จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 421 กล้าลอบทำร้าย หาเรื่องตาย
“เจ้าชอบกระบี่กระบี่มากมิใช่รึ ข้าจะใช้กระบี่โลหิตแลกเปลี่ยนกับเจ้า!” โม่ฉือหานพูดอย่างเย็นชา
“กระบี่โลหิต ท่านยอมจริงรึ นั่นน่ะกระบี่ดีเลื่องชื่อเชียวนะ?” โม่หลานมองมาอย่างตกใจ
“แน่นอน กระบี่เล่มเดียวเท่านั้นเอง!” โม่ฉือหานแค่นเสียงไม่ยี่หระ”
จะกระบี่ดีแค่ไหนมาเทียบกับหน้าตาศักดิ์ศรีของเขาแล้ว ย่อมต้องเป็นหน้าตาศักดิ์ศรีที่สำคัญกว่า
“ได้ ตกลง” โม่หลานรีบรับปากทันที กระบี่ดีอย่างนี้เป็นโอกาสหาได้ยากนัก
หยุนเสี่ยวลิ่วเห็นโม่หลานโดนซื้อตัวได้ด้วยคำพูดไม่กี่คำ เขาเบิกตากว้างสดใส และได้ความคิดว่า “ข้าต้องการห้าร้าน เอาแบบที่สามารถหาเงินได้ ทุกวันนี้เงินที่ท่านพ่อท่านแม่ให้ข้าทุกเดือนมันไม่พอใช้”
โม่ฉือหานเหล่มองเขา “ได้!”
เสี่ยวอันจื่อเห็นพวกเขาต่างเรียกร้อง ตนเลยเอาบ้าง “งั้นข้าก็จะเอาห้าร้าน”
“ได้!”
ทั้งสามคนโดนหลีอ๋องซื้อตัวในบัดดล โม่ฉือหานลอบถอนหายใจ “เอาล่ะ พวกเจ้าออกไปเถอะ”
“ไม่สิ หลีอ๋องท่านได้สิ่งที่ต้องการแล้วจะยกเลิกข้อตกลงเลยรึ เร็วไปหน่อยกระมัง นี่คือเรียกพวกข้าเข้ามาคุยเงื่อนไขล่ะสิ” โม่หลานเบ้ปาก
“หากเจ้าไม่ยินยอม ข้าจะเอาเงื่อนไขเมื่อครู่กลับคืน”
“อย่าสิ นั่งในรถม้ามันอึดอัดนัก ข้าไปขี่ม้าดีกว่า” โม่หลานกระโดดลงจากรถม้าอย่างรวดเร็ว
หยุนเสี่ยวลิ่วและเสี่ยวอันจื่อก็ตามลงจากรถม้าด้วย พวกเขาไม่อยากนั่งรถม้าคันเดียวกับหลีอ๋องหรอก
“เสี่ยวลิ่ว ทำไมเจ้าเอาห้าร้านล่ะ?” เสี่ยวอันจื่อถาม
“เจ้าก็บอกเหมือนกันมิใช่รึ?” หยุนเสี่ยวลิ่วย้อนถาม
“ข้าเห็นเจ้าบอก ข้าเลยพูดตาม”
“เอาเถอะ ข้าขาดเงินน่ะ ถ้าเอาแค่เงินมันก็จบแค่นั้นสิ แต่ร้านน่ะไม่เหมือนกัน ขอเพียงเปิดร้านก็สามารถหาเงินได้ตลอด แบบนี้ก็มีเงินใช้ไม่จบไม่สิ้น” หยุนเสี่ยวลิ่วตอบอย่างได้ใจ
“ห้าร้านของข้าให้เจ้า ข้าไม่ต้องการเงิน จวนซื่อจื่อมีทุกอย่างอยู่แล้ว” เสี่ยวอันจื่อบอก
“เจ้านี่ใช้ได้นะ งั้นข้าไม่เกรงใจล่ะนะ” หนุนเสี่ยวลิ่วโอบไหล่เสี่ยวอันจื่อเร่งเดินทางต่อไป
ด้านหน้ามีช่องเขา นี่เป็นทางที่ต้องผ่าน ทหารและรถม้าทั้งหมดต้องไปทางนี้ โม่หลานที่เดิมกำลังชื่นชมกับกระบี่ดีเลื่องชื่อสีหน้าเย็นชาเฉียบพลัน
“ทุกคนหยุดเดี๋ยวนี้!” เสียงหนึ่งร้องดังขึ้น ทหารทุกคนไม่เข้าใจ หากรีบหยุดลง
โม่ฉือหานที่อยู่ในรถม้าก็ได้ยินเสียงเช่นกัน เขาเลิกผ้าม่านมองไปด้านนอก “เกิดเรื่องอะไรขึ้นรึ?”
องครักษ์ยังไม่ทันตอบ โม่หลานก็ขี่ม้าเข้ามาบอกว่า “หลีอ๋อง ด้านหน้าเป็นช่องเขา สถานที่นี้ดูจะไม่เป็นผลดีกับพวกเรา ข้ากลัวจะมีคนดักลอบซุ่มโจมตี พวกเราเปลี่ยนเส้นทางดีหรือไม่?”
พอโม่ฉือหานได้ยินดังนั้น รีบลงจากรถม้าทันที เหล่มองช่องเขาด้านหน้า จากประสบการณ์สู้ศึกหลายปีของเขามีความเป็นไปได้นี้อยู่จริงๆ แต่ตอนนี้โดนโม่หลานพูดออกมา และคิดถึงว่าเมื่อคืนนางเห็นตนในสภาพไม่น่าดู โม่ฉือหานสีหน้าทะมึนลงทันที
จะให้เหล่าทหารรู้สึกไม่ได้ว่า หลีอ๋องอย่างเขายังสู้สตรีผู้หนึ่งมิได้ เช่นนั้นต่อไปเขาจะนำทัพได้อย่างไร
“ตอนนี้แคว้นเป่ยลี่ภายในวุ่นวายนัก ตนเองยังเอาไม่รอด ไหนเลยจะมีใจกับกำลังพลออกมาลอบทำร้ายอีก โม่หลานเจ้าอย่ามาพูดจาเพ้อเจ้อที่นี่!” โม่ฉือหานแค่นเสียงเย็น
“โม่ฉือหานท่านจะประมาทไม่ได้นะ เป่ยหมิงฉี่หลบซ่อนมาหลายปี ต้องมีอำนาจซุกซ่อนไว้ไม่น้อยแน่ หากเขาอยากหลบซุมลอบทำร้ายพวกเรา ขัดขวางไม่ให้ไปโจมตีแคว้นเป่ยลี่ ก็มิใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้!” โม่หลานคัดค้าน
“หากเป่ยหมิงฉี่แข็งแกร่งปานนั้น มีหรือจะปล่อยให้ภายในแคว้นเป่ยลี่วุ่นวายแต่ทำอะไรไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้นมีกองทัพห้าหมื่นนายของหลีอ๋องโจมตี พวกเราคนมากขนาดนี้กลัวอะไรกัน”
“นี่ไม่ได้กลัว แต่ให้อย่าประมาท ทหารก็มีบ้านมีพ่อแม่ เกิดมีดักลอบโจมตีจริง คนบาดเจ็บล้มตายก็คือเหล่าทหาร!”
“สตรีก็คือสตรี สู้ศึกสงครามไหนเลยจะไม่มีผู้เสียสละหรือเสียเลือดเสียเนื้อกัน หากทำให้การเดินทางล่าช้าไป ข้าจะลงโทษเจ้าให้หนัก ทุกคนรีบออกเดินทาง ไปให้ถึงชายแดนแคว้นเป่ยลี่ให้เร็วที่สุด!” โม่ฉือหานออกคำสั่ง
ทหารคนอื่นก็รู้สึกว่าโม่หลานเป็นกระต่ายตื่นตูมไปเลย ยิ่งไปกว่านั้นทุกคนยังมีความไม่พอใจและไม่ยอมรับสตรีเช่นนางมาเป็นรองแม่ทัพอยู่บ้าง บัดนี้ได้ยินคำสั่งของหลีอ๋องแล้ว เหล่าทหารพากันก้าวเดินเข้าไปข้างใน
โม่หลานโกรธมาก “โม่ฉือหาน นี่ท่านกำลังเอาชีวิตเหล่าทหารมาล้อเล่นนะ”
“หากยังกล้าพูดจาเพ้อเจ้ออีก ทำลายขวัญกำลังใจกองทัพอีก ข้าจะลงโทษเจ้าให้หนัก!” โม่ฉือหานกลับขึ้นรถม้าทันที
“พี่หญิงโม่หลานอย่าทัดทานอีกเลย เขาฟังไม่เข้าหูหรอก” หยุนเสี่ยวลิ่วปลอบ
“งั้นพวกเราจะทำอย่างไรดี?” เสี่ยวอันจื่อถาม
หยุนเสี่ยวลิ่วเหล่มองช่องเขาด้านหน้า “พี่หญิงใหญ่เคยบอกไว้ หลีอ๋องน่ะเชื่อมั่นใจตัวเองเกินไป ให้พวกเราจัดการเรื่องตามหัวใจตนเองเลย ช่องเขาแบบนี้เหมาะสมกับการลอบซุ่มโจมตีที่สุด พี่หญิงโม่หลานเป็นห่วงได้ถูกต้องที่สุดแล้ว
พวกเรารออยู่ที่นี่ดีกว่า หากมีหลุมพรางจริงๆ หลี๋อ๋องก็จะหน้าแตกเอง เหล่าทหารก็จะรู้ว่าพวกเขาเชื่อใจคนผิด หากไม่มีหลุมพรางพวกเราค่อยตามไป จะได้ให้พวกเขาไปดูเส้นทางก่อนด้วย”
โม่หลานอดยกนิ้วโป้งขึ้นไม่ได้ “ไอ้หนูเจ้านี่ใช้ได้เลยนะ เจ้าเล่ห์จริงๆ”
“พี่หญิงใหญ่ข้าบอกไว้ ไม่ว่าเรื่องอะไรก็อย่าประมาท ไม่อย่างนั้นคงมิรู้เลยว่าตนตายได้ยังไง” หยุนเสี่ยวลิ่วตอบ
“คำพูดนี้ของหยุนถิงถึงจะไม่น่าฟัง แต่ก็ไม่ผิด พวกเรารอก่อนแล้วกัน”
หลีอ๋องนำกองทัพใหญ่เข้าไปในช่องเขา จวบจนทั้งขบวนเข้าไปหมดแล้ว ก็พบกับกับดักจริงๆ กลุ่มคนที่ดักซุ่มอยู่สองข้างทางช่องเขาโยนหินก้อนใหญ่ลงมาข้างล่าง อีกทั้งยิงธนูไฟ—-
เหล่าทหารพากันงงเป็นไก่ตาแตก เมื่อครู่พวกเขายังดูถูกโม่หลาน ไม่เชื่อในคำพูดนาง สุดท้ายเจอการซุ่มโจมตีจริงๆ
“ทุกคนรีบถอย เร็ว!” โม่ฉือหานร้องเสียงดัง ออกมาจากรถม้าทันที
เหล่าทหารมากมายโดนหินหล่นทับตาย โดนธนูเสียบอกตาย เสียงร้องโหยหวนสะท้านก้องฟ้า บาดเจ็บล้มตายไม่น้อย
“พวกเราควรจะฟังคำพูดคุณหนูโม่ ทุกคนรีบหนีเร็ว!” ทหารคนหนึ่งร้องเสียงดัง
ตอนนี้ทุกคนพากันเคียดแค้นหลีอ๋องนัก และเสียใจที่ไม่ฟังคำพูดโม่หลาน
“ทุกคนคุ้มครองท่านอ๋อง รีบถอย!” องครักษ์เหล่ยถิงรีบพุ่งเข้ามา
ทุกคนพากันคุ้มครองหลีอ๋องถอยร่น แต่พวกเขาตกอยู่ในสถานการณ์ที่เสียเปรียบ อีกอย่างที่นี่เป็นเขตภูเขาสูง พวกเขาถอยร่น คนที่ซุ่มอยู่ก็ยิงธนู นี่มันปิดประตูตีหมาชัดๆ ไม่มีช่องทางให้ตอบโต้เลย
พวกโม่หลานที่รออยู่ข้างนอกได้ยินเสียงร้องโหยหวนนี้ “แย่ละ พวกเขาโดนซุ่มโจมตีแล้วจริงๆ พวกเจ้าสองคนรออยู่ที่นี่นะ ข้าไปช่วยคนก่อน!” โม่หลานพูดจบคว้ากระบี่ใหญ่จะเข้าไป
“พี่หญิงโม่หลาน พวกข้าไปกับท่านด้วย ท่านอย่าดูถูกพวกเรานะ” หยุนเสี่ยวลิ่วบอก
“ก็ได้ ให้พวกเจ้ารออยู่นี่ข้าก็ไม่วางใจ ไปเร็ว!” โม่หลานไม่ได้พุ่งเข้าไปเลย แต่พวหยุนเสี่ยวลิ่วและเสี่ยวอันจื่อปีนขึ้นเขาข้างๆไป พุ่งไปที่สูง
นั่นไง ได้เห็นเหล่าคนที่ซุ่มอยู่ที่สูงสองข้างทางมากมายของช่องเขา
“กล้าซุ่มโจมตี หาเรื่องตาย!” โม่หลานตะคอกด้วยความโกรธ คว้ากระบี่ใหญ่ฟันเข้าไป
หยุนเสี่ยวลิ่วและเสี่ยวอันจื่อซ่อนตัวก่อนแล้ว มองดูพวกคนที่ซุ่มโจมตีแล้ว เป็นห่วงโม่หลานอย่างมาก
“เสี่ยวอันจื่อ ถึงเวลาที่พวกเราจะแสดงฝีมือแล้ว” หยุนเสี่ยวลิ่วบอก
“ตกลง”