จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 429 ทำไมข้าไม่เคยเห็นเจ้าใส่ใจข้าเพียงนี้เลย
จวินหย่วนโยวสีหน้าเย็นชา “เจ้ารู้ได้อย่างไรกัน?”
“เสียงขลุ่ยนี้ข้าเคยได้ยินเขาเป่ามาก่อน มันเป็นสัญญาณลับระหว่างเรา นอกจากว่าเขาจะมีอันตรายและไม่อาจช่วยตัวเองได้ถึงจะใช้” หยุนถิงตอบ
สีหน้าจวินหย่วนโยวราวกับฉาบด้วยน้ำแข็งทันที “เจ้าสองคนมีสัญญาณลับต่อกันด้วย?”
เขาไม่รู้เลย น่าตายนัก
หยุนถิงรู้สึกถึงความเดือดดาลและเคืองโกรธของซื่อจื่อได้ทันที รีบอธิบาย “ซื่อจื่อ ท่านอย่าเข้าใจผิดนะ ข้าแค่เห็นว่าชางหลันเย่น่าสงสารไง ดังนั้นเลยบอกเขาว่า หากวันหน้ามีอันตราย ให้มาหาข้าได้
ถึงเขาจะเป็นไท่จื่อ แต่กลับได้รับการดูแลอย่างมิดีเลยที่แคว้นต้าเยียน โดนนางกำนัลขันทีรังแกอย่างน่าสงสาร อีกอย่าง เขาสามารถอดทนอดกลั้นมีชีวิตรอดจนถึงตอนนี้ได้ เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่คนธรรมดา มีเพื่อนเพิ่มก็เท่ากับมีหนทางเพิ่มนะ”
“ทำไมข้าไม่เคยเห็นเจ้าใส่ใจข้าเพียงนี้เลย?” จวินหย่วนโยวถามเสียงเย็น
“ซื่อจื่อ ท่านปรักปรำข้าแล้วนะ ในใจข้าน่ะท่านเป็นหนึ่งเดียวไม่มีใครเทียบได้ สำคัญมาก ข้าใส่ใจท่านมากที่สุด รักท่านมากที่สุด”
สีหน้าเย็นเยียบของจวินหย่วนโยวถึงคลายลง “ต่อไปหากเจ้าจะพบเขา ข้าต้องอยู่ด้วย”
“ตกลง”
จวินหย่วนโยวถึงให้องครักษ์เงามังกรปล่อยคนเข้ามา องครักษ์ลับคนหนึ่งพูดอย่างนอบน้อมว่า “ขอร้องคุณหนูหยุนช่วยไท่จื่อของเราด้วย”
“ชางหลันเย่เป็นอย่างไรบ้าง?” หยุนถิงสีหน้าเคร่งเครียด
“ไท่จื่อของเราถูกพิษ คืนนี้จู่ๆก็กระอักเลือดสีดำออกมา สั่นกระตุกไปทั้งตัว เจว๋เฟิงช่วยตรวจให้แล้ว แต่กลับดูไม่ออกว่าเป็นพิษอะไร อาการไท่จื่อคับขันมาก ขอคุณหนูหยุนได้โปรดช่วยเขาด้วย” องครักษ์ลับตอบ
“ข้าจะไปกับเจ้า” หยุนถิงลุกขึ้นจะไป แต่กลับโดนจวินหย่วนโยวคว้าแขนไว้
“เจ้าเป็นอย่างนี้แล้ว ยังจะกล้าออกไปตะลอนอีก”
“ซื่อจื่อ สถานการณ์ชางหลันเย่คับขันมาก ข้าต้องไปสักครั้ง ท่านส่งข้าไปนะ แบบนี้ก็ไม่ต้องเป็นห่วงข้าแล้วไง” หยุนถิงปลอบ
จวินหย่วนโยวรู้นิสัยหยุนถิงอยู่แล้ว “ส่งคนมาที่จวนซื่อจื่อ ไม่งั้นไม่ต้องพูดกัน!”
“ขอบคุณซื่อจื่อ ซื่อจื่อของข้าดีที่สุดเลย” หยุนถิงหันไปจุ๊บแก้มจวินหย่วนโยว
“ขอบคุณจวินซื่อจื่อ” องครักษ์ลับพุ่งออกไปทันที
ไม่นาน องครักษ์ลับแบกคนหนึ่งขึ้นหลังเข้ามา มีเจว๋เฟิงตามมาด้วย “คุณหนูหยุน อาการไท่จื่อของเราอันตรายนัก ดังนั้นข้าเลยตัดสินใจพาเขามารออยู่ด้านนอกจวนซื่อจื่อก่อนแล้วโดยพลการ”
“รีบวางเขาลงเร็ว” หยุนถิงรีบตรวจอาการ
จวินหย่วนโยวมองดูชางหลันเย่ที่นอนอยู่บนเตียงตนเองด้วยใบหน้าซีดเผือด มุมปากมีคราบเลือด คิ้วเขาขมวดมุ่น แต่มิปริปากพูดอะไร
หยุนถิงรีบจับชีพจรเขา ตรวจอาการ รักษา และสอบถามอาการของชางหลันเย่อีก
จากนั้นหยุนถิงใช้เข็มเงินสกัดจุดของชางหลันเย่เอาไว้ พอเห็นแผงอกของชางหลันเย่ดำเป็นแถบ หยุนถิงหยิบมีดสั้นมากรีดแผลหนึ่งที่ฝ่ามือชางหลันเย่ จากนั้นใช้หลอดแก้วรองเลือดออกมาหน่อย
ตอนเจว๋เฟิงเห็นของหน้าตาประหลาดของหยุนถิง ก็มองตะลึงตาค้างไปเลย
“อย่ามัวอึ้งสิ เข้ามาช่วยหน่อย” หยุนถิงร้องบอก
เจว๋เฟิงขึ้นหน้าทันที ตามวิธีการพูดของหยุนถิงที่บอกว่าใช้กล้องจุลทรรศน์สังเกตการเปลี่ยนแปลง การกรอง การกลั่น การทดลองของเลือด——
จวินหย่วนโยวมองดูอย่างสงบ ไม่ได้ส่งเสียงรบกวน มองเห็นขมับของหยุนถิงเริ่มมีเหงื่อเม็ดเล็กๆขึ้นมา จวินหย่วนโยวหยิบผ้ามาช่วยเช็ดให้นาง
หยุนถิงสบตากับจวินหย่วนโยว รู้ใจกัน หยุนถิงตรวจเลือดชางหลันเย่ต่อไป
เวลาค่อยๆผ่านไป เจว๋เฟิงตื่นเต้นยิ่งนัก แต่ไม่กล้าส่งเสียงรบกวน จนเลือดสีดำในหลอดที่สามค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีแดง หยุนถิงถึงถอนหายใจโล่งอก
ชางหลันเย่ที่สลบอยู่พลันสั่นกระตุกขึ้นมา เสียงร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวดออกมาจากปากเขา
เจว๋เฟิงกับองครักษ์ลับรีบกดเขาไว้ “ไท่จื่อ ไท่จื่อท่านเป็นอย่างไรบ้าง?”
“รีบให้เขาดื่มนี่ลงไป!” หยุนถิงยื่นหลอดแก้วอันหนึ่งให้
เจว๋เฟิงไม่รอช้า รับมากรอกใส่ปากชางหลันเย่ลงไป
หยุนถิงยื่นมาให้อีกสองอัน หนึ่งคือยาถอนพิษ อีกอันคือสารอาหารเหลว ล้วนให้เจว๋เฟิงกรอกปากเขาลงไป
“เจ้าเองก็พักผ่อนก่อน อย่าให้ตนเองเหนื่อย” จวินหย่วนโยวบอกอย่างกังวล
“ได้”
หลงเอ้อร์ที่ยืนเฝ้าอยู่หน้าประตูตลอด รีบยกเก้าอี้เข้ามาอย่างรู้งาน หยุนถิงนั่งลง
เมื่อก่อนไม่เคยรู้สึกว่าไม่มีแรงเลย เมื่อครู่ตื่นเต้นกับวิจัยเลือดพิษมากเกินไป ตอนนี้หยุนถิงก็รู้สึกเหนื่อยแล้ว เลยเอนหัวพิงร่างจวินหย่วนโยว
“ซื่อจื่อเฟย ท่านจะกินหน่อยหรือไม่?” รั่วจิ่งยกขนมและผลไม้เข้ามา
หยุนถิงค่อนข้างแปลกใจ หมอนี่เอาใจใส่ขนาดนี้ “ขอบใจมาก!” พูดพลางยกขนมใส่ปาก
เจว๋เฟิงช่วยจับชีพจรชางหลันเย่เป็นระยะ ตรวจดูอาการ พบว่าเขาอาการดีขึ้นแล้ว หายใจสะดวกแล้ว ขอบคุณออกมาทันที “ขอบคุณคุณหนูหยุนที่ช่วยชีวิต ข้ากับไท่จื่อขอบคุณท่านยิ่งนัก”
“ไม่ต้องเกรงใจ คืนนี้เจ้าเฝ้าเขาไว้นะ หากมีอาการอะไรหรืออย่างอื่น รีบบอกข้าทันที” หยุนถิงกำชับ
“ไปเถอะ เจ้าควรจะพักผ่อนได้แล้ว” จวินหย่วนโยวบอก อุ้มหยุนถิงหมุนตัวจากไปทันที
เจว๋เฟิงเคยได้ยินว่าจวินซื่อจื่อรักใคร่ฮูหยินมาก แต่ไม่คิดว่าจะมากขนาดนี้ เมื่อครู่สีหน้าคุณหนูหยุนซีดเล็กน้อย ดูจะอ่อนเพลียอยู่บ้าง ตอนนี้เจว๋เฟิงซาบซึ้งใจยิ่งนัก
หากมิใช่คุณหนูหยุนยื่นมือให้ช่วย ไท่จื่อคงไม่รอดแน่ ขนาดเขายังดูไม่ออกว่าไท่จื่อโดนพิษอะไร แต่คุณหนูหยุนกลับรู้
จวินหย่วนโยวพาหยุนถิงไปพักที่ห้องข้างๆ ไม่นานหยุนถิงก็นอนหลับแล้ว มือที่กอดนางยิ่งแน่นขึ้น
นังหนูนี่ชอบทำเพื่อคนอื่นโดยไม่สนใจอะไรเสมอ เมื่อไหร่นางจะรู้จักรักตัวเองขึ้นหน่อยนะ
เช้าวันต่อมา ชางหลันเย่ก็ฟื้น ได้ยินเจว๋เฟิงบอกว่าเมื่อคืนหยุนถิงช่วยเขาไว้ ชางหลันเย่ซาบซึ้งใจนัก
สมเป็นหยุนถิง ฝีมือการแพทย์ของนางเลิศนัก เจว๋เฟิงยังหมดหนทาง แต่นางกลับช่วยชีวิตตนไว้
เดิมคิดว่าหยุนถิงจะหลับนาน สุดท้ายชางหลันเย่ได้เห็นหยุนถิงกับจวินหย่วนโยวเดินออกมาจากห้องข้างๆ จวินหย่วนโยวอุ้มหยุนถิงออกมา
ชางหลันเย่ขมวดคิ้วเล็กน้อย กำหมัดคารวะทันที “บุญคุณที่ช่วยชีวิตตอบแทนได้ยาก วันหน้าหากต้องการข้าเมื่อใด บอกมาได้เลย ข้าจะมิรีรอแน่”
หยุนถิงยิ้มบางๆ “พวกเราเป็นเพื่อนกัน เรื่องสมควรอยู่แล้ว ทำไมจู่ๆเจ้าก็โดนพิษได้ล่ะ?”
“เดือนหน้าเป็นวันเกิดของเสด็จแม่ข้า น่ากลัวว่าจะมีคนที่แคว้นชางเยว่ไม่อยากให้ข้ากลับไป” ชางหลันเย่บอก
โดนพิษตอนไหนไม่โดน มาโดนในตอนที่อีกเดือนเดียวจะจะสิ้นสุดสภาพเป็นตัวประกันสิบปีนี่ ดูจะบังเอิญไปเสียหน่อย
“ต่อมาเจ้าคิดจะทำยังไงต่อไป?” หยุนถิงหาวหวอดๆพลางถาม
ดวงตาคมปลาบของชางหลันเย่มีประกายเย็นเยียบวาบผ่าน “ชีวิตในการเป็นตัวประกันสิบปี ข้าใช้ชีวิตแย่เสียยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉาน บัดนี้จะถึงกำหนดแล้ว ข้าต้องกลับไปแน่”
“ไท่จื่อ ระหว่างทางที่กลับไปต้องมีหลุมพรางมากมายแน่ ทางนี้ต้องอันตรายยิ่งนักแน่” เจว๋เฟิงถอนหายใจยาว
“ต่อให้อันตราย ข้าก็ต้องกลับไป ร่างกายเสด็จแม่ไม่ดีมาตลอด ข้าจะกลับไปดูนางสักหน่อย” ชางหลันเย่คิ้วขมวดมุ่น
เขามีหรือจะไม่รู้ว่า ตนกลับไปเท่ากับเป็นอันตรายต่อฐานะและตำแหน่งของท่านอ๋ององค์ชายหลายคน ย่อมต้องเป็นหนามยอกอกในสายตาทุกคนอยู่แล้ว
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เช่นนั้นเจ้าก็เลยตามเลย” หยุนถิงยิ้มละไม พูดกับชางหลันเย่เล็กน้อย