโม่หลานก็ตระหนักได้ว่า “ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็ไม่จำเป็นต้องถึงกับคุกเข่า ทำเอาข้าเชื่อว่าเจ้าไปประจบประแจงเขาจริงๆ!”

สีหน้าของคุณชายหกมืดครึ้ม “นี่เรียกว่าลูกผู้ชายยืดได้หดได้”

“ยังมาลูกผู้ชาย ยังโตไม่ถึงไหนเลย แต่เจ้าจะสั่งสอนหลีอ๋อง ก็ไม่จำเป็นต้องส่งไก่ย่าง หรือว่า——” โม่หลานยังไม่ทันพูดจบ ก็ถูกคุณชายหกใช้ไก่ย่างของนางอุดปากเอาไว้ทันที

“หากเจ้ายังไม่กินอีก ไก่ย่างจะเย็นเลย รอดูละครก็พอ” คุณชายหกพูดด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึม

โม่หลานรู้สึกหงุดหงิดทันที ที่ถูกยัดไก่ย่างเข้าปาก แต่เมื่อเห็นท่าทางที่แสร้งทำเป็นเหมือนผู้ใหญ่ของคุณชายหก ก็ถูกเขาทำให้ขบขัน

“เห็นแก่ที่เจ้าปกป้องหยุนถิงมากเช่นนี้ ข้าไม่ถือสากับเจ้า!” โม่หลานเอาไก่ย่างแล้วเริ่กินอย่างเอร็ดอร่อย

“นางเป็นพี่ใหญ่ของข้า ดังนั้นข้าก็ต้องปกป้องนางอยู่แล้ว” คุณชายหกและเสี่ยวอันจื่อก็เริ่มกินเช่นกัน

หลังจากที่ทุกคนกินเสร็จ ส่วนหนึ่งไปพักผ่อน อีกส่วนหนึ่งเฝ้าและลาดตระเวนอยู่ด้านนอก เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกจู่โจม

คุณชายหกนอนพักผ่อน แต่ไม่ได้หลับ แต่มองไปในทิศทางของหลีอ๋อง

ว่าแล้วในกลางดึก หลีอ๋องก็ลุกขึ้นและเดินไปที่ป่าลึกอย่างเร่งรีบ

คุณชายหกยิ้มอย่างได้ใจ “ฤทธิ์ยาได้ผลแล้ว”

เสี่ยวอันจื่อก็อดที่จะนับถือไม่ได้ “เสี่ยวลิ่ว เจ้าใจกล้าเกินไปแล้ว หากหลีอ๋องรู้เข้า เกรงว่าคงจะลงโทษเจ้า”

“ข้าไม่ยอมรับก็ได้แล้ว” คุณชายหกได้ใจยิ่งนัก

คืนนั้น โม่ฉือหานวิ่งไปมาในป่ามากกว่าสิบครั้ง ร่างกายอ่อนแรงไปหมด และอยู่ยากมากนัก และในที่สุดก็ทนไม่ไหวจนต้องเรียกหมอทหารมา

หมอทหารจับชีพจรของเขาและถามเกี่ยวกับสถานการณ์ “ท่านอ๋อง ท่านคงกินของเสียเข้าไป หรืออาจจะเกิดจากความไม่เคยชินกับสภาพแวดล้อมหรืออาหาร”

ไม่รู้ว่าเหตุผล โม่ฉือหานก็นึกถึงไก่ย่างที่คุณชายหกส่งมาในกลางคืนนั้น

“ทหาร ไปพาคุณชายหกมา!” โม่ฉือหานตะคอกอย่างเย็นชา

“ขอรับ” องครักษ์รีบไปเรียกทันที

คุณชายหกที่แสร้งทำเป็นหลับ ถูกปลุกขึ้นมาอย่างไม่เต็มใจ หาวและถามว่า “ท่านอ๋อง ท่านหาข้ามีเรื่องอะไรหรือ?”

“บังอาจ กล้าวางยาลงในไก่ย่าง ข้าว่าเจ้าคงไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อแล้ว!” โม่ฉือหานตะโกนด้วยความโกรธ

ไม่ใช่คำถาม แต่เป็นการยืนยัน

ช่วงนี้เขากินหมั่นโถวกับทุกคนมาโดยตลอด และไม่มีอะไรผิดปกติเลย เฉพาะคืนนี้ หลังจากกินไก่ย่างเข้าไป เขาก็ท้องเสียมาตลอด แม้แต่คนโง่ก็สามารถคิดออกได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น

คุณชายหกทำหน้าน้อยใจในทันที “ท่านอ๋อง ต่อให้ข้ากล้ามากเพียงใดก็ไม่กล้าวางยาในไก่ย่าง อีกอย่าง เดิมทีไก่ย่างนั้นข้ากะจะกินเอง

ข้าคงไม่วางยาในไก่ย่างที่ตัวเองจะกินสินะ ข้าเพียงแค่เห็นว่าท่านกินแต่หมั่นโถวมาโดยตลอด และเคยขัดแย้งกับพี่ใหญ่ข้า อยากให้ท่านช่วยข้า จึงมอบให้ท่านกิน

หากท่านไม่เชื่อ ก็สามารถเอาไก่ย่างนั้นไปให้หมอทหารตรวจสอบได้ หากมีผิดปกติจริง ข้ากินมันต่อหน้าท่านเลย! ”

เมื่อมองดูท่าทางที่เหตุผลถูกต้องและวาทะเต็มไปด้วยสัจธรรมของคุณชายหก โม่ฉือหานก็รู้สึกไม่มั่นใจเล็กน้อย และให้คนนำไก่ย่างที่เหลืออีกครึ่งหนึ่งมาทันที

หมอทหารใช้เข็มเงินตรวจดู ปรากฏว่าเข็มเงินก็ไม่ได้เปลี่ยนสี จากนั้นก็ดมกลิ่นดู ก็ไม่พบสิ่งผิดปกติใดๆ หมอทหารส่ายหัว

“ท่านอ๋องท่านเห็นแล้วสินะ ถ้ามีพิษจริงหมอทหารจะตรวจไม่ออกมาได้อย่างไร เขาเป็นคนของท่าน ท่านคงไม่บอกว่าข้าเด็กตัวเล็กๆคนหนึ่งซื้อใจหมอทหารของท่านสินะ” คุณชายหกพูดด้วยสีหน้าที่มืดครึ้ม

โม่ฉือหานก็ทำหน้าเขินอายเล็กน้อย แต่เขารู้สึกอยู่เสมอว่าไก่ย่างนั้นผิดปกติ แต่หมอทหารก็ตรวจอะไรไม่ออก ซึ่งทำให้โม่ฉือหานรู้สึกอึดอัดใจยิ่งนัก

“เอาล่ะ เจ้ากลับไปพักผ่อนเถอะ”

“ท่านอ๋อง เมื่อครู่ท่านปรักปรำข้าเยี่ยงนี้ อย่างน้อยท่านก็ต้องอธิบายให้ทุกคนฟัง มิฉะนั้นคนอื่นจะมองว่าข้าเป็นขโมย ข้าจะใช้ชีวิตอย่างไร จะยังไงพ่อข้าก็เป็นเฉิงเซี่ยงคนปัจจุบันนี้ หากถูกคนอื่นเอาเรื่องนี้ไปพูด จะให้พ่อข้าเอาหน้าไปไหวที่ใด” คุณชายหกพูดขอร้อง

สีหน้าของโม่ฉือหานมืดครึ้ม “เรื่องนี้มีเพียงพวกข้าไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้ คนอื่นๆไม่มีใครรู้เลย เจ้าคิดมากไปแล้ว”

“ไม่ได้ ท่านอ๋องทำผิดก็ต้องยอมรับผิด หากไม่ยอมรับความผิดเพราะอยากได้หน้า ต่อไปท่านจะใช้คุณธรรมสยบคนให้เชื่อฟังท่านได้อย่างไร!” คุณชายหกโต้กลับ

ออร่ารอบกายของโม่ฉือหานเย็นชายิ่งนัก และเส้นเลือดบนหน้าผากก็เต้นอย่างแผ่วเบา “คุณชายหก เจ้าอย่าได้คืบจะเอาศอก”

คุณชายหกตัวสั่นเพราะกลัว และเดินออกจากกระโจมด้วยความโกรธ

โม่ฉือหานจึงค่อยรู้สึกโล่งใจลง เจ้าหนูตัวแสบนี้รับมือได้ยากนัก

จากนั้นก็ได้ยินเสียงอันดังของคุณชายหกดังมาจากข้างนอก “หลีอ๋องท้องเสียเอง กลับบอกว่าเป็นเพราะกินไก่ย่างของข้าจึงท้องเสีย แต่หมอทหารตรวจสอบแล้วว่าไก่ย่างนั้นไม่มีอะไรผิดปกติ หลีอ๋องทำผิดไม่ยอมขอโทษ รังแกข้าเด็กคนหนึ่ง ทำไมชีวิตของข้าถึงได้ลำบากเยี่ยงนี้!”

เสียงนี้ดังมาก แถมยังเป็นเวลากลางดึก และทหารทุกคนที่หลับหรือยังไม่หลับต่างก็ได้ยินกันหมด

มุมปากของทุกคนกระตุก ใครก็คิดไม่ถึงว่าท่านอ๋องท้องเสียกลับไปโทษเด็กคนหนึ่ง และทุกคนก็เริ่มวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างเบา

เพราะเด็กคนหนึ่งจะมาวางยาพิษนั้น เป็นเรื่องที่พวกเขาไม่เคยเห็นมาก่อนเลย

โม่ฉือหานที่อยู่ในกระโจมโกรธจนหน้าซีดไปหมด แค้นเคืองยิ่งนัก “ไอ้คุณชายหกบ้าเอ๊ย ไปปิดปากของเขาเอาไว้ซะ!”

พึ่งพูดจบ ท้องของโม่ฉือหานก็ไม่สบายขึ้นมาอีก

แน่นอนว่าโม่หลานและเสี่ยวอันจื่อก็ได้ยินเช่นกัน และรีบวิ่งมาในทันที เมื่อเห็นมีทหารกำลังดึงคุณชายหก โม่หลานก็เตะทหารคนนั้นออกไปด้วยความโกรธ และปกป้องคุณชายหกไว้ข้างหลัง

“พวกเจ้าผู้ชายกลุ่มหนึ่งรังแกเด็กคนหนึ่ง ไม่รู้จักอายหรือ!” โม่หลานจ้องมองด้วยความโกรธ

ทหารคนนั้นเจ็บมากนัก ทำเสียงเชอะด้วยความโกรธ “นี่คือคำสั่งของท่านอ๋อง!”

“เขาเป็นคนที่ข้าพามา ต่อให้จะถูกลงโทษก็ต้องลงโทษโดยข้า ใครกล้าแตะเจ้าหนูนี้แม้แต่นิด อย่าโทษดาบของข้าไม่มีตาล่ะ!” โม่หลานปักดาบยาวหนึ่งเมตรครึ่งของนางลงกับพื้น

เหล่าทหารตกใจกลัวจนหน้าซีด และไม่กล้าพูดอะไรอีก แม้ว่าโม่หลานจะเป็นผู้หญิง แต่พ่อของนางเป็นแม่ทัพใหญ่ วิทยายุทธยิ่งยอดเยี่ยมไปใหญ่ ดังนั้นเหล่าทหารจึงไม่กล้าล่วงเกิน

“โม่หลาน นี่คือกองทัพของข้า ปล่อยให้เจ้ามากำเริบเสิบสาไม่ได้!” โม่ฉือหานที่ออกมาตะโกนด้วยความโกรธ

โม่หลานกลับไม่กลัวแม้แต่นิดเลย “นี่คือกองทัพของแคว้นต้าเยียน เป็นทหารส่วนตัวของหลีอ๋องตั้งแต่เมื่อไหร่กัน และอีกอย่างฝ่าบาททรงเป็นคนแต่งตั้งข้าเป็นรองนายพลด้วยตนเอง ดังนั้นข้าเองก็สามารถควบคุมทหารเหล่านี้ได้อยู่แล้ว! ”

“ข้าเห็นว่าเจ้าเป็นผู้หญิง ไม่อยากถือสากับเจ้า หากมีคราวหน้าอีก ข้าจะลงโทษเจ้าด้วยกฎเกณฑ์ทหารอย่างแน่นอน!” โม่ฉือหานพูดอย่างหมดความอดทน

“โธ่ ยังไม่อยากถือสากับข้า คืนนี้ท่านท้องเสียเอง แต่กลับโทษคุณชายหก หมอทหารก็ตรวจสอบแล้วว่าไม่มีความผิดปกติ แต่ท่านกลับกลัวเสียหน้าไม่ยอมรับ ข้าทนเห็นคนอื่นอาศัยอำนาจและอิทธิพลข่มเหงรังแกผู้อื่นมากที่สุดแล้ว หลีอ๋องเตรียมรับมือ!”

โม่หลานคำรามด้วยความโกรธ ยกดาบยาวที่ปักอยู่บนพื้นแล้วฟันไปที่หลีอ๋อง

จอมนางข้ามภิภพ

จอมนางข้ามภิภพ

Status: Ongoing
นางเป็นบุตรีเอกแห่งจวนเฉิงเสี้ยง เป็นยัยอัปลักษณ์ไร้ค่าผู้ฉาวโฉ่ กลับมีรักแรกพบกับหลีอ๋อง คะยั้นคะยอจะอภิเษกสมรสกับหลีอ๋องอย่างไม่กลัวสิ่งใด ณคืนวันอภิเษกถูกหลีอ๋องทำอัปยศอดสูจนตายพอลืมตาขึ้นดันทะลุมิติมาอีกภพหนึ่งกลายเป็นศาสตราจารย์หมอพิษสมัยใหม่ควบสองบัณฑิต คนที่เคยรังแกนาง มันต้องเอาคืนเป็นร้อยเท่าพันเท่า นาง…จัดการกับพวกสันดานชั่วอย่างออกนอกหน้า หาเงินอย่างถ่อมตน มัสมบัติระรวยใต้หล้า เพื่อหลุดพ้นจากหลีอ๋อง เลยแต่งในฐานะนางสนมของซื่อจื่อ กลับคิดไม่ถึงว่าจะไปกระตุกหนวดเสือให้เข้าแล้ว เขาเป็นซื่อจื่อผู้ป่วยเสาะแสะ สุขุมอ่อนโยน เย็นชาเจ้าเล่ห์ ร่างมีพิษที่จะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน หยุนถิงเป็นคนช่วยเขาแก้พิษ ทำให้เขากลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง เขาสาบานว่า จะอยู่กินกับนางแต่เพียงผู้เดียว หลังแต่งงาน นางนวดเอวที่ปวดอยู่ เตะเขาลงจากเตียง:“รับจดหมายรักจากหญิงอื่น ยังกล้ามานอนกับหม่อมฉันอีกรึ?” เขารีบอธิบาย:“น้องนาง ข้าผิดไปแล้ว ใครกล้ามาแย่งข้าไปจากเจ้า ข้าจะตัดขานางให้รู้แล้วรู้รอด” นางยักคิ้วหลิ่วตา:ก็ท่านนี่แหละที่เป็นต้นเหตุ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท