จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 422 หวังว่าเขาจะเข้าใจความหวังดีของเจ้า
ทั้งสองคนควักอาวุธออกมาจากในอกเสื้อ หยุนเสี่ยวลิ่วผิวปาก เสี่ยวอันจื่อเป่าขลุ่ย
เสียงสองเสียงไม่ดัง บวกกับเสียงร้องโหยหวนของเหล่าทหารที่โดนโจตีสะท้อนก้องฟ้า เลยไม่มีใครสนใจทางนี้
ไม่นาน ปรากฏอินทรีทองห้าตัวขึ้นกลางอากาศ บินมาทางหยุนเสี่ยวลิ่ว “ท่านพี่อินทรีทอง ไปโจมตีพวกที่ซุ่มโจมตีเลย รบกวนด้วยนะ!”
เหล่าอินทรีทองฟังคำพูดหยุนเสี่ยวลิ่วออก พุ่งไปโจมตีพวกที่ซุ่มสองข้างทางช่องเขาทันที
เหล่าคนที่ซุ่มอยู่พอเห็นอินทรีทองที่ตัวสูงใหญ่เท่าคน พุ่งเข้าหาพวกเขาด้วยท่าทางดุร้าย ตกใจแทบตาย ลืมโจมตี รีบหนีเอาชีวิตรอดทันที
ส่วนบนพื้น งูพิษมากมายคืบคลานเข้าหาเหล่าคนที่ซุ่มโจมตีจากทั่วทุกสารทิศ
“งู งูพิษมากมายนัก ทุกคนรีบวิ่งเร็ว!” มีคนหนึ่งร้องขึ้น
คนอื่นๆพอเห็นงูพิษมากมายบนพื้น ตกใจจนหน้าซีดเผือดแล้ว รีบหลบหนีกันใหญ่
โม่หลานเห็นจู่ๆก็มีอินทรีทองกับงูพิษออกมา หันไปมองด้านหลังฉับพลัน เห็นเด็กสองคนกำลังเป่าอะไรบางอย่าง น่าประหลาดใจนัก
“พวกเจ้าสองคนนี่ช่วยได้มากเลยนะ!” โม่หลานชมเชย กระบี่ใหญ่ในมือตวัดไล่ฟันต่อไป
ส่วนเหล่าทหารที่อยู่ด้านล่างย่อมได้ยินความเคลื่อนไหวด้านบน พอเห็นอินทรีทองกลางอากาศก็พากันตกตะลึงยิ่งนัก
งูพิษมากมายคืบคลานมา ทุกคนตกใจแทบตาย แต่กลับเห็นงูพิษพวกนั้นไม่ได้โจมตีพวกเขา กลับเลื้อยคลานไปทางหน้าผา
และบนหน้าผานั่นก็มีคนหล่นลงมาเป็นระยะ ตกหน้าผาตายเอาดื้อๆ
ทุกคนยินดียิ่งนัก “ต้องเป็นคุณหนูโม่และคุณหนูหยุนมาช่วยพวกเราแน่ ดียิ่งนัก พวกเรารอดแล้ว ทุกคนรีบไปช่วยเร็ว”
เหล่าทหารถอยร่นไปพลาง พยายามหาหนทางปีนขึ้นไปจากก้อนหินด้านข้างไปพลาง โม่ฉือหานเองก็ไม่ทันระวังโดนธนูยิงเข้าที่แขนซ้าย เจ็บจนสีหน้าเผือดซีด มีเหล่ยถิงประคองหลบหนี
ตอนนี้โม่ฉือหานเองก็เสียใจยิ่งนัก เพราะตนเอาแต่ห่วงหน้าตาจนทำให้ทหารมากมายล้มตาย
เพราะว่าความช่วยเหลือของพวกโม่หลาน เหล่าทหารถอยร่นได้สำเร็จ เหล่าทหารที่ไม่ได้รับบาดเจ็บต่างพากันรีบปีนหน้าผาของภูเขาขึ้นไปช่วย
พอเห็นทุกอย่างด้านบน ทุกคนพากันตกตะลึง
โม่หลานถือกระบี่ใหญ่ไล่ฟันพวกที่ซุ่มโจมตีไม่หยุด นางฆ่าและก็ฆ่า บนชุดเกราะของนางเต็มไปด้วยรอยเลือดมากมาย แต่โม่หลานกลับไม่แยแสแม้แต่น้อย ยังคงฆ่าฟันศัตรูอย่างองอาจ ท่วงท่าสง่างามนัก
ทุกคนตื้นตันใจยิ่งนัก เมื่อครู่พวกเขายังดูถูกคุณหนูโม่ แต่ตอนนี้กลับได้นางมาช่วยเอาไว้ ทุกคนพากันอับอายขายหน้ายิ่งนัก
และเด็กสองคนด้านข้างนั้นกำลังเป่าอะไรบางอย่าง และได้เห็นอินทรีทองที่อยู่กลางอากาศและฝูงงูพิษที่พื้นพากันเข้าโจมตีคนพวกนั้นอย่างบ้าคลั่ง
“คงมิใช่เด็กสองคนนี้ควบคุมอินทรีทองกับฝูงงูหรอกนะ?” ทหารคนหนึ่งถามขึ้น
“ข้าเองก็เห็นเหมือนกัน พวกเรากำลังเป่าขลุ่ยและผิวปากน่ะ”
“สวรรค์ เด็กสองคนนี้เก่งกาจยิ่งนัก นี่ข้าสู้เด็กคนหนึ่งมิได้รึนี่”
“พวกเขามีฝีมือเช่นนี้ ต้องเป็นคุณหนูหยุนสั่งสอนมาแน่ ก่อนหน้านี้ข้ายังคิดว่าพวกเขาจะเป็นตัวถ่วง สุดท้ายพวกเขากลับมาช่วยพวกเราไว้เสียนี่”
“มีอินทรีทองและงูพิษช่วยเหลือ เรื่องที่ไปโจมตีแคว้นเป่ยลี่ต้องสำเร็จได้โดยง่ายแน่!”
วินาทีนี้ทุกคนพากับเลื่อมใสในตัวหยุนเสี่ยวลิ่วและเสี่ยวอันจื่อยิ่งนัก
โม่ฉือหานที่เร่งรีบมาเห็นภาพนี้เข้า สีหน้าเย็นชานั่นมีแววหม่นหมองลง
เขาไม่คิดเลยว่า หยุนถิงจะสอนฝีมือเช่นนี้ให้เด็กสองคน มิน่านางถึงได้วางใจให้หยุนเสี่ยวลิ่วและเสี่ยวอันจื่อติดตามกองทัพมาด้วย ตนมองพวกเขาพลาดไป
ในหมู่ซากศพที่กองอยู่บนพื้น มีคนหนึ่งแอบคลานขึ้นมา หยิบธนูข้างๆ เล็งและยิงไปที่หลีอ๋อง
“ท่านอ๋องระวัง!” เหล่ยถิงร้องเสียงดัง เข้าขวางหน้าโม่ฉือหานอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด
และกระบี่ใหญ่ในมือโม่หลานก็ตวัดฟันลงไป ตัดแขนและมือที่กำลังจะยิงธนูขาดเป็นสองท่อนทันที
“อ๊าก!” คนผู้นั้นร้องโหยหวน เจ็บปวดแทบแดดิ้น
“สารเลว ยังไม่ตายแล้วมีหน้ามาลอบทำร้ายอีก ข้าจะฟันเจ้าให้เละเลย!” โม่หลานตะคอกเสียงดัง ตวัดกระบี่ใหญ่ฟันคอคนผู้นั้นขาดกระเด็น
หัวที่เลือดไหลโทรมกลิ้งไปหลายเมตรถึงหยุดลง สองตาเบิกโพลง ตายตาไม่หลับ
เหล่าทหารเหล่านั้นเห็นภาพนี้ต่างพากันตกใจ
“คุณหนูโม่องอาจไปหน่อยกระมัง!” ทหารคนหนึ่งพูดขึ้น
“เมื่อครู่นางพึ่งช่วยชีวิตท่านอ๋องไปนะ!”
เหล่าคนที่ซุ่มโจมตีคนอื่นมีทั้งล้มตายและได้รับบาดเจ็บ ที่เหลือรอดก็กัดลิ้นฆ่าตัวตายแล้ว ทุกคนพากันจัดการสถานที่
“คุณหนูโม่ หยุนเสี่ยวลิ่ว เสี่ยวอันจื่อ ขอบคุณพวกเจ้ามากนะที่ช่วยพวกเราไว้ ครั้งนี้รอดมาได้เพราะพวกเจ้าแท้ๆเลย” เหล่าทหารพากันเดินเข้าไป ต่างซาบซึ้งใจยิ่งนัก
“เมื่อครู่พวกเรายังไม่เชื่อคุณหนูโม่ สุดท้ายก็โดนดักซุ่มโจมตีจริงๆ ต่างบาดเจ็บล้มตายไปไม่น้อย ต้องโทษที่พวกเราประมาทเกินไป”
“ต่อไปข้าจะเชื่อฟังเพียงคุณหนูโม่เท่านั้น”
“พวกเจ้าสองคนก็เก่งมากนะ สามารถควบคุมอินทรีทองกับฝูงงูได้ เก่งมากจริงๆ”
พวกโม่หลานสามคนถูกทุกคนห้อมล้อม เลื่อมใส พวกเขาต่างรู้สึกว่าความรู้สึกนี้ไม่เลวเลย
สีหน้าโม่ฉือหานกระดากอายนัก จะเดินเข้าไป “ท่านอ๋อง ข้าน้อยช่วยทำแผลให้ท่านเถอะ แขนของท่านยังเลือดไหลไม่หยุดเลย” องครักษ์เหล่ยถิงพูดขึ้น
โม่ฉือหานเหล่มองโม่หลานที่ห่างไปหลายเมตร ลังเลเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้า “ได้”
ทางนี้หยุนเสี่ยวลิ่วกับเสี่ยวอันจื่อทำแผลให้ทุกคน ทุกคนพากันซาบซึ้งใจนัก ต่างพากันล้อมรอบพวกเขาถามเรื่องอินทรีทองกับงูพิษ
“ฝีมือเหล่านี้พี่หญิงใหญ่เป็นคนสอนพวกเราทั้งนั้น พี่หญิงใหญ่ข้าคือหยุนถิง นางมีความรู้มากนัก นางบอกว่าให้พวกเราเอามาใช้ป้องกันตัวเอง พี่หญิงใหญ่ข้าต่างหากที่เก่งกาจจริงๆ—-“ หยุนเสี่ยวลิ่วพูดถึงหยุนถิง ด้วยอาการภูมิใจหนักหนา
ทุกคนฟังแล้วอิจฉานัก เสี่ยวอันจื่อเองก็มีสีหน้าเลื่อมใสเช่นกัน
ดวงตาดำขลับของโม่ฉือหานมีแววหม่นหมองวาบผ่าน หยุนถิงที่เขาดูถูกเหยียดหยามมาตลอด วันนี้ตนและเหล่าทหารรอดมาได้เพราะนาง หัวใจของโม่ฉือหานสับสนหลากหลายความรู้สึกยิ่งนัก
……..
อีกด้านหนึ่ง หยุนถิงกับจวินหย่วนโยวเร่งรีบเดินทางต่อ หยุนถิงที่หลับอยู่พลันฝันว่า ตัวหยุนเสี่ยวลิ่วเต็มไปด้วยเลือด ทำเอาเธอตกใจสะดุ้งตื่น
“ทำไมรึ ฝันร้ายรึ?” จวินหย่วนโยวถามอย่างเป็นห่วง หยิบผ้ามาช่วยเช็ดเหงื่อที่ขมับของหยุนถิง
“ซื่อจื่อ เมื่อครู่ข้าฝันว่าเสี่ยวลิ่วได้รับบาดเจ็บ สาหัสมาก ทั้งตัวเต็มไปด้วยเลือด” หยุนถิงตอบ
“เด็กโง่ ความฝันน่ะมักจะเป็นตรงกันข้ามเสมอ เมื่อครู่องครักษ์ลับพึ่งมารายงานว่า ตอนพวกหลีอ๋องเข้าไปในช่องเขาโดนซุ่มโจมตี สุดท้ายคือโม่หลานพาเด็กสองคนช่วยพวกเขาออกมา หยุนเสี่ยวลิ่วปลอดภัยทุกอย่างเลย” จวินหย่วนโยวอธิบาย
หยุนถิงถึงถอนหายใจโล่งอก “งั้นก็ดีแล้ว”
“ให้ข้าส่งคนไปรับหยุนเสี่ยวลิ่วกลับมาดีหรือไม่?”
“ไม่ต้อง พวกเขารู้ว่าอะไรควรมิควร ถึงหยุนเสี่ยวลิ่วจะอายุยังน้อย แต่มีความคิดมากนัก คิดซะว่าฝึกฝนเขาแล้วกัน ไม่ผ่านลมฝนพายุแล้วจะเจอสายรุ้งได้อย่างไรกัน” หยุนถิงถอนหายใจยาว
“หวังว่าพวกเขาจะเข้าใจความหวังดีของเจ้านะ”
“ซื่อจื่อ ด้านหน้าเป็นป่าแอปริคอต ข้าน้อยเห็นว่าแอปริคอตบนต้นไม่เลวเลย ไปเด็ดมาให้ซื่อจื่อเฟยสักหน่อยดีหรือไม่?” หลงเอ้อร์ที่อยู่ด้านนอกรถม้าสอบถาม