จอมนางข้ามภิภพ – บทที่ 437 ถ้าอย่างไรท่านใช้กลสาวงามยั่วยวนเขาดีหรือไม่

จอมนางข้ามภิภพ

จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 437 ถ้าอย่างไรท่านใช้กลสาวงามยั่วยวนเขาดีหรือไม่

หยุนถิงเองก็สงสัยเหมือนกัน เดินเข้ามาทันที “องค์หญิงหนานชวนคือใคร?”

พอจวินหย่วนโยวเห็นหยุนถิง ใบหน้าเย็นชาดุจภูเขาน้ำแข็งพลันละลายลง มีแววรักใคร่ยิ้มบาง “องค์หญิงหนานชวนคือเจ้าเมืองเมืองเยว่ เพราะว่านางมีความชอบด้านอารักขา และยังสงบศึกสงครามไปด้วย ดังนั้นฝ่าบาทเลยแต่งตั้งนางเป็นองค์หญิงโดยเฉพาะ

เมื่อก่อนตอนข้ากับฟู่อี้เฉินไปแดนใต้ด้วยกัน แวะผ่านไปพักค้างแรมที่เมืองเยว่พอดี สุดท้ายองค์หญิงหนานชวนชอบพอฟู่อี้เฉิน ทั้งสองคนได้แตะเนื้อต้องตัวกันแล้ว และยังบอกว่าชาตินี้จะแต่งงานกับเขาเท่านั้น”

ฟู่อี้เฉินที่อยู่ข้างๆหน้าดำทะมึน เขากัดเขี้ยวเคี้ยวฟันบอก “จวินหย่วนโยวเจ้ายังกล้าพูดนะ เดิมองค์หญิงหนานชวนนั่นน่ะชอบพอเจ้าต่างหาก และอยากปีนขึ้นเตียงเจ้ากลางดึก สุดท้ายเจ้าดันมอมยาข้าจนสลบ และโยนข้าเข้าไปในห้องเจ้าแทน

หนานชวนคิดว่าข้าเป็นเจ้า ถึงได้ทำเช่นนั้น สรุปแล้วข้าไม่มีทางยอมรับนางแน่นอน เพราะคนใจดำอำมหิตอย่างเจ้าน่ะแหละที่ทำเอาชาตินี้ข้าต้องแปดเปื้อนราคีแล้วเนี่ย”

ตอนนั้นเขากับจวินหย่วนโยวอายุยังน้อย ทั้งสองคนเลยแข่งกันว่า หากใครสามารถหาเม็ดลำไยในแดนใต้ได้ อีกคนต้องเชื่อฟังคนนั้นไปทั้งชาติ

ทั้งสองคนผ่านเมืองเยว่ พักค้างอ้างแรม เจ้าเมืองเมืองเยว่ต้อนรับขับสู้อย่างเอาใจใส่

เหล้าอาหารครบเครื่อง ทั้งสองคนกลับไปพักผ่อนที่ห้อง แต่ไม่คิดเลยว่าองค์หญิงหนานชวนจะไปห้องของจวินหย่วนโยว และยิ่งไม่คิดว่า พอเช้าวันต่อมา เมื่อฟู่อี้เฉินลืมตาตื่นขึ้นจะพบองค์หญิงหนานชวนนอนอยู่ในอ้อมแขนเขา เขาตกใจฉี่แทบแตก

เขาตกใจมากขนาดไม่ทันใส่เสื้อผ้า รีบหนีออกมาทันที และไม่ได้ไปแดนใต้ เล่นย้อนกลับต้าเยียนเลย

สีหน้าหยุนถิงดำทะมึนทันที “ที่ฟู่อี้เฉินพูดเป็นความจริงรึ?”

จวินหย่วนโยวถลึงตาใส่ฟู่อี้เฉิน “ถิงเอ๋อร์ มันเป็นเรื่องเข้าใจผิดน่ะ อันที่จริงองค์หญิงหนานชวนนั่นเดิมชอบพอฟู่อี้เฉิน นางขอความช่วยเหลือจากข้า ให้ข้าช่วยเชื่อมสัมพันธ์ให้ ข้าเลยให้องครักษ์เงามังกรหามเขาเข้าไปในห้อง”

“ทำไมข้าไม่เชื่อล่ะ?” หยุนถิงแสร้งเย้าเขา

นิสัยซื่อจื่อ หยุนถิงรู้ดียิ่งกว่าใคร จวินหย่วนโยวที่เมื่อก่อนเป็นโรคกลัวผู้หญิง ไม่เคยยอมให้ผู้หญิงคนไหนเข้าใกล้ในระยะสองเมตร มีหรือจะให้องค์หญิงหนานชวนเป็นข้อยกเว้น

“หากถิงเอ๋อร์ไม่เชื่อ ข้าจะเขียนจดหมายถึงองค์หญิงหนานชวนเดี๋ยวนี้ ให้นางมาแจงแถลงไขกันต่อหน้าเลย”

“หยุดเลย หากเจ้ากล้าให้นางมา ข้าจะเกลียดเจ้าไปทั้งชาติเลย” ฟู่อี้เฉินรีบห้ามทันที

“เจ้าเกลียดหรือไม่นั้นไม่สำคัญ ขอเพียงถิงเอ๋อร์ไม่เข้าใจข้าผิดก็พอแล้ว” จวินหย่วนโยวย้อน

ทำไมฟู่อี้เฉินรู้สึกว่าตนโดนขุดหลุมดักฝังตนเองเสียนี่ “หยุนถิง อันที่จริงจวินหย่วนโยวพูดความจริงนะ เขาไม่คิดอะไรกับองค์หญิงหนานชวนเลยแม้แต่น้อย”

“ในเมื่อฟู่ซื่อจื่อพูดเช่นนี้แล้ว ข้าจะเชื่อแล้วกัน”

จ้าวเคอมาคารวะเหล้าพอดี ทุกคนพากันยกจอกเหล้าขึ้น หยุนถิงเองก็ดีใจมาก ยื่นมือไปหยิบจอกเหล้าหนึ่งมา “จ้าวเคอ ยินดีด้วย!”

จวินหย่วนโยวกลับเร็วกว่านางก้าวหนึ่ง คว้าจอกเหล้าในมือนางมา “เจ้าดื่มเหล้าไม่ได้ จอกนี้ข้าดื่มแทนเจ้า” พูดพลางกระดกจอกขึ้นดื่ม

“หยุนถิง เหตุใดเจ้าดื่มเหล้ามิได้เล่า?” องค์ชายสี่ถาม

“เจ้าไม่สบายตรงไหนหรือไม่?” ซูชิงโยวถามอย่างเป็นห่วง

หยุนถิงหันมองทุกคน “ข้าไม่เป็นไร แค่ช่วงนี้เจ็บคอนิดหน่อย ร้อนในน่ะ ขอบคุณทุกคนที่เป็นห่วงนะ ทุกคนดื่มกินกันต่อเถอะ”

คนอื่นไม่ได้คิดอะไรมาก พากันขยับตะเกียบ กินอาหารอย่างครื้นเครง

…..

แคว้นเป่ยลี่ จวนอ๋องเก้า

โม่หลานพาหยุนเสี่ยวลิ่วและเสี่ยวอันจื่อไปเดินเล่นที่หอนางโลม และอัดอ๋องเก้าเสียสะบักสะบอม เลยโดนคนของเป่ยหมิงฉี่พาตัวไป

ตอนนี้พวกโม่หลานสามคนถูกขังอยู่ที่จวนอ๋องเก้า ด้านนอกเป็นทหารยามเฝ้าอยู่ ทั้งสามคนออกไปไม่ได้ และหนีก็ไม่ได้ แถมยังไม่ให้กินข้าว ทรมานนัก

“อ๋องเก้าสารเลว แน่จริงเจ้าให้ข้ากินอิ่มแล้วมาสู้กันตัวต่อตัวสิ!” โม่หลานแผดเสียงด้วยความเดือดดาล

ตอนแรกที่โดนขังยังมีให้ข้าวให้น้ำ หลายวันต่อมานี้กลับมีแค่น้ำชามเดียวในทุกมื้อ สำหรับโม่หลานที่กินจุมาแต่ไหนแต่ไรนั้นมันทรมานมากกว่าฆ่านางเสียอีก

“พี่หญิงโม่หลานท่านอย่าร้องอีกเลย เก็บแรงไว้คิดว่าจะหาทางหนีอย่างไรดีกว่า” หยุนเสี่ยวลิ่วบอก

“ไม่กินข้าวจะเอาแรงที่ไหนมาหนี ไอ้สารเลวเป่ยหมิงฉี่ ต่อให้จะเอาพวกเราเป็นตัวประกัน ก็ไม่อาจไม่ให้ข้าวกินสิ” โม่หลานบ่น

“ข้าว่าอาจไม่ใช่เป่ยหมิงฉี่นะ น่าจะเป็นอ๋องเก้า ที่จงใจแก้แค้นพวกเรา หรือไม่ พี่หญิงโม่หลานท่านลองใช้กลสาวงามยั่วยวนเขาดูดีหรือไม่?” หยุนเสี่ยวลิ่วเสนอ

หมอนในมือโม่หลานลอยไปทันที “กลสาวงามอีกแน่ะ คิดออกมาได้นะเจ้า ทำไมเจ้าไม่ลองกลชายงามล่ะ?”

“ข้าเด็กเกินไป เขาต้องไม่สนใจแน่ ถ้าให้นั่งรอความตาย สู้เสี่ยงสักครั้งไม่ได้ ว่ากันว่าอ๋องเก้าผู้นี้เจ้าชู้นัก ท่านก็ยั่วยวนเขาสักหน่อย หากเขาหลงกลล่ะก็ พวกเราก็รุมอัดเขาให้ตายเลย” หยุนเสี่ยวลิ่วตะล่อม

โม่หลานเลิกคิ้วมองเสี่ยวอันจื่อ “เจ้าคิดว่ายังไงล่ะ?”

เสี่ยวอันจื่อเห็นหยุนเสี่ยวลิ่วขยิบตาให้เขา ถึงบอกว่า “ข้าคิดว่าที่เสี่ยวลิ่วพูดก็มีเหตุผลอยู่ นี่เป็นหนทางเดียวในตอนนี้ ผ่านมาหลายวันอย่างนี้แล้ว หลีอ๋องยังไม่มาช่วยพวกเราออกไปอีก น่ากลัวจะอยากให้พวกเราเอาตัวรอดเอาเอง”

“โม่ฉือหานน่าตายนัก ข้ารู้อยู่แล้วว่าเขามิใช่คนดีอะไร” โม่หลานกลั้นใจ

หยุนเสี่ยวลิ่วกับเสี่ยวอันจื่อรีบเข้ามาช่วยทันที ทั้งสามคนปรึกษากัน จากนั้นโม่หลานก็บอกยามหน้าประตูว่าต้องการพบอ๋องเก้า

ไม่นาน อ๋องเก้าก็มาแล้ว เขามาด้วยสีหน้าเย่อหยิ่ง “ถือว่าพวกเจ้ารู้ตัวดี กล้าทำร้ายข้า ข้าจะให้พวกเจ้าอยู่ไม่สู้—“

คำว่าตายยังไม่ทันพูดออกมา อ๋องเก้าก็มองเห็นโม่หลานที่อยู่ข้างในผ่านทางช่องประตู นางผมเผ้าสยาย เสื้อผ้าหลุดไปเกือบครึ่ง เผยให้เห็นไหล่ขาวนวล ท่าทางอ่อนระโหยโรยแรง ดูน่าสงสารนัก

ท่าทางเช่นนั้น มองดูแล้วคันคะเยอหัวใจนัก

“รองแม่ทัพแห่งแคว้นต้าเยียนทำกิริยาเช่นนี้ น่าขายหน้าจริงๆ!”

“ข้าขายหน้าแล้วเกี่ยวอะไรกับเจ้ากัน เจ้าเป็นตัวอะไรกัน” โม่หลานด่ากราด เหล่มองหยุนเสี่ยวลิ่วที่โบกมืออย่างแรง ถึงได้เปลี่ยนคำอย่างไม่เต็มใจ “ข้าได้ยินว่าอ๋องเก้าเจ้าชู้ประตูดินนัก เพียงแต่มิรู้ว่าวิทยายุทธ์บนเตียงเป็นอย่างไรบ้าง กล้าประลองกับข้าตัวต่อตัวหรือไม่เล่า?”

คำพูดนี้ออกมา หยุนเสี่ยวลิ่วปิดหน้าตนเองอย่างกระอักกระอ่วน พี่หญิงโม่หลานนี่หมดทางเยียวยาแล้ว บอกกับนางเป็นพันร้อยครั้งแล้วว่าต้องเย้ายวน ต้องหลงใหล ต้องเขินอาย ทำไมพออ้าปากก็กลายเป็นหญิงแกร่งไปเสียแล้ว

เสี่ยวลิ่วจื่อเองก็หน่ายใจ ไม่รู้ว่าควรทำเช่นไรดี

แต่อ๋องเก้าด้านนอกประตูกลับเกิดสนใจขึ้นมา เขายอมรับว่าตนผ่านสตรีมามากนัก แต่ไม่เคยเห็นนางใดเป็นม้าพยศเฉกเช่นโม่หลานมาก่อนเลย เลยมีแรงฮึดอยากจะกำราบนาง

“ประลองตัวต่อตัว ความคิดนี้ไม่เลว ข้าจะทรมานเจ้าจนต้องคุกเข่าขอร้องเลยทีเดียว!” อ๋องเก้าบอกอย่างยิ้มย่อง ให้คนเปิดประตูทันที

‘นับจากเขาโดนตอน ก็ไม่ได้แตะต้องสตรีนางใดอีกเลย ทุกข์ทรมานทั้งกายและใจ ดังนั้นเลยศึกษาวิธีต่างๆมากมาย ดีเลยจะได้เอาหญิงแกร่งผู้นี้มาทดลองเสียเลย’

องครักษ์สงสัย “อ๋องเก้า ไท่จื่อสั่งความไว้ว่าห้ามเปิดประตู”

“คำสั่งของข้าพวกเจ้ากล้าไม่ทำตามรึ พวกมันไม่ได้กินอะไรมาหลายวันแล้ว เดินยังไม่มั่นคงเลย จะหนีไปไหนได้ อีกอย่างมีพวกเจ้ามิใช่รึ รีบเปิดประตู อย่าทำข้าเสียเวลา!” อ๋องเก้าเร่งเร้า

องครักษ์คิดๆดูก็มีเหตุผล เลยรีบเปิดประตู

อ๋องเก้าเปิดประตูเข้าไป พุ่งเข้าหาโม่หลานทันที

จอมนางข้ามภิภพ

จอมนางข้ามภิภพ

Status: Ongoing
นางเป็นบุตรีเอกแห่งจวนเฉิงเสี้ยง เป็นยัยอัปลักษณ์ไร้ค่าผู้ฉาวโฉ่ กลับมีรักแรกพบกับหลีอ๋อง คะยั้นคะยอจะอภิเษกสมรสกับหลีอ๋องอย่างไม่กลัวสิ่งใด ณคืนวันอภิเษกถูกหลีอ๋องทำอัปยศอดสูจนตายพอลืมตาขึ้นดันทะลุมิติมาอีกภพหนึ่งกลายเป็นศาสตราจารย์หมอพิษสมัยใหม่ควบสองบัณฑิต คนที่เคยรังแกนาง มันต้องเอาคืนเป็นร้อยเท่าพันเท่า นาง…จัดการกับพวกสันดานชั่วอย่างออกนอกหน้า หาเงินอย่างถ่อมตน มัสมบัติระรวยใต้หล้า เพื่อหลุดพ้นจากหลีอ๋อง เลยแต่งในฐานะนางสนมของซื่อจื่อ กลับคิดไม่ถึงว่าจะไปกระตุกหนวดเสือให้เข้าแล้ว เขาเป็นซื่อจื่อผู้ป่วยเสาะแสะ สุขุมอ่อนโยน เย็นชาเจ้าเล่ห์ ร่างมีพิษที่จะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน หยุนถิงเป็นคนช่วยเขาแก้พิษ ทำให้เขากลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง เขาสาบานว่า จะอยู่กินกับนางแต่เพียงผู้เดียว หลังแต่งงาน นางนวดเอวที่ปวดอยู่ เตะเขาลงจากเตียง:“รับจดหมายรักจากหญิงอื่น ยังกล้ามานอนกับหม่อมฉันอีกรึ?” เขารีบอธิบาย:“น้องนาง ข้าผิดไปแล้ว ใครกล้ามาแย่งข้าไปจากเจ้า ข้าจะตัดขานางให้รู้แล้วรู้รอด” นางยักคิ้วหลิ่วตา:ก็ท่านนี่แหละที่เป็นต้นเหตุ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท