จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 428 ซื่อจื่อ ท่านรู้ชาติกำเนิดของเด็กคนนี้
ในที่สุดเขาก็มีลูกเป็นของตัวเองแล้ว เหมือนกับคนอื่น ได้ยินลูกเรียกเขาว่าพ่อ พอคิดถึงภาพนี้จวินหย่วนโยวเต็มไปด้วยแววรอคอย
ตั้งชื่ออะไรดีนะ ไว้เขาต้องคิดให้ดีๆ นี่เป็นลูกคนแรกของเขากับถิงเอ๋อร์
เทียบกับบรรยากาศอบอุ่นในห้อง คนอื่นด้านนอกต่างพากันยินดีปรีดานัก ซื่อจื่อและซื่อจื่อเฟยกลับมาแล้ว นี่เป็นเรื่องน่ายินดียิ่งนัก ทั้งจวนซื่อจื่อครึกครื้นยิ่งนัก
นอนหลับไปครั้งนี้หยุนถิงหลับยาวจนตื่นขึ้นมากลางดึก จวินหย่วนโยวดูแลให้นางได้กินอะไรสักหน่อย จากนั้นทั้งสองก็นอนหลับต่อ
เช้าวันต่อมา เสียงเอะอะประหนึ่งตีฆ้องร้องป่าวดังขึ้น
พอพ่อบ้านได้ยินก็หน้าทะมึนทันที รีบให้คนไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น
ไม่นาน องครักษ์กลับมารายงาน “หลู่หวางเฟยท้องแล้ว หลู่อ๋องให้คนตีฆ้องร้องป่าวตะโกนเสียงดังไปทั่วทุกถนน ในที่สุดท่านอ๋องเช่นเขาก็ยืดอกภูมิใจได้แล้ว”
พ่อบ้านถึงบางอ้อ “อย่างนี้นี่เอง หลู่หวางเฟยไม่ท้องเลยหลายปี ตอนนี้มาท้องแล้ว ดูท่าหลู่อ๋องคงจะต้องโอ้อวดสักยกล่ะ”
หลู่อ๋องที่กำลังยิ้มกริ่มอยู่หน้าประตู และสั่งให้คนแหกปากตะโกนเต็มขั้น สุดท้ายเห็นพ่อบ้านของจวนซื่อจื่อออกมา “หยุดเดี๋ยวนี้ ซื่อจื่อเฟยของเรากำลังพักผ่อน หากทำนางตื่น พวกเจ้ารับผลไม่ไหวดอก!”
หลู่อ๋องที่อยู่บนรถม้าได้ยินคำนี้ รีบให้ทุกคนหยุดมือทันที และยังไล่คนไปหมดด้วย
“พ่อบ้านเข้าใจผิดแล้ว ข้าแค่มาแจ้งข่าวดีกับซื่อจื่อเฟยเท่านั้น ตั้งใจมาขอบคุณซื่อจื่อเฟยเลย!” หลู่อ๋องรีบอธิบาย
พ่อบ้านเดินออกมา “ข้าน้อยคารวะหลู่อ๋อง แต่ซื่อจื่อและซื่อจื่อเฟยของเรายังพักผ่อนอยู่ เชิญหลู่อ๋องกับหลู่หวางเฟยกลับไปก่อน ไว้ซื่อจื่อเฟยของเราตื่นแล้ว ข้าจะส่งคนไปแจ้ง”
“ข้าคิดไม่รอบคอบเอง ข้าเลินเล่อเอง ข้าจะกลับเดี๋ยวนี้” หลู่อ๋องไปอย่างง่ายดาย
เพราะหยุนถิง หลู่หวางเฟยถึงท้อง ถึงทำให้เขาเงยหน้ายืดอกได้ บัดนี้หลู่อ๋องถือหยุนถิงเป็นผู้มีพระคุณ ย่อมไม่กล้าละเลย
หน้าประตูจวนซื่อจื่อกลับสู่ความสงบอีกครั้ง พ่อบ้านกำชับองครักษ์เป็นพิเศษ หากใครกล้ามาทำโหวกเหวกโวยวายอีก ไล่ไปเลย
จวบจนเที่ยงหยุนถิงกับจวินหย่วนโยวถึงตื่น พอเธอตื่นก็ได้ยินซูหลินเล่าเรื่องหลู่หวางเฟย
“ไม่คิดเลยจริงๆว่า หลู่หวางเฟยจะท้องเร็วขนาดนี้” หยุนถิงดีใจมาก
“ใช่เจ้าค่ะ ทั่วทั้งเมืองหลวงต่างรู้กันทั่วแล้วว่าหลู่หวางเฟยตั้งท้อง หลู่อ๋องให้คนตีฆ้องร้องป่าวทั่วทุกถนน” ซูหลินตอบ
หยุนถิงควักขวดยาออกมาจากอกเสื้อ นี่เป็นยาบำรุงครรภ์ที่เธอทำให้ตัวเอง ยังไงซะเธอก๊อปปี้ในมิติไว้เยอะมาก “ให้คนนำสิ่งนี้ไปให้หลู่หวางเฟย กินหนึ่งเม็ดทุกๆห้าวันก็ได้แล้ว”
“เจ้าค่ะ!”
“คุณหนูใหญ่ เด็กคนนั้นฟื้นแล้ว เขาบอกว่าอยากพบท่าน บอกข้าหลายครั้งแล้ว ก่อนหน้านี้ข้าเห็นท่านเร่งรีบเดินทาง กลัวท่านเหน็ดเหนื่อยเกินไปเลยไม่ได้บอก” ซูหลินบอก
หยุนถิงนึกถึงเด็กที่เลือดโทรมกายคนที่เธอช่วยไว้ในป่าขึ้นมาได้ “ดี ให้เขามาพบข้าละกัน”
จวินหย่วนโยวยกพลัมถาดหนึ่งเข้ามา “พ่อบ้านให้คนซื้อสิ่งนี้มา ข้าชิมดูแล้ว รสชาติเปรี้ยวอมหวานชุ่มคอ เลยตั้งใจยกมาให้เจ้าลองชิมดู”
“ขอบคุณซื่อจื่อ”
ซูหลินพาเด็กคนนั้นเข้ามา พอเด็กคนนั้นเห็นหยุนถิงกับจวินหย่วนโยวก็คุกเข่าโขกศีรษะให้ทันที “ขอบคุณพวกท่านที่ช่วยข้าไว้ พวกท่านเป็นผู้มีพระคุณของข้า ข้าจะเป็นวัวเป็นควายตอบแทนพวกท่าน”
“เล่าเรื่องของเจ้ามาเถอะ” หยุนถิงถาม
“ขอร้องพวกท่านอย่าส่งข้ากลับไป คนพวกนั้นต้องฆ่าข้าแน่”
“ใครจะฆ่าเจ้า?”
“ข้าเองก็ไม่รู้ ข้าใช้ชีวิตอยู่ในเรือนนอกกับป้าจ้าวมาตลอด ปกติก็มีคนรับใช้อยู่ด้วยกันไม่กี่คน วันหนึ่งก็มีคนหนึ่งมาหา บอกให้ป้าจ้าวรีบพาข้าหนี คนผู้นั้นไม่ได้พูดชัดเจนว่ามันเกิดอะไรขึ้น จากนั้นก็มีคนกลุ่มใหญ่มาตามล่าข้า
ทุกคนพยายามคุ้มกันให้ข้าหลบหนี ป้าจ้าวก็ถูกฆ่าตายเพราะปกป้องข้า ต่อมาข้าหมดหนทางหนี โดนพวกเขาไล่ต้อนจนถึงหน้าผา ข้าคิดว่ากระโดดหน้าผาอาจจะมีหนทางรอดบ้าง แต่ถ้าโดนจับตัวได้ต้องโดนฆ่าแน่ ข้าเลยกระโดดหน้าผาเลย
ไม่คิดว่าข้าจะดวงแข็งขนาดนี้ ได้เจอพวกท่าน ถูกพวกท่านช่วยไว้ ข้าเลยรอดมาได้ แต่พวกป้าจ้าวกับอาจกลับถูกฆ่า ข้าจะต้องล้างแค้นให้พวกเขาแน่!” ใบหน้าน้อยที่เดิมเย็นชาเต็มไปด้วยความตึงเครียดและเย็นเยียบ
หยุนถิงขมวดคิ้ว มองเขาพลางถาม “เจ้าชื่ออะไร?”
“จิ่งไป๋ ทุกคนล้วนเรียกข้าว่าเสี่ยวไป๋”
คิ้วงามได้รูปของจวินหย่วนโยวพลันขมวดมุ่น เหล่มองใบหน้าเด็กคนนี้ ไมได้พูดอะไร
“อยากล้างแค้นต้องทำให้ตนเองแข็งแกร่งขึ้นก่อน ไม่เช่นนั้นมีแต่จะโดนศัตรูฆ่าเสียมากกว่า” หยุนถิงแค่นเสียงเย็น
จิ่งไป๋สีหน้าตึงเครียด “ไม่ว่าจะลำบากหรือเหน็ดเหนื่อยแค่ไหนข้าก็ไม่กลัว ซื่อจื่อเฟยขอร้องท่านรับข้าไว้ด้วย ข้าจะต้องล้างแค้นให้ครอบครัวข้าให้ได้ ขอเพียงทำให้ข้าล้างแค้นได้ ข้าจะจงรักภักดีต่อท่านชั่วชีวิต!”
หยุนถิงเห็นดวงตากลมโตเหมือนองุ่นดำมั่นคงแน่วแน่ และยังมีความเจ็บปวดหนักอึ้งอยู่ด้วย ดูออกว่าเด็กคนนี้ตัดสินใจแน่วแน่แล้ว
มีแต่ผ่านความเป็นความตายมา ถึงรู้ว่าการมีชีวิตอยู่มันยากขนาดไหน เขามีความคิดแบบนี้ก็สมเหตุสมผลอยู่
“ข้ารับเจ้าไว้ได้ และให้คนสอนวิชาเจ้าได้ด้วย แต่จะล้างแค้นได้หรือไม่ต้องดูตัวเจ้าเอง”
จิ่งไป๋ดีใจนัก โขกศีรษะอีกครั้ง “ขอบคุณซื่อจื่อเฟยมาก ข้าจะพยายามร่ำเรียนอย่างสุดความสามารถแน่นอน”
“ซูหลินพาเขาออกไปเถอะ”
“เจ้าค่ะ”
ในห้องที่กว้างใหญ่ เหลือเพียงจวินหย่วนโยวกับหยุนถิงสองคน
“ซื่อจื่อ ท่านรู้ชาติกำเนิดของเด็กคนนี้รึ?” หยุนถิงถาม เมื่อครู่ถึงซื่อจื่อจะแค่ขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่หยุนถิงก็เห็นมันชัดเจน
“หากข้าเดาไม่ผิด เขาน่าจะเป็นตระกูลจิ่งที่เป็นหนึ่งในแปดตระกูลใหญ่ แปดตระกูลใหญ่ที่ว่าได้ถูกคัดเลือกออกมาจากทั้งสี่แคว้น หากแปดตระกูลใหญ่รวมตัวกันจะมีอำนาจมากกว่าราชวงศ์ของสี่แคว้นเสียอีก
ทุกตระกูลจะมีจุดสำคัญที่ตระกูลตนควมคุมไว้ และตระกูลจิ่งก็คือราชตระกูลอันดับหนึ่งของแคว้นชางเยว่ ทำหน้าควบคุมดูแลเศรษฐกิจสำคัญของทั้งแคว้นชางเยว่ บุตรสาวภรรยาเอกของตระกูลจิ่งคือสนมคนโปรดของแคว้นชางเยว่
แต่เจ้าหนูนี่กลับเป็นเด็กที่ถูกเลี้ยงดูในเรือนนอก และยังโดนลอบฆ่า ดูท่าตระกูลจิ่งหรือแปดตระกูลใหญ่จะเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่แน่ เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กเลย” จวินหย่วนโยวพูดสิ่งที่ตนรู้ออกมา
หยุนถิงขมวดคิ้วมุ่น “ซื่อจื่อ ข้ารับเด็กคนนี้ไว้โดยพลการ จะนำอันตรายมาสู่จวนซื่อจื่อหรือไม่ ไล่เขาไปดีไหม?”
“มิเป็นไร เจ้าอยากทำอะไรก็ทำเถิด ต่อให้ฟ้าถล่มลงมามีข้าอยู่นะ ไม่ต้องเป็นห่วง ถึงตระกูลจิ่งจะเป็นแปดตระกูลใหญ่ แต่กำลังหลักอยู่ที่แคว้นชางเยว่ ถึงอีกสามแคว้นจะมีด้วย แต่แคว้นต้าเยียนเป็นถิ่นของข้า มิใช่ที่ที่ให้ผู้ใดมาบังอาจได้!” จวินหย่วนโยวพูดอย่างองอาจ
“ขอบคุณซื่อจื่อ” หยุนถิงรู้ว่าจวินหย่วนโยวเป็นห่วงตน แต่เธอจะทำให้ซื่อจื่อลำบากไม่ได้
“ไปเถอะ ไปกินอาหารกัน” จวินหย่วนโยวจูงมือหยุนถิง
“ตกลง”
อาหารมื้อหนึ่งจวินหย่วนโยวดูแลด้วยตัวเองจนนางกินเสร็จ จากนั้นก็พานางไปเดินเล่นในสวน แล้วถึงกลับห้อง
ระยะนี้หยุนถิงง่วงนอนบ่อยจริงๆ จวินหย่วนโยวคอยอยู่เป็นเพื่อนนาง พอนอนทีก็ปาไปดึกดืนค่อนคืน
ระหว่างที่หยุนถิงตื่นขึ้นมาดื่มน้ำ พลันได้ยินเสียงขลุ่ยสั้น สีหน้าหยุนถิงเย็นชาลงทันที “แย่ล่ะ เกิดเรื่องขึ้นกับชางหลันเย่แล้ว”