จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 439 เจ้าชอบก็ดีแล้ว
อ๋องเก้าพยักหน้าหงึกๆ “ท่านพี่ไท่จื่อ ท่านวางใจเถอะ ข้าไม่มีทางทรมานพวกเขาแน่ ข้ายังไม่อยากตาย”
“ถือว่าเจ้ารู้ตัวดี สงบเสงี่ยมให้ข้าซะ!” เป่ยหมิงฉี่ทิ้งไว้หนึ่งคำ ก่อนออกไป
อ๋องเก้าถึงถอนหายใจโล่งอก “ไอ้หนู เจ้ากินอิ่มแล้วนะ อย่าบอกว่าตอนนี้เจ้าไม่มีเรี่ยวแรงอีกนะ”
หยุนเสี่ยวลิ่วเช็ดคราบน้ำมันที่มุมปาก “มีเรี่ยวแรงแล้ว ท่านให้คนไปเอาเข็มเงินมาชุดหนึ่งสิ”
“ใครก็ได้ ไปนำเข็มเงินมา!” อ๋องเก้าสั่งการ
“ขอรับ!” องครักษ์คนหนึ่งรีบไปจัดการทันที
ไม่นาน องครักษ์ก็นำเข็มเงินมาหนึ่งชุด หยุนเสี่ยวลิ่วรับมา “ท่านมานั่งลงเถิด!”
อ๋องเก้านั่งลงอย่างรวดเร็ว ยาพิษนี้ร้ายกาจนัก ทำเขาเจ็บราวกับอยู่ไม่สู้ตายเลยทีเดียว
โม่หลานเลิกคิ้วมองมา ทำไมนางไม่รู้มาก่อนเลยว่าหยุนเสี่ยวลิ่วรู้วิชาแพทย์เล่า
จากนั้นก็เห็นหยุนเสี่ยวลิ่วทำทีหยิบเข็มเงิน แทงลงไปในจุดชีพจรบางจุดของอ๋องเก้าทันที
“อ๊าฮะฮะ เจ็บนัก ฮะฮะ ไอ้หนูนี่ข้าเป็นอะไรกัน ฮะฮะ—“ อ๋องเก้าร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด จากนั้นก็หัวเราะไม่หยุด
หยุนเสี่ยวลิ่วสีหน้ากระดาก “ขอโทษด้วยอ๋องเก้า ข้าปักผิดจุด!”
อ๋องเก้าอยากตายขึ้นมาเลย “ไอ้หนูแกล้งข้ารึ หมอหลวง ต้องลงเข็มตรงไหน เจ้ารีบบอกหมอหลวงเร็ว”
“พี่ใหญ่ไม่ได้บอกข้า น่ากลัวคงกลัวว่าลูกศิษย์จะเก่งเกินอาจารย์ นางบอกแค่ตำแหน่งคร่าวๆแกข้า ข้าลองอีกครั้งดีหรือไม่?” หยุนเสี่ยวลิ่วกระซิบถาม
อ๋องเก้าอยากจะซัดฝ่ามือใส่ไอ้หนูนี่นัก เจ้านี้ต้องเป็นคนที่สวรรค์ส่งมาลงโทษเขาแน่
ความเจ็บปวดแล่นพล่านมาที่ท้องอีกครั้ง อ๋องเก้ากัดเขี้ยวเคี้ยวฟันอย่างเจ็บปวด “ไอ้หนูฝังเข็มให้แม่นหน่อย หากยังไม่ได้อีก ข้าจะจัดการเจ้าแน่”
“งั้นข้าไม่ลงเข็มละ ยังไงเมื่อครู่ เป่ยหมิงฉี่บอกแล้วว่า ห้ามมิให้พวกท่านทรมานข้า” หยุนเสี่ยวลิ่วผายมือ ไม่ลงเข็มละ
คราวนี้อ๋องเก้ายิ่งร้อนใจหนักขึ้น “ไอ้หนูเจ้ากล้าขู่ข้ารึ รีบลงเข็มเร็ว ลงเร็วๆ ลงไม่แม่นก็ไม่โทษเจ้า รีบเข้า ข้าเจ็บจะตายอยู่แล้ว!”
“นี่ท่านพูดเองนะ” หยุนเสี่ยวลิ่วถึงหยิบเข็มเงินขึ้นมา ลงผิดจุดไปอีกหลายที
อ๋องเก้าโดนทรมาน เดี๋ยวร้องไห้ เดี๋ยวหัวเราะ เดี๋ยววิ่งไปทั่งห้อง ผ่านไปครู่หนึ่งถึงหยุดลง ความเจ็บปวดค่อยๆลดลง
“ครั้งนี้ถูกแล้ว”
อ๋องเก้าโดนทรมานจนอ่อนแรงมากแล้ว เขาเอนพิงโต๊ะหอบหายใจ “หากเจ้ายังลงเข็มไม่ถูกอีก ข้าต้องโดนเจ้าทรมานจนตายแน่”
โม่หลานกับเสี่ยวอันจื่อแอบสะใจ หยุนเสี่ยวลิ่วเจ้าเล่ห์ที่สุดจริงด้วย มองดูเขาทรมานอ๋องเก้าเช่นนี้ ช่างสาแก่ใจนัก
อีกด้านหนึ่ง หลีอ๋องนำกองทัพมาตั้งค่ายลงที่นอกเมืองหลวงของแคว้นเป่ยลี่ห่างไปสามสิบลี้
บัดนี้ผ่านไปสิบกว่าวันแล้ว หลีอ๋องยังไม่ไปช่วยพวกโม่หลานเลย เหล่าทหารมากมายเริ่มทนดูไม่ไหวแล้ว
“พวกเจ้าว่า ท่านอ๋องคิดอะไรกันแน่น่ะ จะยังไงคุณหนูโม่ก็เป็นรองแม่ทัพ แล้วยังมีหยุนเสี่ยวลิ่วกับเสี่ยวอันจื่ออีก เขารู้ว่าคนโดนเป่ยหมิงฉี่จับตัวไปแล้ว กลับไม่ยอมไปช่วยคน” ทหารคนหนึ่งกล่าวโทษออกมาแผ่วเบา
“ยังต้องถามอีกรึ ครั้งก่อนในป่า พวกหยุนเสี่ยวลิ่วทำเอาท่านอ๋องเสียหน้าแตกไม่รับเย็บ ท่านอ๋องย่อมต้องลงโทษพวกเขาอยู่แล้ว”
“นี่มันแก้แค้นส่วนตัวกันชัดๆ พวกเจ้าอย่าลืมสิ ตอนพวกเราโดนซุ่มโจมตี พวกคุณหนูโม่สามคนช่วยพวกเราไว้นะ”
ทหารทั้งหมดเห็นด้วย กระทั่งยังมีหลายคนวางแผนกันว่าจะลอบไปช่วยดีหรือไม่
โม่ฉือหานที่เดินผ่านมาย่อมได้ยินคำพูดของพวกเขา สีหน้าพลันเย็นเยียบลงทันที “หากใครกล้าลักลอบออกจากกองทัพ ให้ลงโทษตามกฎทหาร ข้าจะไม่ผ่อนปรนเด็ดขาด!”
น้ำเสียงเย็นเยียบฉายแววเด็ดขาด ไม่ไว้หน้าเลยแม้แต่น้อย
เหล่าทหารตกใจมาก ไม่มีใครกล้าพูดอะไร แต่ในใจกลับยิ่งเคียดแค้นหลีอ๋องมากขึ้น
การที่โม่ฉือหานไม่ไปช่วย เป็นเพราะอยากยืมมือเป่ยหมิงฉี่สั่งสอนพวกโม่หลานจริงๆ ครั้งก่อนตอนอยู่ในป่า หยุนเสี่ยวลิ่วเล่นงานตนอย่างไร โม่ฉือหานไม่ได้ลืม เขาต้องการให้พวกเขาเอาตัวรอดเอาเอง
……
อีกด้านหนึ่ง จวนซื่อจื่อ
หยุนถิงที่อาบแดดอยู่ในสวน ได้รับจดหมายฉบับหนึ่ง พอเปิดออกดู เป็นมู่ว่านว่านเขียนมาหาเธอ
ในจดหมายบอกว่า นางรู้ซึ้งในสูตรอาหารแล้ว เชิญหยุนถิงมาลองชิมอาหารนี้ได้ทุกเมื่อ
“คุณหนู มู่ว่านว่านเขียนจดหมายให้ท่านทำไมรึ?” เยว่เอ๋อร์ถามอย่างไม่เข้าใจ
ก่อนหน้านี้มู่ว่านว่านหาเรื่องคุณหนูหลายต่อหลายครั้ง เยว่เอ๋อร์จำได้แม่นยำนัก
“ข้าช่วยชีวิตนางไว้ นางย่อมต้องตอบแทนบุญคุณข้า” หยุนถิงตอบ
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ งั้นคุณหนูจะไปหอเทพเซียนจริงรึ?” เยว่เอ๋อร์ถามอย่างเป็นห่วง
ยังไม่รอหยุนถิงตอบ ก็เห็นซวนอ๋องเดินเข้ามาจากด้านนอก ในมือถือตะกร้าใหญ่มาด้วย
หยุนถิงสีหน้ายินดี “ซวนอ๋อง ท่านมาแล้ว”
“ใช่ ข้าพึ่งเข้าเมืองหลวงก็มาเยี่ยมเจ้าเลย ตั้งใจเอาของฝากจากแคว้นเป่ยลี่มาให้เจ้าโดยเฉพาะ” ซวนอ๋องตอบ พลางยื่นตะกร้าให้
“ขอบคุณซวนอ๋อง” หยุนถิงซาบซึ้งใจนัก
เยว่เอ๋อร์รับมาทันที หยุนถิงเปิดออกดูเห็นเป็นของกิน และพวกจี้หยกนั่น พิเศษมาก หยุนถิงหยิบมาดูหนึ่งอัน
“งานปักนี้ไม่เลวเลย รูปแบบและวิธีทำพิเศษมาก”
“นี่เป็นสิ่งที่ช่างปักที่ดีที่สุดในเมืองหลวงของแคว้นเป่ยลี่ทำออกมา เจ้าชอบก็ดีแล้ว ก่อนหน้านี้เจ้ากับจวินหย่วนโยวรีบร้อนออกจากแคว้นเป่ยลี่ มีเรื่องอะไรรึ?” โม่เหลิ่งเหยียนถาม
หยุนถิงยิ้มบางตอบ “มีเรื่อง แต่เป็นเรื่องดี ข้าตั้งครรภ์ กลัวว่าอยู่นานไปแล้วจะแพ้ท้องหนัก เลยกลับมาก่อนน่ะ”
มือใต้แขนเสื้อของโม่เหลิ่งเหยียนกำแน่นอย่างประหลาด หากสีหน้ากลับเรียบเฉยสงบนิ่ง “เช่นนั้นยินดีด้วยนะ”
“เรื่องนี้ข้ามิได้บอกผู้ใดเลย หลายปีมานี้ศัตรูของซื่อจื่อมีมากนัก ข้าไม่อยากให้กระเทือนมาถึงเด็กคนนี้ด้วย ดังนั้นขอให้ซวนอ๋องเก็บเรื่องนี้เป็นความลับด้วย”
มือที่กำแน่นของโม่เหลิ่งเหยียนคลายลง
นางมิได้บอกผู้ใด กลับเชื่อใจตนเพียงนี้ ทำให้เขาทั้งซาบซึ้งและตื้นตันใจนัก
เช่นนี้ เขายังมีสิ่งใดมิพอใจอีก
“เจ้าวางใจได้ ข้าจะไม่บอกผู้ใดแน่นอน”
ทั้งสองคนคุยต่ออีกสองสามคำ จวินหย่วนโยวรีบร้อนเร่งรุดมาจากห้องหนังสือ
พอได้ยินว่าซวนอ๋องมา แถมยังตั้งใจมาหาหยุนถิง เอาของมาให้ จวินหย่วนโยวรู้สึกว่าเขาต้องคิดไม่ดีแน่
“ข้าจะได้เป็นพ่อคนแล้ว ซวนอ๋องไม่ยินดีกับข้าหน่อยรึ?” จวินหย่วนโยวโอบหยุนถิงเข้าอ้อมกอด
โม่เหลิ่งเหยียนหน่ายใจ “ข้ายินดีกับหยุนถิงไปแล้ว เกี่ยวอะไรกับเจ้ากัน”
“ไม่มีข้า หยุนถิงจะท้องได้รึ เจ้ามันองุ่นเปรี้ยวชัดๆ!” จวินหย่วนโยวย้อน
โม่เหลิ่งเหยียนส่ายหัวอย่างหน่ายใจ “เป็นพ่อคนแล้ว โง่ขึ้นเยอะ หยุนถิง เจ้าพักผ่อนให้ดี ข้ายังมีงาน ขอตัวก่อน” พูดจบก็หมุนตัวจากไป ไม่มองจวินหย่วนโยวเลยสักนิด
“เขาอิจฉาริษยาเคียดแค้น!”
หยุนถิงเหลือบตามองบน “ซื่อจื่อ ท่านจะอยู่กันด้วยดีกับซวนอ๋องมิได้รึ?”
“ไม่ได้!”
องครักษ์คนหนึ่งเข้ามาเร่งร้อน “ซื่อจื่อ ซื่อจื่อเฟยแย่แล้ว จวนฮูหยินเฒ่าฟู่เกิดเรื่องแล้ว ท่านลั่วโดนคนลักพาตัวไปแล้ว!”
พริบตาเดียวจวินหย่วนโยวสีหน้าเย็นชาดุจน้ำค้างแข็ง “เกิดอะไรขึ้น?”